สกู๊ป : ฝันดีของ "เจอร์เก้น คล็อปป์"

สกู๊ป : ฝันดีของ "เจอร์เก้น คล็อปป์"

สกู๊ป : ฝันดีของ "เจอร์เก้น คล็อปป์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสองทีมใหญ่ที่ไม่ได้สัมผัสบรรยากาศฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลนี้ต้องมาเจอกันเองคือ สิงห์บลู “เชลซี” เปิดบ้านรับการมาเยือนของ หงส์แดง “ลิเวอร์พูล” ซึ่งเป็นเกมที่ใครหลายคนรอคอยเพราะคู่นี้นับตั้งแต่ปี 2000 คือสองทีมที่เจอกันบ่อยมากที่สุดแล้ว ถือว่าทั้งคู่เป็น “อริ” เหมือนกัน

แน่นอนว่าผลงานก่อนลงสนามเจ้าบ้าน “เชลซี” ดูเหนือกว่าจากฟอร์มการ 4 นัดแรกที่ยังไม่แพ้ใคร (ชนะ 3 เสมอ 1) ขณะที่ “ลิเวอร์พูล” แพ้ไปแล้ว 1 นัดแบบไม่ควรแพ้ในการเจอกับทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนอย่าง “เบิร์นลี่ย์” 0-2 ทั้งๆที่นัดแรกก็อุตส่าห์บุกปราบ “อาร์เซน่อล” ได้ถึงบ้าน 4-3

เกมนี้ต้องยกเครดิตให้ “เจอร์เก้น คล็อปป์” นายฝั่งใหญ่ของฝั่งหงส์แดงที่วางแผนให้ลูกทีมเล่นด้วยความรัดกุมเหนียวแน่น และเน้นย้ำลูกทีมให้ใช้โอกาสที่มีพยายามยิงใส่ทีมเยือนตั้งแต่หน้ากรอบเขตโทษหรือถ้ามีจังหวะไหนที่เรียกว่า นักเตะทำเอง กินเองได้ ก็ทำเลย

แถมนัดนี้ยังต้องมาโชคร้ายขาด “โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่” ที่กำลังฟอร์มดีจากอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบ ทำให้ต้องใช้สามประสานอย่าง “ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์” “ฟิลิเป้ คูตินโญ่” และ “ซาดิโอ มาเน่” รวมทั้งแผงมิดฟิลด์ชุดเดิม ประกอบไปด้วย “จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม” “อดัม ลัลลาน่า” และ “จอร์แดน เฮนเดอร์สัน”

 

ดังนั้น “คล็อปป์” คงจะใช้แผนเดียวกับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้ เนื่องจากแผนนั้นเน้นความสามารถเฉพาะตัวของ “ฟีร์มิโน่” มากเกินไปหน่อย แต่เมื่อไม่มี “ฟีร์มิโน่” ก็ต้องปรับ จากการให้เจ้าตัวหรือนักเตะความสามารถเฉพาะรับภาระหนัก ก็เน้นให้ต้องปรับ

การเจอกับ “เชลซี” ของ “อันโตนิโอ คอนเต้” ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่ใช่แค่ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะคู่แข่งที่ต้องรับมือ แต่ขุนพลสิงห์ในยุคของ “คอนเต้” ที่มีจุดเด่นในเรื่องประสบการณ์และความคุ้นเคยกันอยู่แล้ว (ส่วนใหญ่เล่นด้วยกันมา 2 ฤดูกาล)

เรื่องนี้เชื่อว่า “คล็อปป์” ต้องทำการบ้านมาอย่างดี ซึ่งจุดสังเกตอย่าง 2 ประตูที่ทีมได้ในเกมนี้มาจากจังหวะโยนบอลยาวแล้ว “เดยัน ลอฟเรน” หรือปั่นจากนอกกรอบเขตโทษของ “จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” เข้าไป แนวรุกจะไม่พยายามเลี้ยงบอลจี้เข้าไปหากองหลังฝั่งตรงข้ามแต่จะให้การส่งบอลไปตัวที่ว่างแทน

ส่งผลให้โอกาสในการแย่งบอลของนักเตะสิงห์บลูยากขึ้น เนื่องจากต้องไปไล่บอลเอาเองจากการที่นักเตะเจ้าบ้านจะพยายามเล่นแบบไม่เสียไว้ก่อน

สำหรับ “เชลซี” เองช่วยแรกอาจจะดูขาดๆเกินๆไปหน่อย เหมือนคนเพิ่งตื่นนอน กว่าจะตื่นก็โดนกระทุ้งเข้าไปแล้ว 2 ประตู ทำให้ “คอนเต้” ไม่มีทางเลือก ต้องให้ลูกทีมเล่นเกมรุก ช่วงครึ่งพอเวลาผ่านไปแล้วยังยิงไม่ได้ก็ตัดสินใจเปลี่ยนผู้เล่นตัวรุกทั้งหมด อย่าง “วิคเตอร์ โมเซส” “ออสการ์” หรือ “เชส ฟาเบรกัส” แต่ก็ตามไม่ทัน

แน่นอนว่านี้เป็นอีกครั้งที่ “ลิเวอร์พูล” สามารถบุกเอาชนะทีมใหญ่ทีมที่ 2 ของฤดูกาล หลังจากชนะ “อาร์เซน่อล” มาแล้วในนัดแรกของลีก 4-3 และ “เชลซี” ในเกมล่าสุด

สุดท้ายเชื่อว่า “เจอร์เก้น คล็อปป์” คงฝันดีและยิ้มอย่างมีความสุข เพราะสามารถชนะบุกชนะทีมลุ้นแชมป์ได้อีกทีมครับ

แบงค์ พิพัช

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook