ปีเดียวรุ่ง!! ค่าตัวพุ่งกระฉูด

สำหรับอาชีพนักบอลการตัดสินใจย้ายทีมหนึ่งครั้งถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงไม่น้อย บางคนกำลังมาดีๆ ย้ายผิดที่ผิดทางกลายเป็น "ดาวดับ" ก็มีให้เห็นมาเยอะ

แต่บางคนจากแข้งโนเนมที่เลือกสโมสรได้ถูกจังหวะ ก็กลายเป็นโชว์ฟอร์มเด่น จนมูลค่าทางการตลาดของตัวเองพุ่งสูงอย่างไม่รู้ตัว

เหมือนกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่เป็นดีลล่าสุด จากแข้งไร้ชื่อในฝรั่งเศส การย้ายมาอยู่กับ เลสเตอร์ และพาทีมเป็นแชมป์ได้ ทำให้ตอนนี้กลายเป็นแข้งเนื้อหอม ก่อนที่ เชลซี จะปิดดีลมาได้แบบสดๆ ร้อนๆ

ซึ่งบรรทัดต่อไปหลังจากนี้คือกลุ่มคนประเภทเดียวกับ ก็องเต้ คือพวกย้ายทีมปีเดียวเด่น และมีค่าตัวที่พุ่งกระฉูดในซีซั่นต่อมา

เอ็นโกโล่ ก็องเต้
2015 - เลสเตอร์ 5.6 ล้านปอนด์
2016 - เชลซี 32 ล้านปอนด์
การย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ไม่เคยเป็นเวทีที่ง่ายสำหรับนักเตะคนใดๆ ทว่า ก็องเต้ กลับฉายแสงได้อย่างยอดเยี่ยม และเล่นได้อย่างโดดเด่นจนมีส่วนสำคัญที่ทำให้ เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์
ด้วยเพลงแข้งอันเอกอุ แม้ทีม "จิ้งจอกสยาม" อยากจะเก็บไว้กับทีมต่อไป แต่ด้วยเม็ดเงินระดับ 32 ล้านปอนด์ของ เชลซี ที่ทำให้พวกเขาได้กำไรเกินกว่า 20 ล้านปอนด์ มันเป็นเรื่องที่ยากจะรั้งตัวไว้จริงๆ

เดยัน ลอฟเรน
2013 - เซาธ์แฮมป์ตัน 8.5 ล้านปอนด์
2014 - ลิเวอร์พูล 20 ล้านปอนด์
ทีม "นักบุญ" เป็นหนึ่งในสโมสรในพรีเมียร์ลีก ที่ได้รับการยกย่องว่าทำการตลาดได้ค่อนข้างดี ไม่ปั้นแข้งจากเยาวชน ก็มักจะซื้อมาถูกแล้วปล่อยออกในราคาที่ทำกำไรได้เสมอ
ลอฟเรน ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อดีตกองหลังของ ลียง เล่นได้อย่างแข็งแกร่ง จน ลิเวอร์พูล ต้องทุ่มเงินถึง 2 เท่าเพื่อดึงไปร่วมทีม

วินเซนต์ แยนส์เซ่น
2015 - อาแซด อัล์คมาร์ 5 แสนยูโร
2016 - สเปอร์ส 22 ล้านยูโร
กองหน้าทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เป็นอีกคนที่เพิ่งย้ายทีมแบบสดๆ ร้อนๆ โดยเป็นทาง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่ยอมทุ่มเงินถึง 22 ล้านปอนด์ ปาดหน้าทีมยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ มาได้สำเร็จ
ดูจากผลงานซีซั่นที่ผ่านมา แยนส์เซ่น ถือเป็นกองหน้าที่น่าเสี่ยงด้วยมากๆ เพราะยิงได้ถึง 27 ประตูให้กับ อัล์คมาร์ ร่วมถึงยังคว้ารางวัล “โยฮัน ครัฟฟ์ โทรฟี” หรือดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำปี

มาร์ติน คาเซเรส
2007 - บีญาร์เรอัล 9 แสนยูโร
2008 - บาร์เซโลน่า 16.5 ล้านยูโร
บีญาร์เรอัล ทำกำไรมหาศาลจากโปรไฟล์ของ คาเซเรส โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ลงสนามให้กับทีมเลย เพราะตั้งแต่ถูกดึงตัวมาจาก เดเฟนเซอร์ ก็ถูกปล่อยตัวให้ เรเครติโว่ อูเอลบา ยืมใช้งาน
ภายใต้การปฎิวัติ บาร์เซโลน่า ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้จัดการดึงตัวเขามาร่วมทีม ทว่าเอาเข้าจริงๆ คาเซเรส ก็ได้ลงเล่นให้กับยอดทีมจากแคว้นคาตาลันในลา ลีกา สเปน ไปเพียง 13 เกมเท่านั้น

เอริค ไบญี่
2015 - บีญาร์เรอัล 5.7 ล้านยูโร
2016 - แมนฯ ยูไนเต็ด 40 ล้านยูโร
เป็น บีญาร์เรอัล อีกครั้งที่สามารถทำกำไรจากการขายกองหลังได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แม้ ไบญี่ จะได้ลงเล่นเพียงเล็กน้อยกับ เอสปันญ่อล แต่ต้องชมแมวมองของ "เรือดำน้ำสีเหลือง" ที่ตาดีมากๆ
กองหลังทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ เป็นตัวแทนของ กาเบรียล เปาลิสต้า ที่ย้ายไป อาร์เซนอล ซึ่งเจ้าตัวเล่นได้ดีไม่แพ้กัน จน โจเซ่ มูรินโญ่ ต้องดึงไปร่วมทีมเพื่อสร้างเกมรับใหม่ชุดใหญ่ให้กับทีม "ผีแดง"

มาร์ควินญอส
2012 - โรม่า 3 ล้านยูโร
2013 - ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 31.4 ล้านยูโร
กองหลังหมายเลข 10 ของ โครินเธียนส์ แม้จะมีชื่อเป็นหนึ่งในทีมชุดคว้าแชมป์ โคปา อเมริกา ในปี 2012 ทว่าเจ้าตัวกลับไม่ได้ลงสนามเลยแม้แต่นาทีเดียวในเกมนัดชิงชนะเลิศ
แม้จะเป็นแข้งโนเนมแต่ โรม่า ก็เสี่ยงความตัวมาร่วมทีมในราคาสุดถูกแค่ 3 ล้านยูโร ก่อนปลุกปั้นจนเป็นกองหลังตัวหลักของทีม และเพียงซีซั่นเดียวก็ทำกำไรให้สโมสรเกือบ 30 ล้านยูโรเลยทีเดียว

เมห์ดี้ เบนาเตีย
2013 - โรม่า 13.5 ล้านยูโร
2014 - บาเยิร์น 26 ล้านยูโร
หลังจากปล่อย มาร์ควินญอส ออกไป โรม่า ใช้ทุนเพียงครึ่งเดียวดึง เบนาเตีย จากอูดิเนเซ่ เข้ามาแทน ซึ่งเจ้าตัวก็สามารถทำหน้าที่แทนได้อย่างไม่เขอะเขิน
อย่างไรก็ตามด้วยฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่ง โดดเด่นในลูกตั้งเตะ ทำให้ โรม่า ต้องเผชิญสถานการณ์ เงินที่มากกว่าตอนซื้อถึง 2 เท่า ทำให้พวกเขาต้องจำยอมปล่อย เบนาเตีย ให้ บาเยิร์น มิวนิค

เควิน เดอ บรอยน์
2014 - โวล์ฟสบวร์ก 18 ล้านปอนด์
2015 - แมนฯ ซิตี้ 55 ล้านปอนด์
ทุกคนๆ เห็นในศักยภาพของ เดอ บรอยน์ ยกเว้นคนเดียวก็คือ โจเซ่ มูรินโญ่ ที่ไม่ยอมใช้งานและตัดสินใจปล่อยตัวเขาไปให้กับ โวล์ฟสบวร์ก ด้วยค่าตัว 18 ล้านปอนด์
มิดฟิลด์ทีมชาติเบลเยี่ยม เล่นได้เด่นมากๆ ในบุนเดสลีกา โดยยิงได้ถึง 10 ประตูกับอีก 20 แอสซิสต์ ซึ่งสุดท้ายเจ้าตัวก็ได้กลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในพรีเมียร์ลีก กับแมนฯ ซิตี้ ขณะที่ โจเซ่ มูรินโญ่ ตกงานกับทาง เชลซี