ปัญหาใหญ่ของ “คอนเต้”

ความพ่ายแพ้ของสิงห์บลู “เชลซี” เมื่อสุดสัปดาห์ทีผ่านมาต่อขุนพลปืนใหญ่ “อาร์เซน่อล” 0-3 คงสร้างความเซ็งจิตไม่น้อยให้กับสาวกของทีมทั้งหลาย ทำให้สถนการณ์ในลีกตอนนี้ลงแข่งไป 6 นัด แพ้ไปแล้ว 2 นัด เพราะสองสัปดาห์ที่แล้วปราชัยให้กับหงส์แดง “ลิเวอร์พูล 1-2

ด้วยฟอร์มที่ยังไม่เอาสามารถเอาชนะทีมใหญ่ร่วมลีก (บรรดาบิ๊กไฟว์) ได้สักทีม คงทำให้การลุ้นแชมป์ “พรีเมียร์ลีก” หรือแม้กระทั่งโควต้าฟุตบอล “แชมเปี้ยนลีก” ยากกว่าเดิมแน่ ถึงจะสามารถเก็บสามแต้มกับทีมที่อ่อนกว่าได้เกือบทั้งหมด

ชัดเจนเลยปัญหาของ “เชลซี” ที่ “อันโตนีโอ คอนเต้” นายใหญ่ชาวมักกะโรนีต้องแก้โดยด่วนคือ “เกมรับ” ที่อ่อนปวกเปียก ไม่แข็งตัว เอ๊ย!!! ไม่ใช่แค่กับทีมใหญ่เท่านั้นเพราะฤดูกาลนี้ลงสนามในทุกรายการ 9 นัด ไม่เสียประตูแค่เกมเดียวในการเจอกับ “เบิร์นลีย” ที่ชนะ 3-0

คู่เซนเตอร์ตัวหลัก “แกรี่ เคฮิลล์” กับ “ดาวิด หลุยซ์” รายหลังเพิ่งซื้อกลับมาจาก “ปารีส แซง แชร์แมง” พร้อมด้วยกำไร 20 ล้านปอนด์ในบัญชีสโมสร แต่ถ้าดูผลลัพท์ในสนาม “น่าเป็นห่วง” เนื่องจากกองหลังชาวแซมบ้า “ล็อกแล็ก” ไม่มีความนิ่งเอาซะเลย ขณะที่ “เคฮิลล์” เองก็ฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย คนอายุ 29 เล่นบอลเหมือนดาวรุ่งเพิ่งเล่นทีมชุดใหญ่กับการที่ทำ “หมูหก” ใส่คู่ต่อสู้เป็นประจำ

ส่วนแบ็ก 2 ข้าง “บรานิสลาฟ อิวาโนวิช” กับ “เซซ่าร์ อัปปริกวยต้า” มีจุดอ่อนเรื่อง “ความเร็ว” และ “ความฟิต” ที่เวลาเจอกับแนวรุกประเภทความเร็วสูง หรือคล่องๆก็พร้อม “หลังหัก” ได้ทุกเวลา

ไม่นับมิดฟิลด์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวรับ “เอนโกโล่ ก็องเต้” กับ “เนมันย่า มาติซ” รายแรกถูกจับภาพได้จากวิดีโอว่าไม่ทุ่มเทให้กับทีมเวลาถูกสวนกลับ วิ่งลงมาช่วยเกมรับช้ากว่าผู้ตัดสิน “ไมเคิล โอลิเวอร์” ในการวิ่งไปดูเกมซะอีก หรือพูดง่ายๆคือไม่ช่วยเกมรับในเกมที่แพ้ “อาร์เซน่อล” และ “มาติซ” ก็ไม่ใช้นักเตะประเภทเกิดมาเพื่อวิ่งไล่บอล ทำลายจังหวะคู่ต่อเพียงอย่างเดียวเหมือน “โคล้ด มาเกเลเล่” อดีตนักเตะของทีม

นอกจากนั้นหลังเกม “บรานิสลาฟ อิวาโนวิช” ยังออกมาจุดประเด็นว่าในเกมที่แพ้ “อาร์เซน่อล” มีนักเตะบางคนภายในทีมไม่ยอมเล่นตามแท็กติคของโค้ชอีกด้วย เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียวเพราะปัญหานี้ทำลายโค้ชและทีมมานักต่อนักแล้ว เอาตัวอย่างที่ชัดเจนเลยคือ “โจเซ่ มูรินโญ่” กับทีมในฤดูกาลที่แล้ว

อย่างไรก็ตามก็ต้องเวลา “คอนเต้” ในการแก้ปัญหาด้วย เพราะต้องอย่าลืมว่านี้คือการมาคุมทีมในอังกฤษครั้งแรกของเจ้าตัว แถมยังต้องเจอทีมประเภทเล่นบอลสั้น เพรซซิ่งเร็วซึ่งไม่ใช่สไตล์ที่โค้ชอิตาลีชอบสักเท่าไหร่และยังไม่คุ้นเคยอีกด้วย

ที่สำคัญต้องอย่าลืมมว่า “คอนเต้” เวลาคุมทีมไหนไม่ว่าจะ “ยูเวนตุส” หรือ “ทีมชาติอิตาลี” มักจะเล่นในระบบหลัง 3 ตัวมาโดยตลอด แต่พอมาในอังกฤษต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนให้แนวรับของทีมทีเล่นระบบหลัง 4 ตัวมาตลอดมาเล่นหลัง 3 ตัว คงจะมีความเสี่ยงไม่น้อย และยังเป็นระบบที่อาจจะไม่เหมาะกับฟุตบอลสไตล์อังกฤษอีกด้วย

สุดท้ายเรื่องการแก้ปัญหาเกมรับของ “เชลซี” คงเป็นพิสูจน์อย่างดีว่า “คอนเต้” คือของแท้หรือของปลอมทำเหมือนครับ 

แบงค์ พิพัช