รู้จักกับ "เซเฟริน" ประมุขลูกหนังยุโรปคนใหม่
ต่อหน้าเหล่าทวยเทพแห่งนครเอเธนส์ อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน ได้รับการเลือกให้เป็นประมุขลูกหนังคนใหม่ของวงการฟุตบอลยุโรปตามการคาดหมายครับ
ประธานสมาคมฟุตบอลสโลวีเนียวัย 48 ปี จะเข้ามารับหน้าที่ต่อจาก “นโปเลียนลูกหนัง” มิเชล พลาตินี่ ที่ขอใช้โอกาสพิเศษในการกล่าวคำอำลาต่อตำแหน่งโดยที่ไม่ได้กล่าวอะไรมากไปกว่าการแสดงเจตนารมณ์ว่า เขาไม่เคยกระทำทุจริตใดๆและจะใช้เวลาหลังจากนี้ในการต่อสู้เพื่อล้างมลทินของตัวเอง
เซเฟรินคือใคร?
ในขณะที่ข้อมูลเบื้องต้นก่อนการเลือกตั้งนั้นมีน้อย เพราะเขาแทบไม่อยู่ในความสนใจของสื่อกระแสหลักมาก่อน แต่ในชัยชนะที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด 42 ต่อ 13 คะแนนเหนือ ไมเคิล ฟาน พราก ประธานสมาคมฟุตบอลดัตช์ ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานฟีฟ่า นั้นเป็นการส่ง “สัญญาณ” ที่น่าสนใจ
ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน เซเฟริน คือ “ตัวแทน” ของชาติสมาชิกยูฟ่าที่มาจากประเทศขนาดเล็กและขนาดกลาง
พวกเขาเลือก เซเฟริน เป็นตัวแทนจากการหารือกันที่โครเอเชียและสโลวีเนีย เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นหวังว่าจะเป็น “กระบอกเสียง” ที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมและสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับเท่านั้น
แต่ภายหลังจากนั้น ชาติขนาดเล็กและขนาดกลางที่ตอนแรกมี 15 ชาติ ได้รับการสนับสนุนจากชาติที่ใหญ่ขึ้นอย่าง อิตาลี, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ไอร์แลนด์ และรัสเซีย
ท่ามกลางเสียงสนับสนุนเหล่านี้ เบื้องหลังคือความไม่พอใจต่อการตัดสินใจของคณะกรรมาธิการยูฟ่าที่ “งุบงิบ” เปลี่ยนแปลงข้อตกลงในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เอื้อประโยชน์ต่อชาติขนาดใหญ่ (ด้วยการมอบสิทธิ์ให้ตัวแทนของชาติที่ทำผลงานดีที่สุด 4 ชาติได้เล่นในรอบแบ่งกลุ่มทันทีโดยไม่ต้องเล่นเพลย์ออฟอีก) เพราะความกลัวที่ทีมใหญ่ระดับแม่เหล็กเหล่านี้จะออกไปตั้ง “ซูเปอร์ ลีก”
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นชัยชนะของชาติที่พวกเขาออกตัวว่ามีขนาด “เล็กๆ” และ “กลางๆ” ซึ่งที่สุดแล้วไม่ว่าจะเป็นชาติขนาดใดก็ตาม ตามบัญญัติของการเลือกตั้งทุกเสียงมีค่าเท่ากัน
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสนใจคือการที่มีการจับตามองว่าการสนับสนุน เซเฟริน นักกฏหมายจากบริษัทกฏหมายระดับชั้นนำของสโลวีเนีย ซึ่งเพิ่งจะเริ่มต้นเข้ามาทำงานในวงการฟุตบอลในปี 2011 จากการได้รับเลือกให้เป็นประธานสมาคมฟุตบอลสโลวีเนีย ให้เป็นประธานยูฟ่านั้น อาจเป็นเรื่องของการ “ตอบแทน” จาก จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานฟีฟ่าที่ได้รับการสนับสนุนเช่นเดียวกัน
เซเฟริน ประมุขลูกหนังยุโรปคนที่ 7 ในระยะเวลา 62 ปีของยูฟ่า และเป็นประธานคนที่มีอายุน้อยที่สุดด้วย ได้ยืนยันเป็นมั่นเหมาะครับว่าไม่มีการช่วยล็อบบี้ใดๆทั้งสิ้น แต่ต้องยอมรับว่าหลังการพังทลายของกลุ่มอำนาจเก่าทั้งในฟีฟ่าและยูฟ่าเอง คำพูดของเหล่า “นักการเมืองลูกหนัง” นั้นไม่ใช่คำพูดที่เราจะเชื่อได้ในทันที
วาทะสวยหรูของ เซเฟริน ที่ยืนกรานว่าจะบริหารอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส เขาต้องพิสูจน์มันด้วยการทำงานภายในระยะเวลา 2 ปีครึ่งที่อยู่ในวาระ
“เราต้องหยุดเรื่องของการเมือง แนวคิด การขาดความโปร่งใสในการบริหาร ผลประโยชน์ส่วนตัว ตอนนี้เราต้องทำเพื่อเกมฟุตบอลเป็นอย่างแรก”
อย่างไรก็ดีโดยส่วนตัวแล้ว ผมกลับรู้สึกว่าการที่ ยูฟ่าได้เซเฟริน มาเป็นผู้นำนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจาก “การเมือง” และ “ผลประโยชน์” อย่างชัดเจน
การได้มาซึ่งอำนาจของ เซเฟริน ไม่ต่างอะไรจากพลาตินี่ ในการเลือกตั้งประธานยูฟ่า และแบลตเตอร์ ที่ดำรงตำแหน่งประธานฟีฟ่านานถึง 17 ปี ด้วยการโกยคะแนนเสียงจากชาติเล็กๆให้ได้จำนวนที่มากพอเพื่อเอาชนะเกมการเลือกตั้งให้ได้เป็นลำดับแรก
จากนั้นคือการมอบผลประโยชน์ต่างตอบแทนให้เท่าที่จะทำได้
การที่ตัวเขาประกาศว่าเขาจากชาติเล็กๆเหล่านั้น รวมถึงการที่มีคนติดใจว่ามีความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็น “หุ่นเชิด” ของ อินฟานติโน่ ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ามีความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นตรงไหน
รู้สึกเหมือนเรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่เท่านั้น
อย่างไรก็ดี เมื่อมันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้วก็ต้องว่ากันตามนั้นครับ
เพราะถึงอย่างไรเรา - ในฐานะประชาชนคนธรรมดาของโลกลูกหนัง - ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรอยู่แล้วในเรื่องพวกนี้
ก็แค่จับตาด้วยความหวังว่านักการเมืองลูกหนังเหล่านี้จะตั้งใจทำอะไรดีๆให้แก่วงการบ้าง
ถึงจะรู้ว่ามันยากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
ลูกแม่กิ่ง (lookmaeking@hotmail.com)