ภาระบนบ่าที่ถูกปลดออก

ต้องยอมรับว่าชัยชนะเหนือ นอร์ทแฮมป์ตัน ในศึกลีก คัพ ไม่อาจลบเลือนบาดแผลที่สาวก “ปีศาจแดง” ต้องทนแบกรับมาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาได้

ความพ่ายแพ้ 3 นัดติดต่อกัน (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เฟเยนอร์ด และ วัตฟอร์ด) สร้างแรงสั่นสะเทือนมากมายภายในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ชนิดที่ว่าแฟนบอลบางรายอดคิดถึง ฟลุยส์ ฟาน กัล ไม่ได้

ภายใต้แรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่ทั้งจากภายในและภายนอก แม้น โจเซ่ มูรินโญ่ พยายามตีโพยตีพายโยนความผิดให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นกรรมการก็ดี หรือลูกน้องในทีมก็ดี

ท้ายที่สุดตัวเขาเองจำต้องก้มหน้ายอมรับผิด ว่าความปราชัยที่เกิดขึ้นมาจากแท็กติกและการวางตัวผู้เล่น เราจึงได้เห็นไลน์อัพ “ปีศาจแดง” ที่แตกต่างออกไปในเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ คือการที่ มูรินโญ่ ยอมทิ้งความเย่อหยิ่งในตัว แล้วเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทีม นั่นคือการดร็อปกัปตันทีมผู้รับค่าเหนื่อย 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ อย่าง เวย์น รูนี่ย์ ไว้ข้างสนาม

อย่างที่เราทราบกันดี รูนี่ย์ คือเป้าโจมตีใหญ่สุดของแมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงที่ผ่านมา ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดร็อปลงไป แต่กลับยืดอกสวมปลอกแขนลงสนามในทุกเกม ทั้งในยุคของ ฟาน ฮัล เรื่อยมาจนถึง มูรินโญ่

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รูนี่ย์ โดนปรับบทบาทไปทั่วสนาม จากหัวหอกตัวเป้า โดนถอยมาเล่นหน้าต่ำ แล้วโยกไปริมเส้น กระทั่งลงไปสวมบทบาทมิดฟิลด์ตัวรับก็เคยมาแล้ว

แต่อย่างที่เราเห็นกันดี การพยายามให้โอกาส รูนี่ย์ ได้พิสูจน์ตัวเองในตำแหน่งที่แตกต่างออกไป กลายเป็นการฆ่านักเตะทางอ้อม เมื่อเจ้าของฉายา “สุกรโลกันต์” หลงลืมจุดเด่นของตัวเอง และไม่อาจเค้นศักยภาพที่ดีที่สุดออกมาได้ ประหนึ่งกำลังหาทางออกท่ามกลางเขาวงกต

แน่นอนว่าชัยชนะ 4-1 เหนือเลสเตอร์ ทั้งหมดอาจไม่ได้มาจากการดร็อป รูนี่ย์ ไว้ข้างสนาม แต่ต้องยอมรับว่าการไม่มีกัปตันทีมชาติอังกฤษ ช่วยให้นักเตะรายอื่นได้เล่นในสไตล์ที่ถนัดขึ้น โดยเฉพาะเหล่าผู้เล่นในแผงมิดฟิลด์ ปอล ป็อกบา เริ่มพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเหมาะสมกับค่าตัวสถิติโลก หากเทียบถึงศักยภาพที่พร้อมจะกลายเป็นแข้งหมายเลขหนึ่งในอนาคต เกมนี้ดาวเตะเฟรนช์แมน มีหนึ่งสกอร์ให้เห็น ทั้งยังทำเกมสวยๆ ได้หลายหน

ฆวน มาต้า คืออีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ แข้งรายนี้ไม่ใช่นักเตะในอุดมคติของ มูรินโญ่ ถึงขนาดโดนขายทิ้งสมัยร่วมงานกันที่เชลซี ทว่ายามนึกถึงเพลย์เมคเกอร์สักคน ดาวเตะสแปนิชมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าใครภายในทีม

เกมนี้ มาต้า ลงมาสอน รูนี่ย์ ให้รู้ซึ้งถึงวิธีทางการเล่นในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์หรือหน้าต่ำได้อย่างถึงแก่น เมื่อพยายามสอดทะลุเข้าเขตโทษทุกครั้งที่มีโอกาส และนำมาสู่ประตูหนีห่าง 2-0 รวมถึงมีอีกหนึ่งแอสซิสต์ให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด

ส่วนแข้งรายอื่นที่เคยโดนโจมตีอย่าง เจสซี่ ลินการ์ด กลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง เช่นเดียวกับ ดาลี่ย์ บลินด์ ที่ได้รับบทบาทแบ็กซ้ายตามถนัด ซึ่งมีช็อตจ่ายบอลสวยๆ ให้เพื่อนร่วมทีมหลายครั้ง

เท่ากับว่า “ปิศาจแดง” ในวันที่ไม่มี รูนี่ย์ กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งกว่าตอนมีผู้นำในสนาม แม้นยังไม่ได้ยอดเยี่ยมเพอร์เฟ็คท์ถึงขั้นต้องตกตะลึงเหมือนผลงานของ อาร์เซนอล หรือ ลิเวอร์พูล แต่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต

จากนี้จึงขึ้นอยู่กับ มูรินโญ่ ว่า...จะนำภาระอันหนักอึ้งกลับมาแบกไว้บนบ่าอีกหรือไม่? ในเมื่อค้นพบตำแหน่งที่ดีที่สุดของ รูนี่ย์ แล้ว

...ซึ่งก็คือข้างสนาม