"เชลซีเหมือนเดิมที่เรารู้จัก"

"เชลซีเหมือนเดิมที่เรารู้จัก"

"เชลซีเหมือนเดิมที่เรารู้จัก"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชัยชนะ 3 นัดรวดของสิงห์บลู “เชลซี” ทำให้ลูกทีมของ “อันโตนีโอ คอนเต้” ไม่มีปัญหาอะไรในการเป็นจ่าฝูงร่วมของพรีเมียร์ลีกกับ 9 คะแนนเต็มถ้าไม่นับประตูได้เสีย แน่นอนว่าแฟนบอลของทีมคงมีความสุขไม่น้อยกับการประเดิมฤดูกาลสวยๆ

เมื่อคืนวันเสาร์มีโอกาสได้นั่งดูการเล่นของทีมเต็มๆตลอด 90 นาทีในการเจอกับ “เบิร์นลีย์” ที่น้องใหม่ที่เพิ่งหักคอเป็ดน้ำแดงมา ต้องยอมรับว่าภาพการเล่นอาจจะไม่สวยหรือสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมสักเท่าไหร่ ออกจะเป็นแนวน่าเบื่อ!!! ด้วยซ้ำแต่ผลลัพธ์ ชนะ 3-0 ครับ

แต่สิ่งที่สร้างความอุ่นใจให้กับสาวกของทีมคือ “ความแน่นอน” ในการเล่นซึ่งสิ่งนี้สำคัญมากสำหรับการที่จะประสบความสำเร็จ (หลายทีมใหญ่ วูบวาบแต่ไม่แน่นอนทำให้ไม่ไปถึงฝั่งฝัน)

และถ้าสังเกตในเรื่องรายละเอียดต้องยอมรับว่า อดีตนายใหญ่ทีมชาติอิตาลีเป็นคนที่เข้าใจเรื่องของฟุตบอลดีมากคนนึงกับหลายสิ่งที่เจ้าตัว “ไม่เปลี่ยน” ในการคุมทีมใหม่แต่ใช้การ “ปรับ” แทน

เรื่องแรกคือ “แนวรับ” ซึ่งตั้งแต่เปิดฤดูกาลที่ผ่านมา แบ็กโฟร์ 4 คนไม่มีการเปลี่ยนแปลง สองคูเซนเตอร์อย่าง “จอห์น เทอร์รี่” “แกรี่ เคฮิลล์” และสองแบ็กขวาซ้าย “บรานิสลาฟ อิวาโนวิช” กับ “เซซ่าร์ อัปิริกวยต้า” ทั้งๆที่ทั้ง 4 คน น่าจะหมดอนาคตกับทีมไปแล้ว แต่ “คอนเต้”


เชื่อว่าทั้งหมดคือปัจจัยสำคัญของทีมเพราะรู้ระบบและธรรมชาติของทีมเป็นอย่างดี อยู่กับทีมานานบวกกับประสบการณ์ที่มากมายในลีกเมืองผู้ดีซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าตัวยังมีไม่เท่า เพราะเพิ่งมาคุมทีมในอังกฤษปีแรก

ดีกว่าไปซื้อกองหลังที่อาจจะเป็นบิ๊กเนม หรืออายุน้อยกว่า ซึ่งไม่สามารถการันตีได้ 100 เปอร์เซนต์ว่าจะเล่นเข้ากับระบบทีมได้หรือเปล่า และถ้าเล่นได้ก็ต้องใช้เวลา “ปรับตัว” เข้ากับเพื่อนร่วมทีมใหม่ แต่ถ้าไม่ได้ก็คงจะเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว ขณะที่ทั้ง 4 คนใส่ “ความมั่นใจ” และ “ให้ความเชื่อมั่น” ลงไป ง่ายกว่าเยอะ

เรื่องที่สองคือแผงมิดฟิลด์ แน่นอนว่าพวกที่อยู่ในทีมอยู่แล้วอย่าง “เนมันย่า มาติซ” “ออสการ์” “วิลเลี่ยม” “เอด็อง อาซาร์” หรือ “เปโดร” มีความเก่งอยู่แล้ว ขอให้ใช้แบบถูกวิธีเพื่อดึงประสิทธิภาพสูงสุดออกมา จุดนี้ “คอนเต้” รู้ว่าปัญหาจุดอ่อนจากฤดูกาลที่แล้วคือ “การลงมาช่วยเกมรับ” กับ “มิดฟิลด์ตัวรับ”


ทำให้ “เอนโกโล่ กองเต้” กลายเป็นคำตอบของปัญหานี้เพราะ “ก็องเต้” เป็นนักเตะมิดฟิลด์ธรรมชาติสามารถเล่นได้ทั้งรุกและรับ แน่นอนว่าการมาของ “กองเต้” ทำให้ “เนมันย่า มาติซ” ไม่ต้องแบกภาระในการเล่นเกมรับคนเดียวโดยเฉพาะเวลาถูกสวนกลับ และเจ้าตัวก็สามารถทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

ส่วนจังหวะเกมรุกนอกจากพวกตัวหลักหน้าเดิมก็ซื้อ “มิชี่ บาชัวรี่” ไว้คอยแบ่งเบาภาระสลับกันลงเวลาใครไม่ฟิตหรือเผื่อเจ็บขึ้นมา แถมเจ้าตัวก็เปิดอิสระพอสมควรให้บรรดามิดฟิลด์ตัดสินใจเองว่าจะเลี้ยงบอลเข้าทำ

หรือถ้ามีจังหวะให้ยิงไกลเลย อย่างประตูแรกของ “เอด็อง อาซาร์” นัดล่าสุดก็มาจากการยิงไกลซึ่งเห็นได้ชัดว่า “ความมั่นใจ” ของ “อาซาร์” ที่หายไปเมื่อปีที่แล้วกำลัง “กลับมา”  

ขณะที่ประตูที่สามของ “วิคเตอร์ โมเซส” ตัวสำรองก็มาจากจังหวะเลี้ยงบอลริมเส้นแล้วเปิดเข้ามาของ “เปโดร”  


ด้วยความที่ “เชลซี” เป็นทีมที่ใช้การขับเคลื่อนจากแผงมิดฟิลด์ทำเกมเป็นหลัก จึงไม่ต้องปรับอะไรในตำแหน่งกองหน้ามากนัก แค่เพียงกระตุ้น “ดิเอโก้ คอสต้า” ให้กระหายยิ่งกว่าเดิม บางทีตอนนี้ถ้าไม่เดือดร้อนอะไรก็จะช็อป “กองหน้า” มาไว้อีกสักคนก็ได้

สุดท้ายคำพูดของ “ฌอน ไดต์” กุนซือของ “เบิร์นลีย์” ที่โจมตี “คอนเต้” ก่อนเกมล่าสุดว่า “ถ้าเจ้าตัวเป็นคนอังกฤษ ก็คงถูกเรียกว่าไดโนเสาร์ (ทำบอลแบบสไตล์โบราณน่าเบื่อเน้นรับ) แค่ถูกยกเป็นจอมแท็คติคเพราะเป็นกุนซือต่างชาติ”

ซึ่งหลังเกมนายใหญ่จากแดนมักกะโรนี ตอบคำถามนักข่าวที่หยิบประเด็นนี้ขึ้นมา นิ่มๆด้วยไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้ในการสัมภาษณ์แต่ให้ดูจากความสำเร็จที่ผ่านมาในวงการ พร้อมด้วย 3 ประตูกับ 3 คะแนนเต็ม

แล้วสรุปว่า “คอนเต้” คือ “ไดโนเสาร์” หรือ “เจ้าพ่อแท็กติค” เชื่อว่าทุกคนคงรู้คำตอบกันแล้ว


โดย แบงค์ พิพัช 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook