ไม่มีปัญหา = มีปัญหา

ไม่มีปัญหา = มีปัญหา

ไม่มีปัญหา = มีปัญหา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถึงจะไม่ได้เป็นแฟนตัวยงของ โจ ฮาร์ท มาแต่ไหนแต่ไร แต่ผมเองก็เอนเอียงไปกับกระแสธารของความเห็นใจต่อนายทวารทีมชาติอังกฤษที่เกิดขึ้นในเวลานี้

ชั่วหรือดี เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ควรจะให้โอกาสแก่นักเตะที่เป็น “แกน” ของสโมสรมากกว่านี้

มากกว่าแค่การ “เชือด” ให้ดูเป็นตัวอย่างสำหรับนักเตะที่เล่นไม่เข้ากับสไตล์การเล่นที่ตัวเองคิดว่าจะมีชะตากรรมอย่างไร

ผมเองพอเข้าใจครับในตัวตนของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดโค้ชระดับอัจฉริยะที่มีสไตล์การทำทีมเป็นของตัวเอง โดยที่หากนักฟุตบอลคนใดที่เล่นได้ไม่เข้ากับระบบหรือสิ่งที่ตัวเองคิดก็พร้อมที่จะ “เขี่ย” ออกจากทีมได้โดยไม่จำเป็นต้องคิดมาก

อีกนัย ผมเชื่อว่าคนอย่างเป๊ป ต้องการทำเพื่อส่งสัญญาณบอกกับทุกคนไม่ว่าใครก็ตาม เขาพร้อมที่จะทำอะไรก็ได้ และทุกคนต้องอยู่ในแนวทางของเขาเท่านั้น

แน่นอนว่า เป๊ป มีเหตุผลในการตัด ฮาร์ท ออกจากตำแหน่งมือหนึ่งครับ เหตุผลที่ว่านั้นไม่ใช่เพียงเรื่องของผลงานที่ตกตำ่อย่างน่ากลัวในช่วงขวบปีที่ผ่านมา แต่ยังมีเรื่องของคุณสมบัติในการเป็นผู้รักษาประตูของมือกาวที่เป็นผู้พิทักษ์ของทีมมาตลอดนับตั้งแต่ย้ายมาจากชรูวส์บิวรี่

หากได้อ่านที่ผมเขียนไปเมื่อสัปดาห์ก่อนเกี่ยวกับระบบในสไตล์ของเป๊ป จะนึกออกว่ามีเอกลักษณ์อยู่ 3-4 อย่างที่ชัดเจนครับ และเริ่มได้เห็นในทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้

นอกเหนือจาก inverted fullbacks และ flexible midfield pivot แล้ว อีกหนึ่งตำแหน่งที่มีความสำคัญกับระบบของเป๊ปคือ Sweeper-keeper หรือผู้รักษาประตูที่มีความสามารถที่จะออกมาเล่นในตำแหน่ง “ตัวกวาด” ได้ด้วย

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ เป๊ป ตัดสินไปแล้วว่าฮาร์ท ไม่สามารถเล่นให้เขาได้อย่างน้อยก็ช่วงเวลานี้ เพราะฮาร์ท เป็นผู้รักษาประตูที่เล่นฟุตบอลด้วยเท้าได้แย่มาก ซึ่งหากนำสถิติของเขาไปเปรียบเทียบกับผู้รักษาประตูรายอื่นๆแล้วจะเห็นความแตกต่างที่ค่อนข้างชัดเจน

ค่าระยะทางการกระจายบอล และความแม่นยำในการออกบอลของนายทวารวัย 29 ปีรายนี้ต่ำมาก

อย่างไรก็ดี มันก็ต้องย้อนกลับไปถึงประโยคต้นๆอีกครั้งครับว่า เป๊ป ด่วนตัดสินฮาร์ทเร็วไปหรือไม่?

ยิ่งเห็น เป๊ป ส่งเขาลงสนามในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบเพลย์ออฟ กับสเตอัว บูคาเรสต์ แล้วนายทวารกล่าวว่ามันเป็น “คืนพิเศษ” สำหรับเขาแล้วยิ่งสะเทือนใจ

มีช่วงหนึ่งในระหว่างครึ่งหลังที่แฟนบอลทั้งเอติฮัด สเตเดี้ยม ต่างลุกขึ้นและขับขาน “Stand up if you love Joe Hart”

ไม่ผิดหรอกครับ มันเป็นการบอกรักและบอกลาในเวลาเดียวกัน ซึ่งหลังจากนี้ ฮาร์ท จะย้ายออกจากทีมค่อนข้างแน่นอน โดยเงื่อนไขค่อนข้างลำบาก จะต้องเป็นทีมในระดับที่ต่ำกว่าแชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้นเพราะเขาจะติดคัพไทหลังลงเล่นให้ซิตี้ไปแล้ว

จริงอยู่ที่มันอาจจะเป็นวิถีของนักฟุตบอลอาชีพที่ต้องพร้อมเจอเรื่องแบบนี้ได้เสมอ

แต่มันก็โหดร้ายอยู่พอสมควร

นอกจากกรณีของ ฮาร์ท ผมรู้สึกคล้ายกันในกรณีของ มามาดู ซาโก้ และ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ที่กำลังตกที่นั่งลำบากในทีมลิเวอร์พูล หลังจากที่ส่อแววจะไปเหยียบตาปลาของ เยอร์เก้น คล็อปป์เข้า

โดยเฉพาะรายของ ซาโก้ ที่เดิมเป็นกองหลังตัวหลักของทีมแต่ล่าสุดกำลังจะโดนอัปเปหิไปให้ทีมอื่นยืมตัวด้วยเหตุผลหล่อๆๆว่า “เพื่อเรียกสภาพความฟิต” ทั้งที่ความจริงไม่ได้มีปัญหาอาการบาดเจ็บรุนแรงอะไรมากมายถึงเพียงนั้น

ลิเวอร์พูล อาจจะมีเกมให้เล่นน้อยลงในฤดูกาลนี้เนื่องจากไม่มีเกมสโมสรยุโรปให้เล่น แต่ในเวลานี้ทีมก็ไม่ได้มีขุมกำลังมากมายอะไรในแนวรับ

การปล่อยตัวซาโก้ ออกไปจึงไม่ต่างอะไรจากฮาร์ทครับ มันไม่มีเหตุผลอื่นนอกจาก คล็อปป์ ไม่ต้องการเขาแล้ว

แน่นอนว่าแฟนบอลเองย่อมไม่เห็นด้วยครับ และเริ่มตั้งคำถามกับการทำงานของกุนซือรายนี้ขึ้นมาทันที ยิ่งมีกรณีของ สเตอร์ริดจ์ ที่ถูกจับถ่างไปยืนริมเส้นและเริ่มมีการโต้เถียงกันออกสื่อ ก็ยิ่งน่ากังวลในเรื่องบรรยากาศของทีมขึ้นมาทันที

คล็อปป์ เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองเรื่องนี้ทุกคนรู้ดี

แต่มันเป็นความมั่นใจที่มากเกินไปหรือเปล่า?

เรื่องนี้เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ครับ เพราะในรายของซาโก้ นอกเหนือจากปัญหาอาการบาดเจ็บ ยังมีเรื่องของ “วินัย” จากช่วงพรีซีซั่น และยังมีเรื่องกรณีใช้สารกระตุ้นจนทำให้ทีมทรุดในช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว (แม้ว่าจะพ้นมลทินแล้วก็ตาม)

ขณะที่ สเตอร์ริดจ์ ยิ่งเวลาผ่านก็ยิ่งชัดว่าไม่ใช่นักเตะในสไตล์ที่ คล็อปป์ ต้องการ

ดังนั้นถึง คล็อปป์ และเป๊ป จะออกสื่อแบบดูดีว่าเขาไม่ได้ “มีปัญหา” อะไรกับนักเตะเหล่านี้

แต่ความจริงเราต่างรู้กันดีครับว่าปัญหานั้นมี และใหญ่เกินกว่าที่จะหาจุดลงตัวร่วมกันได้แล้ว

สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือการแยกทาง จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง



นิทานลูกหนัง
by ลูกแม่กิ่ง (lookmaeking@hotmail.com)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook