ชุดขาวดำดิ่งด้วย 3 เหตุผล

ชุดขาวดำดิ่งด้วย 3 เหตุผล

ชุดขาวดำดิ่งด้วย 3 เหตุผล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การเสมอกับเออิบาร์ในบ้านที่ผ่านมา บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า สถานการณ์ของเรอัล มาดริด และ ซีเนดีน ซีดาน โค้ชประสบการณ์น้อย กำลังมีปัญหาเจอมรสุมที่ไม่เคยพบมาก่อน

ในเมื่อผลมันออกมาในรูปแบบ ที่แฟนบอลเริ่มจะรับกันไม่ได้ ต้องมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุกันสักหน่อยว่า มันเพราะอะไร ที่แชมป์ ยูซีแอล 11 สมัย ถึงต้องมาอยู่จุดนี้


1.ฟอร์มของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
นี่คือเหตุผลหลักเลยก็ว่าได้ ที่ทำให้ความน่ากลัวในเกมรุกของ “ลอส บลังโก้” ด้อยประสิทธิภาพลงไปอย่างน่าใจหาย ทั้งๆ ที่ ได้อัลบาโร่ โมราต้า เข้ามาเสริมทีม

แต่เพราะ CR7 คือคนแบกความหวังเรื่องการยิงประตูมาตลอด ย้อนไป 7 นัดแรกของซีซั่นที่แล้ว เขายิงได้ถึง 5 ประตูในช่วงเวลาเดียวกัน

แต่ ณ ปัจจุบัน นับเฉพาะเกมลีก ผ่านมา 7 นัดเท่ากันพอดี โรนัลโด้ ยิงไปเพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น คือในเกมที่ชนะโอซาซูน่า 5-2

แต่กระนั้นซีดาน ซึ่งเป็นเจ้านายของ โรนัลโด้ โดยตรงยังมองว่าไม่น่ากังวลเท่ากับการที่ไม่มี สตาร์ชาวโปรตุกีส ลงสนาม

ทั้งๆ ที่กุนซอชาวฝรั่งเศสเคยหล่นวาจาไว้แล้วว่า โรนัลโด้ สมควรจะได้พักบ้าง เพราะหลังจากหายเจ็บ เจ้าตัวก็ไม่ได้ทำการฟื้นฟูอย่างถูกต้องเลย  โดยสถานการณ์ที่ย่ำแย่ ทำให้ยิ่งต้องเรียก โรนัลโด้มาใช้งาน แล้วสุดท้ายก็ไม่มีอะไรดีขึ้น


2.สภาพทีม
นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา เรอัล มาดริด ยังไม่สภาพทีมที่เรียกได้ว่า “ฟูลทีม” เลย เพราะ อย่าง โรนัลโด้ ก็เพิ่งมาลงสนามได้ในเกมที่สาม เช่นเดียวกับ คาริม เบนเซม่าส ถัดจาก นั้น ก็เป็น คิวของเปเป้ ที่เดี้ยงไปช่วงสั้นๆ และอิสโก้ ที่เจ็บในการซ้อม  ขณะเดียวกัน เคย์เลอร์ นาวาส ก็ยังคงต้องรักษาตัวอยู่

พอเปเป้ กลับมา มาร์เซโล่ บาดเจ็บสวนทางออกไป หรือ พอ นาวาส หายเจ็บ ก็กลาย เป็น ลูก้า โมดริช ที่เพิ่งจะเข้ารับการผ่านตัดต้องพัก 5-6 สัปดาห์

เห็นได้ชัดคือในเกมล่าสุด ที่ไม่มี ลูก้า โมดริช ลงสนาม บอลของอิสโก้ และ มาเตโอ โควาซิช ดีไม่พอจะทดแทนมิดฟิลด์ชาวโครแอตได้

ณ ตอนนี้ ไล่เรียงรายชื่อนักเตะที่บาดเจ็บมาตั้งแต่ เปิดฤดูกาล ก็ค่อนทีมไปแล้ว ความสมดุล เหมือนซีซั่นที่แล้วจึงยังไม่มี เพราะหากย้อนไป 10 นัดสุดท้ายในซีซั่นที่แล้ว ที่พวกเขาไล่เก็บคะแนนเกือบแซงบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์นั้น ไม่มีนักเตะคนใดบาดเจ็บเลย


3.รูปแบบการเข้าทำ
เรอัล มาดริด ยังไม่มีแพทเทิร์น การเข้าทำที่เป็นแบบของทีมตัวเองโดยเฉพาะ เหมือน บาร์เซโลน่า หรือ แมนฯซิตี้ ที่เจาะไปเรื่อยๆ เจาะทั้งสองฝั่ง และมาทั้งลูกพื้นดิน และกลางอากาศบางครั้งที่โอกาสเอื้ออำนวย

เกมกับ บีญาร์เรอัล เห็นได้ชัดเลยว่า ลูกทีมซีด่าน ไม่พยายามจะเจาะไปตามช่อง พวกเขาเลือกที่จะออกมาริมเส้นทางฝั่งซ้าย ให้ฮาเมส โยนเข้าไป 12 ครั้งคือสถิติในเกมดังกล่าวเฉพาะครึ่งหลัง ซึ่งก็แน่นอนว่า ไม่เพียงครั้งเดียวที่ลูกไปถึงเสาสองเข้าหัวของ คาร์บาฆัล

ซีดาน อาจจะเป็นนักเตะที่เก่ง มีจินตนาการ การจ่ายบอลและสร้างสรรค์โอกาสไม่เป็นรองใครในโลก แต่พอมาเป็นโค้ชแล้ว เขากลับถ่ายทอดสิ่งนั้นมาให้ลูกน้องไม่ได้ จึงต้องใช้วิธีโยนเข้าไปเหมือนสิ้นคิด จนสุดท้ายทำได้แค่เสมอ ในบ้านตัวเอง

จริงๆ อาการนี้มันแสดงออกมาตั้งแต่ นัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อพฤษภาคมแล้ว ที่ พวกต้องอาศัย เซร์คิโอ รามอส ขึ้นมาเป็นคีย์แมนช่วยทำประตู

เกมซูเปอร์คัพ ก็เป็นอีกหน ที่ได้ กัปตันทีมชาติสเปน ขึ้นมาโหม่งตีเสมอก่อนจะไปชนะช่วงต่อเวลา และ ในเกมที่เสมอ กับ บีญาร์เรอัล ก็เช่นกัน ที่เขาเติมขึ้นมาโขกลูกเซตเพลย์ เป็นประตูโทนของเกม

สามเหตุผลที่กล่าวมานี้ สองกรณีแรกเป็นเรื่องสุดวิสัย ที่โค้ชจะต้องเผชิญกันทุกคนอยู่แล้ว แต่กรณีที่สาม จะเป็นการวัดความสามารถของโค้ชวัย 44 ปีได้เป็นอย่างดี

ช่วงเวลาต่อจากนี้ไป หากเซร์คิโอ รามอส ยังทำประตูได้มากกว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือ คาริม เบนเซม่า ก็น่าจะเข้าใจได้แล้วว่า แชมป์ยุโรป 11 สมัยทีมนี้ มีดีแค่ลูกตั้งแต่ กับการโยนเข้าไปให้กองหลังโหม่งทำสกอร์เท่านั้น

ซึ่งวิธีแบบนี้ มันได้ผลแค่กับฟุตบอลนัดเดียวจบแบบลูกเดียวตัดสินเกม หากจะใช้วิธีนี้ เพื่อทวงแชมป์ลีกคืนมาในรอบ 8 ปี

บอกได้เลยว่า...รอต่อไปเถอะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook