ความพ่ายแพ้ 3 นัดไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่ายๆกับทีมที่มี “โจเซ่ มูรินโญ่” คุมทีม เพราะรู้กันว่าน้ามูเป็นโค้ชสไตล์ Ugly foolball, but beautiful result หรือเน้นผลการแข่งขันมากกว่ารู้แบบการเล่นที่สวยงาม
แต่ฟอร์มนัดล่าสุดของปีศาจแดง “แมนฯยูไนเต็ด” ต่อ “วัตฟอร์ด 1-3 หรือก่อนหน้านี้ที่ตายคารังต่อ “เฟเยนอร์ด” 0-1 ในเกมยูโรป้าลีก กับการแพ้คู่ปรับ “แมนฯซิตี้” ในลีก คงเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อโดยเฉพาะ 2 นัดหลังสุดที่ยังไงลงสนามก็ดูเหนือกว่าคู่แข่งทุกกระบวนท่า
แน่นอนว่า สัมภาษณ์หลังเกมของเจ้าตัวคงไม่สามารถทำให้ฟอร์มของทีมดีขึ้นได้นอกจากเป็นการระบายอารมณ์เท่านั้น แถมยังโจมตีผู้ตัดสินในแต่ละเกมที่ทำหน้าที่ผิดพลาดมา 3 นัดติดพร้อมอ้างว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมพ่ายแพ้ หรือบรรดานักเตะภายในทีมที่ไม่ยอมระบุชื่อว่าเป็นใครที่ผิด ในความพ่ายแพ้ของทีม
ตอนนี้สถานการณ์ของแมนฯยูในลีก ชนะ 3 แพ้ 2 ไม่ใช่ฟอร์มเปิดฤดูกาลที่ดีนักของทีมที่หวังจะเป็น “แชมป์ลีก” ผิดกับอริร่วมเมืองที่สามารถเก็บชัยชนะได้ทุกนัดตั้งแต่เปิดฤดูกาล ทำให้ต่อจากนี้เจ้าตัวต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด ไม่ใช่อ้างโน่นอ้างนี้และเอาฑิฐิ ความโอหังออกไปบ้าง
เพราะต้องอย่าลืมว่า นักเตะ “แมนฯยู” ไม่ได้เคารพและเทิดทูน เจ้าตัวเหมือนกับ “เชลซี” การมาคุมทีมในฝันของตัวเองก็เสมือนกันเริ่มต้นนับ 1 ใหม่อีกครั้ง ต้องใช้เวลาและความใจเย็นในการซื้อใจและสร้างศรัทธาในตัวลูกทีมซึ่งทีมอย่างแมนฯยูที่ถือว่าตัวนักเตะมีความมั่นใจสูงก็คงต้องใช้เวลาและวิธีที่ถูกต้อง เปรียบเสมือนการไปเป็นอาจารย์ให้นักเรียนห้องหัวกะทิ มิเช่นนั้นอาจจะถูกเด็กลองภูมิ หรือทดสอบว่า “เจ๋ง” พอที่จะมาสอนพวกเค้าหรือเปล่า
สำหรับเกมล่าสุดต้องยอมรับว่า เป็นความพ่ายแพ้ที่น่าอับอายของทีม อุตส่าห์จัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามแบบฟูลทีมทั้ง “ซลาตัน อิบราฮิโมวิช” “ปอล ป็อกบา” “เวย์น รูนีย์” “อ็องโตนี่ มาร์ซิยาล” หรือ มาร์คัช แรชฟอร์ด” ในเกมรุก และ “คริส มอลลิ่ง” “เอริค ไบยี่” หรือ “ลุค ชอว์” แต่แพ้
ในขณะเดียวกัน “มูรินโญ่” เองก็ต้องหานักเตะที่สามารถสร้างอิทธิพลเหนือเพื่อนร่วมทีม สั่งใครแล้วคนนั้นยอมฟัง เหมือนสมัยที่คุมทีมสมัยก่อน ซึ่งบรรดาขุนพลปีศาจแดง คนที่เหมาะสมในเรื่องของวัยวุฒิคงหนีไม่พ้น “เวนย์ รูนีย์” แต่ต้องอย่าลืมว่าเจ้าหมูกำลังฟอร์มตกอย่างแรง
อย่างเกมล่าสุด ไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสให้ตัวเองในการจบสกอร์ได้เลย ไม่นับการเลี้ยงบอลที่ไม่ผ่านผู้เล่นของคู่แข่งด้วยซ้ำ และยังยิงไม่ตรงกรอบอีกต่างหาก (ส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะ เจ้าตัวที่ถูกสั่งให้เล่นต่ำเป็นมิดฟิลด์
กลับมาที่ “มูรินโญ่” ก็ต้องซื้อใจนักเตะ “แมนฯยูไนเต็ด ให้ได้ ถ้าทำไม่ได้อาจจะต้องประสบชะตากรรมที่ไม่ต่างกับสโมสร “เชลซี” เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีนักเตะบางคนพยายามจะเล่นแบบล้มโค้ช
อีกทั้งตัวผู้เล่นก็ไม่เป็นรองทีมไหนในลีกด้วยซ้ำ ถ้าจะเล่นให้ดีก็เล่นออกมาได้ แต่ไม่รู้ว่าถึงตอนนี้ฟอร์มที่เคยดี 3 นัดแรก “หายไปไหน”
สุดท้ายช่วง “ฮันนีมูน” ของเดอะ สเปเชี่ยล หมดลงเรียบร้อยแล้ว นับจากนี้ทั้งบอลลีกและบอลถ้วยต้องเน้นย้ำให้ลูกทีม “มุ่งมั่นมากกว่าเดิม” มิเช่นนั้นแล้ว โอกาสที่จะอยู่ใน “โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด” ของ “น้ามู” กับ “แมนฯยู” อาจจะสั้นกว่าที่คิดครับ
แบงค์ พิพัช