ทัวร์นาเมนต์ล้างอาย?

เกือบ 10 ปีแล้วที่ บราซิล ไม่มีความสำเร็จใดๆ ในระดับเมเจอร์ให้สาวกเซเลเซา ได้ชมเชยเลยหลังจากที่ คว้าแชมป์โคปา อเมริกา ในปี 2007 ที่เวเนซูเอลา

ฟุตบอลโลก ปี 2010 ก็ไปไม่ถึงดวงดาว เมื่อตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายหลังจากแพ้ให้ต่อฮอลแลนด์

และ โคปา อเมริกา หรือฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ 3 หนต่อมาก็ไม่ประสบความสำเร็จเลย อย่าว่าแต่เข้าชิงชนะเลิศ เอาแค่รอบควอเตอร์ไฟนัล พวกเขายังทะลุผ่านเข้าไปไม่ได้

นี่ขนาดเป็นบอลระดับทวีป ที่ไม่ได้มีพวกยักษ์ใหญ่ในยุโรปเป็นก้างขวางคอ โดยเฉพาะใน โคปา เซนเตนาริโอ้ หรือ ฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปอเมริกา ที่ฉลองครบรอบ 100 ปี เมื่อเดือนก่อนนี้เอง

ที่รวมทุกประเทศในอเมริกาทั้งโซนเหนือ, โซนกลาง และ โซนใต้เข้าด้วยกัน รวมเป็น 16 ทีมเข้าชิงชัย โดยจ้ดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา

มันแย่ยิ่งกว่าอะไร เพราะขนาดรอบแบ่งกลุ่ม ที่มีเพียง 4 ทีม บราซิลยังเอาตัวรอดเข้าไปสู่รอบน็อกเอาท์ ไม่ได้เลยด้วยซ์ำ

หรือย้อนกลับไปสองปีที่แล้วในฟุตบอลโลก 2014 ที่จัดขึ้นในดินแดนตัวเอง ได้เปรียบทุกอย่าง ทั้งบรรยากาศ, สภาพแวดล้อม และความฟิต

กลับต้องมาแพ้เยอรมัน 1-7 ในรอบรองชนะเลิศ เป็นการแพ้ย่อยยับที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของทีมชาติบราซิล และมันดันเกิดขึ้นต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง เป็นล้านคน

ว่ากันตามตรง สถานการณ์ของวงการฟุตบอลบราซิลตอนนี้ ไม่ได้สวยหรู และเป็นมหาอำนาจเหมือนในอดีตแบบหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว

อย่างไรก็ตาม เดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ มีรายการหนึ่งที่ทีมชาติบราซิล ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย ในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน และของชาติตัวเอง

โอลิมปิก ถือเป็นอีกหนึ่งรายการกีฬาระดับโลก ที่แม้จะไม่ได้มีแค่ฟุตบอล แต่ศักดิ์ศรีในฐานะเกมกีฬาแล้ว ยิ่งใหญ่พอๆ กับฟุตบอลโลกเลยทีเดียว

ยิ่งเป็นการจัดขึ้นในประเทศตัวเองด้วย ยิ่งต้องทำให้มันดีเป็นพิเศษ

ถือว่าเป็นโบนัสของคนบราซิเลี่ยน เนื่องจากว่า เป็นสองมหกรรมกีฬาสองรายการ ที่จัดขึ้นติดต่อกันในประเทศ ต่อจาก ฟุตบอลโลก ปี 2014

ถ้าจะถามว่า บราซิล เอาจริงเอาจังกับทัวร์นาเมนต์นี้แค่ไหน ต้องดูที่ซูเปอร์สตาร์ เบอร์ 1 ของชาติ อย่างเนย์มาร์ ที่ยอมไม่ไปร่วมโคปา เซนเตนาริโอ เมื่อต้นเดือนมิถุนายน เพื่อจะให้ร่างกายพร้อมที่สุดสำหรับรายการนี้ ก็ว่าได้

รายการนี้ผู้ที่คว้าแชมป์ แม้จะไม่ได้ถ้วย หรือโล่ห์อะไรมาชื่นชม แต่เหรียญทองที่คล้องคอ ก็มีศักดิ์ศรีพอจะล้างอายให้คนในชาติ ได้มีความสุขครั้งแรก ในรอบ 10 ปี กับกีฬาที่ได้ชื่อว่าพวกเขาคือมหาอำนาจจริงๆ

จะว่าง่ายก็ไม่เชิง จะว่ายากก็ไม่เกินไปนัก คู่แข่งหินๆ ที่ศักดิศรีพอเทียบเคียงบราซิลได้ คือเยอรมัน, อาร์เจนตินา และ โปรตุเกส

ส่วนที่เหลือก็เป็นพวกคละๆ มาจากลีกอื่นๆ ที่ศักยภาพฟุตบอลสู้ยุโรป หรืออเมริกาใต้ไม่ได้อยู่แล้ว อย่างเช่น ฟิจิ จากโอเชียเนีย หรือทีมในเอเชียเป็นต้น

แฟนบอลบราซิล ที่ผิดหวังกับรายการใหญ่มาตลอด 7 รายการหลังสุด หวังกับโอลิมปิกไว้พอสมควร

ในฐานะที่ติดตามฟุตบอลมาตั้งแต่เด็กๆ และได้เห็นบราซิลเคยยิ่งใหญ่มาก่อน ขอเอาใจช่วยให้พวกประสบความสำเร็จ เป็นจุดพลิกผัน ที่จะทำให้พวกเขากลับมาเป็นมหาอำนาจอีกครั้ง

เนย์มาร์และผองเพื่อน จะงัดเอาทีเด็ดอะไรออกมาช่วยชาติ อย่าพลาดรับชมกันนะครับ