ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น : เรารู้จักอังกฤษยิ่งกว่ารู้จักตัวเอง

ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น : เรารู้จักอังกฤษยิ่งกว่ารู้จักตัวเอง

ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น : เรารู้จักอังกฤษยิ่งกว่ารู้จักตัวเอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากชาติที่มีประชากรหลักแสนคน แถมสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยให้เตะฟุตบอล วันนี้ ไอซ์แลนด์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาไม่ได้เข้ามาลุยยูโร 2016 เพราะโชคช่วย

หลังเขี่ย เนเธอร์แลนด์ ร่วงตกรอบคัดเลือก ไอซ์แลนด์ ไม่ได้คาดหวังว่าจะไปได้ไกลเกินกว่ารอบแบ่งกลุ่มในยูโร 2016 เมื่อถูกจับสลากมาอยู่ร่วมสายกับ โปรตุเกส, ออสเตรีย และฮังการี

อย่างไรก็ตาม แม้นี่เป็นทัวร์นาเมนต์แรกในระดับเมเจอร์ของพวกเขา ทว่าไอซ์แลนด์ กลับไม่มีอาการตื่นกลัวใดๆ อาศัยความมุ่งมั่นและทุ่มเทฝันฝ่าเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้อย่างน่าประหลาดใจ

แถมเป็นการเข้ารอบในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่มเสียด้วย เหนือทีมที่ถูกยกให้เป็นม้ามืดของรายการอย่าง โปรตุเกส และออสเตรีย ซึ่งคงต้องยกเครดิตให้กุนซือคนคู่ ลาร์ส ลาเกอร์บัค กับเฮเมียร์ ฮัลล์กริมส์สัน

แม้นหลายฝ่ายคาดว่า ไอซ์แลนด์ คงมาได้ไกลเพียงรอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังผลการประกบคู่ปรากฏว่าพวกเขาต้องโคจรไปฟาดแข้งกับ อังกฤษ หนึ่งในตัวเต็งของรายการ

แต่ ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น หนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของประวัติศาสตร์ลูกหนังไอซ์แลนด์ กลับไม่คิดเช่นนั้น และเชื่อมั่นว่าพวกเขาก็มีดีพอที่จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปเช่นกัน

“ตอนที่ทราบว่าประกบคู่ไปเจอกับอังกฤษ แฟรงค์ แลมพาร์ดส่งข้อความหาผม เขาส่งสติ๊กเกอร์รูปหัวเราะกิ๊กกั๊กมา ผมไม่แน่ใจว่าเขากำลังรู้สึกตลกอยู่หรือเปล่า”

กุ๊ดยอห์นเซ่น อาจไม่ได้เป็นหัวหอกที่ทักษะดี หรือมีสัญชาตญาณการพังประตูเต็มเปี่ยม แต่คาแร็กเตอร์ที่เราคุ้นเคยจากตัวเขา คือการทุ่มเทอย่างสุดกำลัง และเซนส์ฟุตบอลอันชาญฉลาด

ตลอดเส้นทางการค้าแข้งกว่า 23 ปี ซึ่งยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลง กุ๊ดยอห์นสัน อาจไม่ได้เป็นที่จดจำสำหรับผู้คนมากนัก แต่นี่คือหนึ่งในนักเตะที่เคยค้าแข้งกับยักษ์ใหญ่อย่าง เชลซี และบาร์เซโลน่า สองยอดทีมที่ไม่ใช่ว่าใครก็ย้ายไปเล่นด้วยได้

ซึ่งหากถามว่าคาแร็กเตอร์ของไอซ์แลนด์ชุดนี้เหมือนใคร สิ่งที่ กุ๊ดยอห์นเซ่น แสดงออกบนฟลอร์หญ้าตลอดอาชีพการค้าแข้ง ดูจะตอบคำถามได้แจ่มชัดที่สุด และดูเหมือนว่าจะเป็นดีเอ็นเอที่ถูกส่งตัวผ่านสายเลือดของพวกเขาทุกคน

“เราอยู่กับความเป็นจริง เราทราบดีว่าอยู่ในจุดไหน เราเป็นแค่ทีมรองบ่อนในรายการนี้ แต่เราจะแสดงให้เห็นว่ามาที่นี่ทำไม เพราะเหตุใดเราจึงมาอยู่ที่นี่ และเราจะทำทุกวิถีทางเพื่ออยู่ในรายการนี้ต่อไป”

ประตูของ อาร์นอร์ อิงวี่ ตราอุสตาสัน ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เกมกับออสเตรีย กลายเป็นลูกยิงที่มีความหมายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังไอซ์แลนด์ เพราะนั่นหมายถึง 3 คะแนนอันล้ำค่า ที่นำพวกเขาผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม เส้นทางในรอบแบ่งกลุ่มเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ ไอซ์แลนด์ เท่านั้น จากนี้หนทางในรอบน็อกเอาท์จะเป็นตัวตัดสินว่าความพยายามทุ่มเททำงานตลอดเวลาที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนอะไรบ้าง

“เราทุกคนมีความสุขกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่เราต้องถามตัวเองว่าเราจะมีความสุขแค่นี้หรือทำงานให้หนักกว่านี้เพื่อความสุขที่มากกว่าในอนาคต”

“เราต้องการท้าทายศักยภาพของตัวเองด้วยการไปให้ไกลกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เราจะพยายามมากขึ้น ทุ่มเทพลังงานมากขึ้น เพื่อไปยังเป้าหมายที่สูงขึ้น”

นอกจากจะสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกับบ้านเกิดแล้ว ดาวเตะวัย 37 ปี ยังสร้างอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ยูโร 2016 ด้วยการเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เล่นอายุมากสุดของรายการ เคียงข้าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน, จอห์น โอเชีย, เชย์ กิฟเว่น และ กาบอร์ คิราลี่

เท่านั้นไม่พอ ตระกูลกุ๊ดยอห์นเซ่น ยังค่อนข้างถูกโฉลกกับทีมชาติอังกฤษ เมื่อ อาร์นอร์ พ่อของเขาเคยยิงประตู “สิงโตคำราม” ได้ในเกมอุ่นเครื่องที่เสมอกัน 1-1 เมื่อปี 1982

ส่วนไอเดอร์ ก็สวมปลอกแขนนำทีมลงอุ่นเครื่องในเกมพ่าย 1-6 ก่อนหน้าศึกยูโร 2004

“สำหรับเรา การเผชิญกับอังกฤษเป็นอะไรที่พิเศษเสมอ เพราะฟุตบอลอังกฤษมีอิทธิพลอย่างมากต่อไอซ์แลนด์ ทุกคนในไอซ์แลนด์ล้วนแล้วเลือกเชียร์สโมสรฟุตบอลในอังกฤษ ดังนั้นเราจึงรู้สึกผูกพันธ์กับอังกฤษเป็นพิเศษ”

“อังกฤษอาจไม่ได้มีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในทัวร์นาเมนต์นี้ ผมกลัวจริงๆ ว่าฟอร์มที่ดีที่สุดของพวกเขากำลังจะมาถึง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในเกมฟุตบอลสามารถเกิดขึ้นได้ ผมกำลังตื่นเต้นกับการที่เราได้อยู่ในรอบ 16 ทีมมากกว่า”

ด้วยอายุที่มากขึ้น กุ๊ดยอห์นเซ่น อาจทำได้เพียงเป็นอะไหล่ข้างสนามให้ไอซ์แลนด์ชุดนี้ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าเข้าใจเหตุผลของกุนซือ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกไม่มีความสุขกับการได้นั่งดูแข้งรุ่นลูกรุ่นหลานวิ่งไล่หวดลูกหนังอยู่ข้างสนาม

“มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะมีอายุเท่าไร ไม่มีนักฟุตบอลคนไหนมีความสุขกับการทำได้เพียงนั่งดูอยู่ข้างสนาม แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่มีความสุขกับบทบาทภายในทีม”

“ผมต้องการมีส่วนร่วมกับเกม ผมจะไม่พยายามนั่งเฉยข้างสนามแน่ ผมจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือทีม อาทิเช่นสถานการณ์ก่อนพักครึ่งเป็นอย่างไร เราควรเพิ่มเติมการเล่นในส่วนไหน”

“แน่นอนว่าผู้เล่นทุกคนต้องการลงสนาม แต่นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เราจะมาพูดถึงเรื่องนี้ นี่คือช่วงเวลาที่เราต้องอยู่ร่วมกัน ทุกคนต้องมุ่งมั่นทำหน้าที่ตามบทบาทที่ได้รับมอบหมาย และต้องเคารพกับการตัดสินใจของโค้ช”

หลังจบเกมการแข่งขันกับออสเตรีย เหล่าผู้เล่นไอซ์แลนด์ได้รับอนุญาตให้งดฝึกซ้อม 2 วัน เพื่อกลับไปฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมเต็มที่สำหรับแมตช์เจออังกฤษ ซึ่งคำถามสำคัญคือหากพวกเขาผ่านอังกฤษไปได้ กุ๊ดยอห์นเซ่น

จะส่งข้อความกลับไปเยาะเย้ยแลมพาร์ด หรือไม่

ไอเดอร์ ตอบว่า “ผมไม่ทราบ ผมยังไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับวิธีการตอบโต้หรือโอ้อวดของคุณ คุณควรให้ความเคารพกับแนวทางและวิธีการเล่นของเรา”

“เราทุกคนคงภูมิใจมากหากผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้จริงๆ แต่หากเราทำไม่ได้ ผมก็หวังว่าอังกฤษ จะคว้าแชมป์ยูโร 2016 มาครองได้สำเร็จ”

ทั้งหมดทั้งมวลที่ กุ๊ดยอห์นเซ่น กล่าวมา เห็นได้ชัดว่าผู้คนไอซ์แลนด์ล้วนแล้วแต่ติดตามฟุตบอลอังกฤษอย่างใกล้ชิด ถึงขนาดเลือกสโมสรรักสโมสรเชียร์กันเป็นล่ำเป็นสัน พวกเขาจึงย่อมรู้จักขุนพล “สิงโตคำราม” เป็นอย่างดี

ในทางกลับกัน อังกฤษเองเสียอีกที่แทบไม่รู้จักไอซ์แลนด์ อีกทั้งยังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะเสาะหามาเพิ่มเติมความรู้ความเข้าใจ นอกเสียจากเกม 3 นัดที่ผ่านมา ซึ่ง รอย ฮอดจ์สัน คงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาจุดอ่อนของพวกเขา

ซึ่งหากฟุตบอลคือกีฬาลูกกลมๆ ที่อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ มันจะเป็นไปไม่ได้เชียวหรือที่ไอซ์แลนด์ จะเป็นหนึ่งในทีมที่อยู่ในรอบควอเตอร์ไฟนอลของศึกยูโร 2016 เวทีการแข่งขันที่เหตุการณ์พลิกผันได้ทุกวินาที

จับตามองขุนพลไอซ์แลนด์ให้ดี เทพนิยายฉบับโฟรเซ่นอาจได้ฤกษ์ถือกำเนิดบนผืนแผ่นดินฝรั่งเศส

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook