สกู๊ป : เฟส 2 ของ "คล็อปป์"

สกู๊ป : เฟส 2 ของ "คล็อปป์"

สกู๊ป : เฟส 2 ของ "คล็อปป์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้จะเป็นเพียงเกม "ลีก คัพ" โทรฟี่ใบเล็กที่สุดในอังกฤษ แต่สำหรับ เยอร์เก้น คล็อปป์ แล้วไม่ว่าจะเกมไหนรายการใด เขาต้องการผลงานที่ดีไม่แตกต่างกันจากลูกทีม

ไม่ว่าจะต้องเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ - ลิเวอร์พูล ต้องการชัยชนะกลับมาเหมือนกัน

แน่นอนครับว่าปัจจัยเรื่องที่ทีมไม่มีโปรแกรมเล่นในฟุตบอลยุโรปฤดูกาลนี้มีส่วนทำให้ คล็อปป์ สามารถเลือกทีมที่ค่อนข้างแข็งแกร่งลงสนามในรายการนี้ได้ แต่การเลือกที่จะยึดตัวหลักอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, คูตินโญ่, เฟียร์มิโน่ หรือ โยเอล มาทิป ไว้เป็นการตอกย้ำในจุดยืนที่แน่วแน่ของกุนซือจอมอีโมชั่นเป็นอย่างดีครับ

แต่ที่สำคัญกว่าการจัดทีมคือการที่ลูกทีมของ คล็อปป์ เองลงสนามและสามารถเล่นตามคำสั่งของเจ้านายได้เป็นอย่างดี

ตลอด 90 นาทีที่ผมเฝ้าสังเกตการณ์จากสนาม iPro (ชื่อใหม่ของสนาม ไพรด์ ปาร์ค) ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเดินเครื่องจนเจ้าบ้านแทบจะกลายเป็น "แกะบด"

เกมเพรสซิ่งสูงของทีมเยือนใช้ได้ผลดีเหมือนเดิมครับ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นในแดนกลางจากเซ็ต "ไดนามิค" ที่ประกอบไปด้วย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จีนี ไวจ์นาลดุม และ อดัม ลัลลานา มาเป็นชุด ลูคัส เลวา, มาร์โก กรูยิช และ เฮนเดอร์สัน ที่ขยับมายืนสูงและให้ ลูคัส เป็นตัวคุมไลน์สุดท้ายแทน

ส่วนหนึ่งเพราะแนวรุกยังมี คูตินโญ่ และ เฟียร์มิโน่ ยืนสูงกว่าและเป็นตัว trigger ในการไล่บอลจากแดนบน แต่อีกส่วนต้องบอกว่าเวลานี้นักเตะของ คล็อปป์ มีความเข้าใจในเรื่องของการเพรสซิ่งในสไตล์นี้ (ที่เราเรียกกันว่า gegenpressing) ดีขึ้นกว่าในฤดูกาลที่แล้วมาก

เมื่อรวมกับสภาพร่างกายที่พร้อมขึ้นจากการเตรียมทีมที่เข้มข้นในช่วงพรีซีซั่น ซึ่งทำให้ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ทำระยะทางวิ่งรวมมากกว่าทุกทีมในพรีเมียร์ลีก (518.6 กิโลเมตร) นี่เป็น "สัญญาณ" ที่ดีอย่างมาก

การทำงานหนักของ คล็อปป์ และทีมงานที่ไล่ตั้งแต่ เซลโก้ บูวัค มือขวาเรื่อยไปจนถึงนักโภชนาการสาวคนสวยที่ดึงตัวจาก บาเยิร์น มิวนิค เริ่มเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

นั่นทำให้ "ประสิทธิภาพ" ของลิเวอร์พูล แทบไม่ลดลงเลย

ชัยชนะ 3-0 เหนือ ดาร์บี้ เป็นชัยชนะที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดชนิดแทบไม่เปิดโอกาสให้ทีมเจ้าบ้าน - ที่แม้ในฤดูกาลใหม่จะเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก แต่ในฤดูกาลที่แล้วพวกเขาเกือบได้เลื่อนชั้นขึ้นพรีเมียร์ลีกอยู่แล้วหากไม่พลาดท่าพ่าย ฮัลล์ ซิตี้ แม้แต่นิด

นักเตะในชุดแดงเพลิงนั้นยิ่งเล่นยิ่งมัน ยิ่งไล่ยิ่งคึก ทั้งที่หลายๆคนเป็นนักเตะในระดับตัวทดแทนอย่าง รักนาร์ คลาวาน, อัลแบร์โต้ โมเรโน่, แดนนี่ อิงส์, มาร์โก กรูยิช, ดิวอค โอริกี้, เอ็มเร่ ชาน ที่หายจากอาการบาดเจ็บ และเทพบุตรผู้รักษาประตูอย่าง ลอริส คาริอุส ที่ได้ลงสนามเป็นเกมแรกหลังบาดเจ็บในช่วงต้นฤดูกาล ซึ่งก็ทำให้เกิดการถกเถียงขึ้นทันทีว่าเขาควรจะแย่งมือหนึ่งจาก ซิมง มิโญเลต์ เลยหรือไม่

ไม่นับ โอวี เอยาเรีย เจ้าหนูมหัศจรรย์ที่สร้างความฮือฮาช่วงพรีซีซั่น ที่ได้โอกาสลงสนาม ซึ่งนั่นหมายความว่าเขามีโอกาสจะสอดแทรกอยู่ในทีมด้วยในฤดูกาลนี้

ประเมินจากตรงนี้ถือว่า คล็อปป์ มีทีมที่ดีทีเดียวครับ ดีกว่าที่ประเมินในช่วงต้นฤดูกาลเอาไว้พอสมควร และที่สำคัญคือเป็น "ทีมของคล็อปป์" ด้วย

สิ่งต่อมาที่สังเกตได้อย่างชัดเจนคือการประสานงานต่อบอลของลิเวอร์พูลในเวลานี้มีความลื่นไหลลงตัวขึ้นกว่าเดิมมาก

"สปีดบอล" ของหงส์แดงเวลานี้รวดเร็ว ไม่เฉพาะการพาบอลไปกับตัว แต่รวมถึงการผ่านบอลไปมา ซึ่งมีทั้งการแทงตามช่อง การแทงออกที่ว่าง การทำชิ่ง "วันทู" การเคาะบอลจังหวะแรกเป็นสามเหลี่ยม หรือการเล่นพลิกแพลงที่ทำให้คู่แข่งคาดไม่ถึงและตามไม่ทัน

นั่งไปดูแล้วยังมีช่วงหนึ่งของความรู้สึกที่นึกว่านี่มัน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ของ คล็อปป์ ในวันวานหรือเปล่า?

โดยสรุปแล้วคือ ลิเวอร์พูล ในเวลานี้ดูเหมือนจะเดินถูกทางอย่างชัดเจนครับ นักเตะในทีมมีความเข้าใจใน "ปรัชญา" การเล่นของ คล็อปป์ และตอบสนองต่อปรัชญานั้นเป็นอย่างดี

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะพอใจแค่นี้

การที่ คล็อปป์ ออกมาให้สัมภาษณ์หลังจบเกมด้วยความมั่นใจว่าทีมของเขายังสามารถเล่นได้ดีกว่านี้อีก และชัยชนะ 3-0 ซึ่งทำให้เวลานี้ ลิเวอร์พูล ทำประตูไปแล้วถึง 19 ลูกจากการเล่น 7 นัด (5 ในลีก) ไม่ได้เป็นเรื่องสลักสำคัญอะไรมากมาย มันทำให้ผมยิ่งอยากเห็นว่าทีมของคล็อปป์ เมื่อเล่นเต็ม "ศักยภาพ" แล้วจะออกมาเป็นอย่างไร

โดยเฉพาะหากนักเตะอย่าง คูตินโญ่, เฟียร์มิโน่, สเตอร์ริดจ์, มาเน่, ลัลลาน่า, เฮนเดอร์สัน, ไวจ์นาลดุม เรื่อยไปจนถึง ชาน, มาทิป ท็อปฟอร์มพร้อมๆกันจะน่าสะพรึงขนาดไหน

คล็อปป์ กำลังเข้าสู่เฟสที่ 2 การสร้างทีมของเขาครับ หลังการวางรากฐานจนแน่นหนา สิ่งต่อมาคือการต่อยอดให้กับทีมให้ไปถึงจุดที่ทั้งเขาและเหล่าค็อปชนคาดหวัง

แต่แน่นอนครับ ผมยังไม่แนะนำให้เหล่า Kopites ระเริงไปกับผลงานในช่วงหลัง แม้มันจะน่าประทับใจเหลือเกินก็ตาม

เร็วเกินไปที่จะกระหยิ่มยิ้มย่องครับ ลิเวอร์พูล ยังต้องผ่านการพิสูจน์ตัวเองอีกมากโดยเฉพาะเรื่องของความสม่ำเสมอ ความนิ่ง และความละเอียดในการเล่นที่ คล็อปป์ ไม่สามารถสอนได้ในการซ้อม แต่นักเตะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองในสนาม

อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าในบรรดาทีมอังกฤษเวลานี้ รองจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ต้อง ลิเวอร์พูล ทีมนี้ครับที่จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดไม่ว่าจะทั้งจากแฟนบอลหรือสื่อเองก็ตาม

ลูกแม่กิ่ง (lookmaeking@hotmail.com)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook