สกู๊ป : ฤา "กัลโช่" กำลังจะกลับมา?!

สกู๊ป : ฤา "กัลโช่" กำลังจะกลับมา?!

สกู๊ป : ฤา "กัลโช่" กำลังจะกลับมา?!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับลีกฟุตบอลต่างประเทศที่คอลูกหนังชาวไทยติดตามคงหนีไม่พ้นลีกบิ๊กโฟร์อย่าง “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” “บุนเดสลีกา เยอรมัน” “ลา ลีกา สเปน” และ “กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี” ซึ่งช่วงหลังลีกอิตาลีได้รับความนิยมน้อยลงกว่าสมัยก่อน เพราะปัญหาต่างๆภายในไม่ว่าจะการล้มบอล คดีกัลโช่โปลีในปี 2006 ปัญหาเรื่องการเงินของหลายสโมสร แถมรูปแบบสไตล์การเล่นที่เล่นกันช้าทำให้ดูน่าเบื่อกับภาพฟุตบอลยุคนี้

แน่นอนว่าแต่ลีกก็มีจุดเด่นต่างกันที่ทำให้คอลูกหนังได้ติดตาม อย่างพรีเมียร์ลีกก็คงต้องบอลสไตล์อังกฤษที่เล่นกันแบบถึงลูกถึงคน เล่นกันหนักแบบไม่เกรงใจใคร แถมปัจจุบันยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก เนื่องจากอำนาจของเงินตราที่สามารถดึงนักเตะซูเปอร์สตาร์ทั่วโลกมาเล่นให้กับแต่ละสโมสรในลีก ขนาดทีมระดับกลางหรือทีมเล็กบางครั้งยังกล้าใช้เงินซื้อนักเตะสูงกว่าทีมระดับท็อปของลีกอื่น

ขณะที่บอลเยอรมัน จะเน้นไปที่บอลระบบ เกมเล่นกันเร็วไม่ค่อยมีการหยุดเกมให้เสียอารมณ์แถมได้ดูนักเตะดาวรุ่งจากทั่วยุโรปที่มีแววหลายคน แม้ว่าจะมีทีมผูกขาดอำนาจอย่างพี่เสือ “บาเยิร์น มิวนิค” แต่ถ้าลองดูทีมอื่นหรือทีมเล็กเจอกันก็ยังสนุกเลย

ส่วนบอลสเปนจะแตกต่างออกไป คือแต่ละทีมจะเน้นเรื่องความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะเยอะ รวมทั้งเทคนิคเหนือๆของตัวนักเตะเอง แถมยังมีทีมที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างราชันชุดขาว “เรอัล มาดริด” ที่อุดมไปด้วยซุปตาร์ที่เก่งที่สุด หรือเอเลี่ยนทีม “บาร์เซโลน่า” ที่มีเอกลักษณ์ลูกหนังเฉพาะตัว ซึ่งสืบทอดมาตั้งแต่สมัย “โยฮัน คราฟฟ์” นี้ไม่นับตราหมี “แอตฯ มาดริด” ที่มีกลิ่นอายบอลอเมริกาใต้แท้ๆอีกทีม และยังได้ดูดาวรุ่งจากละตินหรืออเมริกาใต้ที่ถือว่าเป็นสุดยอดของฟุตบอลมาค้าแข่งในลีกนี้เยอะ

กลับมาที่ฟุตบอลอิตาลี ทุกคนทราบดีว่าเป็นลีกที่เน้นหนักเรื่องของแท็คติคจากของโค้ช บวกกับความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ ซึ่งบางครั้งอาจจะสนุกบ้าง ไม่สนุกบ้าง เนื่องจากหยุดเกมบ่อย เล่นกันช้า ค่อยๆเข้าทำ และไม่ต้องถามถึงแฟร์เกม (Fair Game) หรือเกมฟุตบอลที่ยุติธรรม เพราะชัยชนะสำคัญกว่า

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคอบอลรุ่นเก๋าหน่อยจะรู้ว่าเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ช่วงทศวรรษ 80-90 คือลีกอันดับ 1 ของโลกก็ว่าได้ เพราะอุดมไปด้วยซูเปอร์สตาร์จากทุกมุมโลก

ไม่ว่าจะ “ดิเอโก้ มาราโดน่า” ของนาโปลี “กาเบียล บาสติสตูต้า” ของ “ฟิออเรนติน่า” ที่ประสานงานกับ “รุย คอสต้า” ในฟิออเรนติน่า 3 ทหารเสือจากฮอลแลนด์ของเอซี มิลานที่ประกอบไปด้วย “รุด กุลลิท” “แฟรงค์ ไรท์การ์ท” “มาร์โค ฟาน บาสเท่น” 3 ทหารเสือจากเยอรมันของอินเตอร์ มิลานที่มี “โลธ่าร์ มันธิอุส” “อันเดรียส์ เบรห์เม่” “เจอร์เก้น คลินส์มันน์” ยูเวนตุสที่มีนักเตะอย่าง “โรแบร์โต้ บัจโจ้” “อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่” “ซีเนอดีน ซีดาน” “พาเวล เนดเวด” หรือทีมที่เคยยิ่งใหญ่อย่างลาซิโอ ที่มี “มาร์เซโล่ ซาลาส” “เฮอร์นัน เครสโป” “ซินิซ่า มิไฮโลวิช” “คริสเตียน วิเอรี่”

อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลปัญหาต่างๆทำให้หลังยุคกลางทศวรรษ 2000 ลีกมักกะโรนีเสื่อมความนิยมจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตอนนี้เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของหลายทีมในลีกที่รัดเข็มขัดมากขึ้น และพยายามผลักดันดาวรุ่งขึ้นมามากกว่าที่จะใช้เงินเหมือนยุคก่อน

ช่วงนี้อาจจะทำให้บอลอิตาลีน่าเบื่อที่ซูเปอร์สตาร์น้อย แต่ระยะยาวถือว่าดี หลายๆทีมเริ่มกลับมาได้อย่าง “ยูเวนตุส” ที่เข้าถึงรอบชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และรอบรองปีที่แล้ว “โรม่า” ของตำนาน one man club คนสุดท้าย "ฟรานเชสโก้ ต็อตติ" ที่กลายเป็นขาประจำในแชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่นับนาโปลียุคนี้ที่เก่งขึ้นมา ขาดแค่สองเพื่อนซี้จากเมืองเดียวกันอย่างมิลานที่ยังไม่กลับมา (อินเตอร์ กับ เอซี มิลาน)

ถึงแม้ว่าจะมีถ่ายทอดสดฟุตบอล “กัลโช่ เซเรีย อา” น้อยลง แต่ถ้าช่วงนี้ถ้ามีโอกาสจะกลับไปดูฟุตบอลลีกนี้อีกครั้ง เพราะยอมรับว่าสนุกกว่า 4-5 ปีที่ผ่านมาเยอะ แถมได้เห็นดาวรุ่งเก่งๆคล้ายลีกเยอรมันเหมือนกัน

ตอนนี้เชื่อว่าอีกไม่กี่ปี ฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี คงกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งแน่นอนครับ

แบงค์ พิพัช

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook