สกู๊ป : "มอยส์" รอ "โอกาสที่ 2"

สกู๊ป : "มอยส์" รอ "โอกาสที่ 2"

สกู๊ป : "มอยส์" รอ "โอกาสที่ 2"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟัง เดวิด มอยส์ ให้สัมภาษณ์ยาวๆ ชิ้นแรกหลังรับงานกับซันเดอร์แลนด์แล้วได้แง่คิดหลายๆ อย่างนะครับ

ประการแรกก็คือ กุนซือสกอตต์พูดว่าตัวเองได้รับการ “ปฏิบัติ” ไม่ยุติธรรมนักสมัยคุมทีมปิศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด และต้องแยกทางกันหลัง 10 เดือน

ทั้งที่สัญญาจริงมีระยะเวลา 6 ปี แม้เจ้าตัวจะยอมรับว่า “ชนะน้อย” ไปก็ตามทีโดยไม่ได้ระบุถึง “สถิติ” ยอดเยี่ยมต่างๆ ที่สร้างสะสมไว้ในยุค เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แล้วมาโดนทำลาย

อีก “ประโยค” ที่สะท้อนความรู้สึกลึกๆ ของมอยส์ คือ การพูดว่าสถานการณ์หลังจากเค้าถูกไล่ออกจากแมนฯยูไนเต็ด น่าจะสื่อถึงสิ่งที่เค้ากำลังพูดถึงได้ดีขึ้น

แน่นอนครับว่า มอยส์ อยากอ้างถึง หลุยส์ ฟาน ฮัล กับช่วงเวลา 2 ฤดูกาลที่จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้ “จบสวย” มากมายนักก่อนจะโดนไล่ออกจากถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกเช่นกัน

เพียงแค่ 2 ประเด็นนี้ สำหรับผมแล้ว “สะท้อน” ความจริง 2 ด้านคือ 1.มอยส์ ไม่น่าจะกลับไปพูดในทางไม่ดีถึงทีมเก่า แม้จะไม่ได้เสียหายมากนักก็ตาม

แต่หากพูดแล้วไม่ได้ทำให้อะไรก็ดีขึ้น มันก็จะคล้ายกับ “แก้ตัว” เปล่าๆ เพราะสุดท้ายไม่ “สัญญา” จะ 6 หรือ 10 ปีแต่มอยส์ก็โดนไล่ออกในเดือน เม.ย. 2014 ณ จุดที่คะแนนไปไม่ถึงโควต้า “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก” แล้ว

ข้อ 2 คือ หากจะจำกันได้ สถานการณ์การเตรียมทีมในช่วงซัมเมอร์ตลอด 3 ซีซั่นที่ผ่านมานับจากยุคมอยส์ที่แย่มาก เพราะเอ็ด วู้ดเวิร์ด เพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทน เดวิด กิลล์

กับอีก 2 ซัมเมอร์ของ ฟาน ฮัล ไม่ได้ถือว่า เพอร์เฟคต์ แม้ครั้งหนึ่งจะเคยได้ตัวนักเตะระดับ อังเคล ดิ มาเรีย มาร่วมทีมก็ตาม

แต่ “ความมั่นใจ” หรือฟิลลิ่งแบบซัมเมอร์นี้ยุค โจเซ่ มูรินโญ่ ที่ระดมซื้อนักเตะ “สเปค” ที่ต้องการได้แบบเฉพาะเจาะจงในทุกตำแหน่ง

เพื่อเติมทีมที่ “ใช้ได้” ระดับคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ซึ่งฟาน ฮัล สร้างมาได้ดีอยู่แล้วจึงดูน่ากลัว

เพราะตอนนี้ “แกนหลัก” ตั้งแต่ประตู, กองหลัง, กองกลาง และกองหน้า ล้วนมี “กระดูกสันหลัง” ที่แข็งแกร่งตรงตามสูตรฟุตบอล

รอเพียง พอล ป๊อกบา นั่นแหละครับที่จะเป็น “จิ๊กซอว์” ชิ้นสุดท้ายมาเติมเต็มทีมที่ลึกๆ แล้วหลายฝ่ายมองถึงขั้นเป็น “เต็ง 1”

เหนือแมนฯซิตี้, อาร์เซนอล และเชลซี ด้วยซ้ำโดยยังไม่นับ ลิเวอร์พูล, สเปอร์ส, เลสเตอร์

สิ่งที่ผมเขียนหมายถึง มูรินโญ่ มีความพิเศษที่ดูเหนือกว่า มอยส์ และฟาน ฮัล อย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยๆ ในแง่ที่สามารถ “คอนโทรล” และสร้างความเป็นหนึ่งในการทำงานตั้งแต่ฝ่ายบริหารลงมาของทีมปิศาจแดง

ทุกอย่างจึงดูไปในทิศทางเดียวกัน และไม่ได้มี “กระแสลบ” หรือต่อต้าน หรืออะไรก็แล้วแต่ “กวนใจ” เช่น ล่าช้า หรือไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ

วกกลับมาที่มอยส์ครับ

กุนซือวัย 53 ปียังกล่าวด้วยว่า “บิ๊กทีม” อังกฤษจะใช้แต่กุนซือต่างชาติ หรือตีความได้ว่า “โอกาส” ของกุนซือสหราชอาณาจักรมีน้อย

ก็แน่นอนแหละครับ เพราะแต่ละคนในระดับหัวตาราง เช่น เป๊ป กวาร์ดิโอลา ล้วนผ่านงานกับยอดทีมยุโรป และได้รางวัลเกียรติยศมากมายมาแล้ว

ฉะนั้น หากเลือกได้ ผู้บริหารสโมสรฯย่อมอยากได้คนที่ “การันตี” ความสำเร็จได้มากที่สุดผ่านประสบการณ์ที่จับต้องได้

ดังนั้น อย่าว่าแต่มอยส์เลยครับ กุนซือทีมชาติอังกฤษก็ไม่ต่างกันที่หากเลือกชอยส์เป็นคนผู้ดี ตัวเลือกก็แทบไม่เหลือจนสุดท้ายหนี แซม อัลลาไดซ์ ไปไม่พ้น

โดยมี สตีฟ บรู๊ซ, อลัน พาร์ดิว ทำนองนั้นเป็น “แคนดิเดท” ที่คุมทีมเล็กมากในลีกอังกฤษ

อย่างไรก็ดีครับ หากกุนซือบริติชมี “แววมยุรา” จริงๆ โอกาสนั้นมาแน่ๆ

เอ็ดดี้ ฮาว กับบอร์นมัธ ตอนนี้, เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จากสวอนซี มาลิเวอร์พูล ก่อนไปเซลติก ที่ไม่ได้ดู “ขี้เหร่” นัก

หรือมอยส์ เองนั่นแหละครับกับ ผลงานดีๆ ทั้งกับเปรสตัน และเอฟเวอร์ตัน จนนำมาซึ่งการขึ้นชั้นมาแมนฯยูไนเต็ดก่อนจะกลับมาลงตั้งหลักใหม่กับซันเดอร์แลนด์

และไม่แน่ครับว่า หาก “กู้ชื่อ” ได้กับแมวดำ โอกาสที่ 2 ได้คุมทีมใหญ่อีกครั้งแบบที่ เดวิด มอยส์ กำลังรำพึงรำพันอาจมาอีกก็ได้ครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook