สกู๊ป : "ปืนใหญ่" ยังเหมือนเดิม...

ผมชอบที่ “บีบีซี” นำเสนอข้อมูลผ่านตัวเลขสวยๆ ในการ “พรีซีซั่น” ของทีมพรีเมียร์ลีกก่อนเปิดฤดูกาล 2016/17

ทั้ง 20 ทีมมีการเดินทางรวมทั้งสิ้นถึง 172,413 ไมล์ (กรุงเทพฯ - ลอนดอน ประมาณ 5,000 ไมล์) โดยทีมตราไก่ สเปอร์ส กินเลขไมล์เยอะสุด 22,468 ไมล์ไปไกลถึงออสเตรเลีย

ตามด้วยเชลซี 14,345 ไมล์ (1 ไมล์ เท่ากับ 1.6 กิโลเมตรโดยประมาณ) ขณะที่วัตฟอร์ด ไปใกล้สุดแค่ประมาณ 1,632 ไมล์เท่านั้น

ทั้งหมดครอบคลุม 14 ประเทศ เตะมากสุดในสหรัฐอเมริกา 17 แมตช์ตามด้วยออสเตรีย 11 แมตช์

น่าสนุกดีนะครับ เห็นตัวเลขแบบนี้ และน่าจะทำให้ “เข้าใจ” พร้อมกับ “เห็นภาพ” มากขึ้นว่า การพรีซีซั่นต่างแดนไกลๆ ไม่ว่าจะทวีปเอเชีย, ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา ฯลฯ

เป็นเรื่อง “ปกติ” ธรรมดาไปแล้วในโลกยุคดิจิตอล และก็เป็น “ธรรมดา” เช่นกันหากผลงานในสนามจะไม่เข้าตา หรือแกว่งไปมา

ฉะนั้น อย่า “คิดเยอะ” ครับกับผลงานทีมโปรดในช่วงอุ่นเครื่องพรีซีซั่นแบบนี้ เพราะเอาแน่นอนอะไรไม่ได้หรอกครับ

เฉพาะอย่างยิ่งการได้เห็นการ “เปลี่ยนตัว” ครั้งละมากๆ หรือทดลองระบบการเล่น, ทดลองตัวผู้เล่น

ไม่นับในเรื่อง “รอคอย” การกลับมาของตัวหลักไม่ว่าจะนักเตะใหม่ หรือตัวที่ติดแข้ง “ยูโร 2016” และโคปา อเมริกาที่พอกลับมาแล้วก็ยังไม่ฟิต และต้องไล่ตามเพื่อนๆ อีก

ตามภาษาฟุตบอลเค้าสามารถเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าเป็น “แพ็คเกจ” ของการทำทีมในช่วงเวลานี้ของปีที่ต้อง “ยอมรับ” อย่างที่ผมเรียนไว้เสมอ

นอกจากนี้ยังจะมีในการการ “โยกย้าย” นักเตะที่ไม่ว่าจะย้ายเข้า หรือเตรียมย้ายออกล้วนส่งผลต่อความ “ลงตัว” ของทีม

ทีมจะ Settle หรือไม่ บางทีก็ข่าวเรื่องการโยกย้ายนี่แหละครับจะเป็น “ปัจจัย” ทำให้ห้องแต่งตัวไม่เหมือนเดิม หรือมีสั่นคลอน

พอล ป๊อปบา คือ ตัวอย่างที่ดีที่สุดที่ยิ่ง “ยืดเยื้อ” ยิ่งไม่เกิดผลดีกับทั้ง 3 ปาร์ตี้ไม่ว่าจะแมนฯยูไนเต็ด, ยูเวนตุส และตัวนักเตะเฟรนช์เอง

แต่ลึกๆ แล้ว กับข่าว “ป๊อกบา เดลี่” สามารถกล่าวได้ว่า คอนเฟิร์ม 99.99% หลังจากเมื่อวานที่เปิดตัว กอนซาโล่ ฮิกัวอิน สู่ทีมยูเวนตุส

เพราะทีมม้าลายคงไม่น่าจะสามารถ หรือ “บ้าซื้อ” นักเตะราคาเกือบ 80 ล้านปอนด์ได้ตามลำพังโดยเก็บป๊อกบาเอาไว้

ดีลการซื้อกองหน้าอาร์เจนไตน์จึงเท่ากับ “เปิดทาง” ให้ป๊อกบา ย้ายสู่แมนฯยูฯ เต็มรูปแบบ และนั่นน่าจะเท่ากับ “ปิดตัว” ตลาดนักเตะคนสำคัญที่สุดประจำซัมเมอร์นี้ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดีครับ นักเตะสำคัญคนอื่น ๆ ยังมาไม่ครบ “ใบสั่ง” เช่น แมนฯซิตี้ ที่กุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอลา ต้องการยกเครื่องแผงหลัง ยังคงไม่ได้กองหลังที่ต้องการ

จอห์น สโตนส์ น่าจะมาแน่เช่นเดียวกับ เลโอนาร์โด เบนุชชี่ เชลซี ก็เหมือนจะรอกองหน้าคนใหม่ที่อาจมาแทน ดิเอโก้ คอสต้า

เขียนถึงตรงนี้ ผมนึกย้อนไปที่ อาร์เซนอล กับสถานการณ์ปัจจุบันหลังเปิดหัวได้สวยด้วยการคว้าตัวดาวเตะสวิส กรานิต ซาห์ก้า มาอย่างเร็วตั้งแต่ก่อนเปิดยูโร

ตามด้วยข่าวกับ เจมี่ วาร์ดี้ ก่อนจะเงียบเป็นเป่าสากเหมือนทุกซีซั่นที่ถูกมองว่า “ซื้อยาก” ซื้อเย็น ไม่นับที่ได้ ร็อบ โฮลดิ้ง ใครไม่รู้มาอีกคน

ณ จุดที่ตัวหลัก แพร์ มาร์เตซัคเกอร์ มาเจ็บยาวตามหลัง แดนนี่ เวลเบ็ค สำคัญที่สุด คือ “กองหน้า” ตัวเป้ายังไงก็ยังเป็น “เป้าหมาย” ที่ต้องการ และก็ดูเหมือนจะหาตัวไม่ได้เหมือนเคย

ล่าสุด ผมมองว่า “เมสเซส” ที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อีวาน กาซิดิส ออกมายอมรับว่า สู้ “พลังเงิน” ทีมอื่นๆ ซึ่งหมายถึง 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ไม่ได้

ผมแอบงงเล็กน้อย เพราะอเล็กซานเดอร์ ลากาเซตต์ ก็ดูไม่ได้เป็นเป้าหมายของทั้งแมนฯยูฯ หรือแมนฯซิตี้

อาร์เซนอลก็ดู “ทุ่ม” แบบไม่เต็มตัวเหมือนเคยๆ ก่อนจะถอยหลัง และมีทีท่าว่าจะต้องกลับไปใช้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และตัวที่มีอยู่ไปก่อน

จริงๆ แล้ว กาซิดิส น่าจะแสดงให้เห็นความกระหาย “อยากได้” เป้าหมายของทีมมากกว่านี้ หรือมี “นโยบาย” ซื้อเพื่อสยบเสียงยี้บ้าง

บางที มันจำเป็นครับที่ต้องซื้อเพื่อ “เอาใจ” แฟนๆ, บอร์ดบริหาร หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและได้ประโยชน์กับทีมบ้าง อะไรบ้าง

ความเสี่ยงยังไงก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่ ณ จุดนี้ อาร์เซนอล เหมือนกับไม่ทำอะไรเลย

ดังนั้น อีกประมาณ 1 เดือนก่อนตลาดปิด และในจุด “พรีซีซั่น” แบบนี้หลายทีมอาจจะ “แทบจบ” และพอใจกับนักเตะที่มีอยู่, หลายทีมกำลังจีบติด และแนวโน้มดี

แต่ก็บางทีมเช่น อาร์เซนอล ที่ดูถอดๆ และกล้าๆ กลัวๆ เกินไปครับ