สกู๊ป : เชลซีในวันที่คลาย "ความกดดัน"

สกู๊ป : เชลซีในวันที่คลาย "ความกดดัน"

สกู๊ป : เชลซีในวันที่คลาย "ความกดดัน"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จะอย่างไรก็แล้วแต่ ผมค่อนข้าง "ยินดี" กับเชลซี ที่สามารถเก็บผลการแข่งขันดีๆในรอบ 32 ทีมสุดท้าย EFL คัพ ซึ่งเป็นรอบที่ 3 ได้สำเร็จ

ชัยชนะดังกล่าวเหนือเลสเตอร์ 4-2 หลังต้องเป็นฝ่ายตาม 0-2 และเสมอกันในเวลาปกติ 2-2 จัดว่าหยุดเส้นทางกระท่อนกระแท่นของทีมสิงห์บลูส์ได้อย่างน่าประทับใจ

พอๆกับความ "โล่งอก" ของอันโตนิโอ คอนเต้ และบรรดาผู้เกี่ยวข้องกับสโมสร

ครับ หลังจาก "สะดุดรัก" มา 2 เกมติดๆกันกับสวอนซีที่ทำได้แค่ไล่ตามตีเจ๊า 2-2 ตามด้วยแพ้นัดแรกของฤดูกาลในพรีเมียร์ลีกให้กับลิเวอร์พูลในเกม Friday Night 1-2

สถานการณ์ของเชลซี และคอนเต้ แม้จะยังห่างไกลกับมิติแพ้ 3 เกมรวดของแมนฯ ยูไนเต็ด และโจเซ่ มูรินโญ่ ทว่ามันมีอารมณ์การเริ่ม "ก่อตัว" ของความเชื่อมั่นที่สูญเสียเหมือนๆกัน

เพราะอารมณ์แบบนี้ หากตามหลัง เลสเตอร์ 0-2 เหมือนเกมกับหงส์แดงที่ตามหลังด้วยสกอร์เดียวกันแล้วไล่ไม่ทัน

ทว่ามาไล่ทันในเกมนี้แล้วแซงกลับตอนเอ๊กซ์ตร้าไทม์ แม้ทีมจิ้งจอกสยามจะเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนหลัง มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ โดนเหลืองที่ 2 โดนไล่ออกตอนใกล้นาทีที่ 90 ก็ตามที

เราๆท่านๆคงต้องยอมรับว่า คอนเต้ และเชลซี จะต้องกดดันกับสถิติ แพ้ 2 เสมอ 1 ใน 3 เกมล่าสุด ก่อนจะบุกเยือนอาร์เซนอลสุดสัปดาห์นี้แน่ๆ หากแพ้เลสเตอร์ขึ้นมา

เพราะสถานการณ์ที่แย่สุดถัดมา คือแพ้อาร์เซนอล อันจะเท่ากับว่า เชลซีจะแพ้ 3 นัดติดต่อกัน เท่ากับสิ่งที่กำลังเกิดตอนนี้กับแมนฯ ยูฯ และมูรินโญ่

ดังนั้น ณ จุดนี้กลางสัปดาห์ในบอลลีกคัพ เชลซีจึงต้องการชัยชนะเกมนี้มากกว่าเลสเตอร์ ที่เล่นไม่ได้แย่ และอาจไม่แพ้หากมีผู้เล่นครบๆ 11 ต่อ 11 คนเท่ากัน

ทั้งนี้หลังโดนลิเวอร์พูลถล่มยับ 1-4 แต่มาแก้ลำด้วยการบุกปราบ คลับ บรูกก์ ในเกมยุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรก และนัดแรก 3-0

เคลาดิโอ รานิเอรี่ ต่อยอดได้ดีด้วยการถล่มเบิร์นลี่ย์ 3-0 ก่อนจะทำได้ดีในเกมนี้ กระทั่งทดเจ็บครึ่งแรกที่ยังนำ 2-0 แล้วมาโดน แกรี่ เคฮิลล์ ตีไข่แตก

ถึงตอนนั้น เชลซี เล่นได้น่าเป็นห่วง และไม่ต่างกับแมตช์แพ้ลิเวอร์พูลที่ครึ่งแรกเป็นรอง

นี่น่าจะเป็นปัญหาให้ คอนเต้ต้องเก็บไปแก้ไขโดยด่วน เพราะจะให้มาคอยแก้เกมตอนพักครึ่ง และกระตุ้นให้คัมแบ็กกลับมาทุกนัดแบบเกมนี้ หรือเหมือนครึ่งหลังกับหงส์แดงที่ทำได้ดีแต่ไล่ไม่ทัน มันเป็นไปไม่ได้ครับ

ฟุตบอลระดับนี้จะมา "ต่อแต้ม" กันก่อน 1-2 ลูกทุกนัดมันเหนื่อย และเชลซีคงไม่โชคดีเหมือนเกมนี้ในทุกนัดเป็นแน่

เฉพาะอย่างยิ่งหากเจอกับคู่แข่งเคี่ยวๆ เช่น คู่ 23.30 กับอาร์เซนอลที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

ทั้งนี้ "ปัจจัย" แห่งการสะดุดของ คอนเต้ และลูกทีมดูจะสอดคล้องกับการหายไปของ จอห์น เทอร์รี่ ที่บาดเจ็บข้อเท้าในเกมเสมอสวอนซี

เพราะนัดพ่ายหงส์ทุกอย่างดู "อลหม่าน" โดยเฉพาะประตูแรกที่ไม่มีการให้เสียง หรือใครประกบ 3 ตัวหลังเสาไกลเสื้อแดงจน เดยัน ลอฟเรน หลุดมาแปโล่งๆเข้าไป

หากมี เทอร์รี่ อยู่ในทีม ว่ากันว่า ประตูนี้ไม่น่าพลาด

หรือนัดนี้กับเลสเตอร์ที่ แกรี่ เคฮิลล์ ก็มีส่วนพลาดให้เสียประตูในทีมที่กลายเป็นเสียถึง 6 ประตูใน 3 นัดล่าสุด

ซึ่งไม่ใช่สไตล์ของคอนเต้ที่เน้น "เหนียวแน่น" แม้แต่น้อย!

นอกจากเทอร์รี่แล้ว ประเด็นความไม่ลงตัวในแดนกลางกำลังโดน "ไฮไลต์" ให้เห็นเด่นชัด

ตอนนี้ คอนเต้ยัง "มั่นใจ" และไม่หาที่ว่างให้ เชส ฟาเบรกาส โดยระบบ 4-2-3-1 จะใช้ เอนโกโล่ กองเต้ และเนมันย่า มาติช ยืนตรง "2"

ขณะที่ "3" ก็ไม่มีชื่อ ฟาเบรกาส แต่จะใช้ เอแด็ง อาซาร์, ออสก้าร์ และวิลเลี่ยน ประมาณนั้น สนับสนุน ดิเอโก้ คอสต้า

โดยที่ผ่านมา เชส ยังไม่ได้เล่น "ตัวจริง" ในพรีเมียร์ลีกเลยตลอด 5 นัดแรก และได้สิทธิ์เพียงตัวสำรองเท่านั้น แต่ก็มักจะทำได้ดียามถูกเปลี่ยนตัวลงมา

แน่นอนครับว่า ฟาเบรกาส จะนำเสนอสิ่งที่แตกต่างมากกว่า มาติช หรือกองเต้ โดยเฉพาะการต่อบอล ทำเกมบุก

มาติช กับกองเต้ ที่แน่นในเกมรับ จะมีข้อเสียในเกมรุกอันเป็นสิ่งที่กุนซือคอนเต้ต้องชั่งน้ำหนักให้ดีกับทีมที่ชักแกว่ง

หลายคนอาจบอกว่า ในยามไม่มีเทอร์รี่ เกมรับยิ่งต้องแน่นไว้ก่อน

ตรงกันข้าม ก็เพราะไม่มีกัปตันจอห์น และเสียประตูง่ายนี่แหละ การเล่นเกมรุกที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ยิงได้มากกว่าเสียยิ่งจำเป็น

มันคือการต้องหา "บาลานซ์" เพราะเกมนี้หลังได้ลงตัวจริง ฟาเบรกาสก็กด 2 ประตูสำคัญตอนต่อเวลาซะเลย และสร้างโจทย์ให้กุนซืออิตาเลียนต้องขบคิดในแมตช์หน้ากับอาร์เซนอล

เจอทีมเก่า!? น่าจะเหมาะกับเชสจะลงเป็นตัวจริงหนแรกในลีกซีซั่นนี้ใช่หรือไม่?

อย่างไรก็ดีครับ หลังชนะเกมนี้ ความกดดันมันเบาลงเยอะ และน่าจะเปิดสมองโล่งๆให้อันโตนิโอ คอนเต้ ได้เตรียมทีมอย่างไม่กังวลมากสำหรับเกมดาร์บี้แมตช์ลอนดอนเสาร์นี้

เกมที่ผมมองว่า จะเป็นแมตช์ อาร์เซนอล - เชลซี ที่น่าสนใจ และน่าดูที่สุดในรอบหลายปีเลยทีเดียวครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook