"มาริโอ บาโลเตลลี่" กับนีซโฉมใหม่ในมือ ลูเซียง ฟาฟร์

"มาริโอ บาโลเตลลี่" กับนีซโฉมใหม่ในมือ ลูเซียง ฟาฟร์

"มาริโอ บาโลเตลลี่" กับนีซโฉมใหม่ในมือ ลูเซียง ฟาฟร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อย่างที่ผมเคยเขียนไปในพรีวิวลีก เอิง ฝรั่งเศส ซีซั่น 2016/17 ว่า นีซ เปรียบเสมือนสามล้อถูกหวย หลังหักปากกาเซียนผงาดคว้าโควตาไปลุยยูโรป้า ลีก หน้าตาเฉย

ทว่าบนเส้นทางแห่งการสร้างประวัติศาสตร์ นีซ กลับต้องเผชิญกับช่วงเวลาอันวุ่นวายในตลาดซัมเมอร์นี้ เมื่อเสียขุมกำลังหลักออกจากทีมหลายราย

ใหญ่สุดคือตำแหน่งกุนซือที่ โคล้ด ปูแอล ที่เลือกเปิดหมวกอำลาทีม ไปรับงานที่ท้าทายกว่ากับ เซาธ์แฮมป์ตัน บนเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ร้อนถึงท่านประธาน ฌอง-ปิแอร์ รีเวอเร่ ต้องมองหาเทรนเนอร์คนใหม่เข้ามาสานต่อความสำเร็จ ก่อนต่อสายทาบทาม ลูเซียง ฟาฟร์ เข้ามารับตำแหน่ง กลายเป็นกุนซือต่างชาติรายที่ 25 ของสโมสร

พูดถึง ฟาฟร์ แล้ว ถือเป็นกุนซือระดับต้นๆ ของวงการลูกหนังยุโรป แม้จะเสียเครดิตจากการโดน โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค เด้งพ้นตำแหน่งเดือนกันยายนปีก่อน แต่ผลงานการปลุก “สิงห์หนุ่ม” ฟื้นคืนจากการหลับใหลก็ได้รับเครดิตไม่น้อย

โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้น ฟาฟร์ เฝ้ารอข้อเสนอจาก เอฟเวอร์ตัน ที่เพิ่งเด้ง โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ พ้นตำแหน่ง แต่ไปๆ มาๆ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ดึงเกมช้าจนรอไม่ไหว สุดท้ายจรดปากกาเซ็นสัญญากับ “ดิ อีเกิ้ลส์” มันเสียเลย

แล้วก็อย่างที่เราเห็น เอฟเวอร์ตัน เลือกไปแต่งตั้ง โรนัลด์ คูมัน เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม ก่อน เซาธ์แฮมป์ตัน จะไปดึง ปูแอล มาแทนอีกทอด อดคิดไม่ได้ว่าบางครั้งโลกเรามันก็กลมจนแทบไม่น่าเชื่อ


ทว่างานแรกของ ฟาฟร์ ดูจะหนักกว่าใครเพื่อน เมื่อต้องสร้างขุมกำลังในทีม นีซ ใหม่ หลังเสียตัวหลักอย่าง อาเต็ม เบน อาร์ฟา กับ นามปาลีส์ ม็องดี้ ทั้งยังต้องเพิ่มขนาดทีม เพราะมีโปรแกรมยูโรป้า ลีก สอดแทรกเข้ามา

ดัลแบร์ เอ็นริเก้, อาร์โนลด์ ลูซ็องบ้า, อาร์โนลด์ ซูเก้ต์ และ วีล็อง ชีเปรียง คือผู้เล่นกลุ่มแรกที่ ฟาฟร์ กว้านซื้อเข้ามาเพิ่มศักยภาพในถิ่นอัลลิอันซ์ รีวีร่า ซึ่งหากเอาแค่ลีก เอิง ก็คงจะพอแล้วสำหรับตลาดหน้าร้อน

ทว่าการมียูโรป้า ลีก เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ ฟาฟร์ ต้องมองหาผู้เล่นที่มีประสบการณ์และคุณภาพเข้ามาเพิ่ม ก่อนกระชากสามบิ๊กเนมอย่าง ดานเต้, ยูเนส เบลอ็องด้า และ มาริโอ บาโลเตลลี่ เข้าสู่ทีม

ในรายของ ดานเต้ เคยเป็นอดีตลูกน้องเก่าของ ฟาฟร์ ที่กลัดบัค ก่อนโดน บาเยิร์น มิวนิค ทุ่มเงินซื้อตัวไปซึ่งนี่เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่ทั้งคู่ได้มีโอกาสกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง

ส่วน เบลอ็องด้า หากเป็นแฟนลีก เอิง ช่วง 3-4 ปีก่อน เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักเพลย์เมคเกอร์โมร็อกกันรายนี้ หลังเป็นจิ๊กซอว์สำคัญนำ มงต์เปลลิเยร์ ผงาดคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2011/12

แม้การย้ายไป ดินาโม เคียฟ หลังจากนั้น ทำให้ข่าวคราวของเขาเงียบหายไปบ้าง แต่ฝีเท้าที่แสดงออกมากับชาลเก้ 04 ระหว่างการยืมตัวเมื่อซีซั่นก่อน ทำให้เชื่อว่าจะเข้ามาแทน เบน อาร์ฟา ได้อย่างไม่ขัดเขิน

แต่ในรายสุดท้ายคงต้องลุ้นหนักหน่อย เพราะแม้ มาริโอ บาโลเตลลี่ จะเคยได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในยอดดาวรุ่งของโลก แถมมีดีกรีติดทีมชาติอิตาลี 33 นัด และผ่านเวทีระดับสูงกับยักษ์ใหญ่อย่าง อินเตอร์ มิลาน, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เอซี มิลาน มา


ทว่านับตั้งแต่ย้ายไปร่วมทัพ ลิเวอร์พูล ช่วงซัมเมอร์ 2014 เจ้าตัวไม่เคยได้ลงสนามในสภาพฟิตสมบูรณ์และอยู่ในฟอร์มที่ดีอีกเลย ไม่นับรวมอารมณ์ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงไม่ต่างจากสภาพอากาศในเมืองไทย

นั่นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เราจะได้เห็น ลิเวอร์พูล ยกเลิกสัญญา บาโลเตลลี่ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนตลาดวาย เพื่อให้การย้ายร่วมทัพนีซ เสร็จสมบูรณ์ เพราะไม่ต้องการแบกรับค่าเหนื่อยเอาไว้ให้เป็นภาระอีกแล้ว

จากนี้ขึ้นอยู่กับ ฟาฟร์ แล้วว่าจะงัดเอาพรสวรรค์ที่มีในตัว หัวหอกวัย 26 กะรัต ออกมาได้หรือไม่ หากทำได้สำเร็จ นี่จะเป็นเพชรเม็ดงามที่สาวก “ดิ อีเกิ้ลส์” พร้อมยกย่องให้เป็นตำนาน แม้เซ็นสัญญาลองของกันแค่ปีเดียวก็เถอะ

ไม่ต่างอะไรจาก บาโลเตลลี่ ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าเขาคือนักเตะระดับท็อปของโลก หลังใช้เวลากว่าค่อนชีวิตหมดไปกับเรื่องไร้สาระที่ผู้คนได้แต่ส่ายหัว

การโดน ลิเวอร์พูล ถีบส่งออกจากแอนฟิลด์ ชนิดยอมขาดทุนก้อนโต บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า บาโลเตลลี่ ณ ตอนนี้ ไม่ใช่นักเตะที่สโมสรระดับท็อปของยุโรปให้ความสนใจอีกแล้ว

ยิ่ง นีซ อยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรงนับตั้งแต่ออกสตาร์ตฤดูกาลใหม่ ด้วยผลงานชนะ 2 เสมอ 1 รั้งอันดับ 3 ของตาราง บาโลเตลลี่ยิ่งต้องทำงานหนักเพื่อเบียดแย่งตำแหน่งภายในทีม

เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าปรัชญาฟุตบอลของ ฟาฟร์ คือเกมไดนามิคและเพรสซิ่งอันทรงพลัง หากใครไม่ฟิตสมบูรณ์ หรือออกลูกขี้เกียจ รับรองดับสนิทศิษย์ส่ายหน้าแน่นอน เหมือนอย่างที่ ลุค เดอ ยอง เคยตกกระป๋องกับกลัดบัคมาแล้ว

แต่หาก บาโลเตลลี่ ปรับทัศนคติในการเล่นให้เข้ากับระบบของ ฟาฟฟ์ ได้ รับรองว่าเขาจะกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง และจะโดนสโมสรดังๆ รุมตอมเพียบ เหมือนอย่างกรณีของ เบน อาร์ฟา ที่ได้เกิดใหม่กับปารีส แซงต์-แชร์กแมง

อีกอย่างที่ต้องไม่ลืม คือชายที่ชื่อ ฟาฟร์ เคยปลุกปั้น โกคาน อินแลร์, มาร์ค-อังเดร แตร์ สเตเก้น, คริสตอฟ คราเมอร์ หรือ กรานิต ชาก้า จนได้ดิบได้ดีมาแล้ว หาก บาโลเตลลี่ จะอยู่ในลิสต์อีกสักคนก็คงไม่แปลก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook