เมื่อ "วันเกิด" กลายเป็น "ฝันร้าย" ตลอดกาล..

เมื่อ "วันเกิด" กลายเป็น "ฝันร้าย" ตลอดกาล..

เมื่อ "วันเกิด" กลายเป็น "ฝันร้าย" ตลอดกาล..
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เคยไหมในขณะที่เส้นทางแห่งวันและเวลากำลังเดินทางครบรอบวันเกิด ในขณะที่วันซึ่งเราลืมตาดูโลกจวนจะวนมาครบปี แต่แล้วก่อนที่ทุกฝ่ายจะฉลอง ก่อนที่จะดื่มด่ำไปกับเสียงตะโกน "Happy Birthday"

แล้วบางสิ่งที่ไม่คาดฝันก็บังเกิด..

จนทำให้เรา "จดจำ" ไปตลอดกาล!

เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นแล้วครับกับ "อูมุต บูลุต" ดาวเตะชื่อดังทีมชาติตุรกี

ย้อนกลับไปเมื่อ 7 เดือนก่อน กลางดึกวันนั้นคือคืนวันอาทิตย์ ในห้วงเวลาที่ทั่วทั้งโลกกำลังหลับใหล ศึกระหว่าง "เกนแกลร์บิร์ลิจี้" และ "กาลาตาซาราย" จบลงแบบสุดมันส์ 1-1

ในเกมนั้น อูมุต บูลุต ก็เหมือนกับพ่อค้าแข้งทั่วไป ดาวยิงทีมชาติตุรกีมีชื่อเป็นตัวจริงให้กับกาลาตาซาราย แม้สุดทางจะมิอาจทำประตูช่วยทีมได้

ทว่าชีวิตที่หรรษากำลังรอเจ้าตัวอยู่..

15 มีนาคม คือวันที่ดาวเตะวัย 32 ปีลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก และกาลเวลาผ่านไปวันเกิดแสนสุขนี้กำลังจะบังเกิดขึ้นอีกครั้ง

หลังอาบน้ำ-อาบท่า หลังเกมเสร็จในคืนก่อนวันเกิด 2 วัน อูมุตจัดการเซย์กู๊ดบายเพื่อนร่วมทีม พร้อมเตรียมเข้าสู่วีคใหม่อันแสนสดใสด้วยการขึ้นรถบัสทีมกลับโรงแรม รอวันกลับเมืองกาลาตาซาราย

 

ณ โรงแรมอันสุขสันต์ เจ้าตัวได้พบกับ เคมาล บูลุต คุณพ่อบังเกิดเกล้าที่เดินทางตามมาเชียร์ สำหรับ อูมุต แล้วครอบครัวไม่ต่างกับ “ยาชั้นดี” ที่เปรียบเสมือนกำลังใจที่ฉุดรั้งให้ลุกสู้ต่อ

การพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น ก่อนจะจบลงด้วยการที่คุณพ่อเดินทางกลับบ้าน พร้อมรอวันฉลองวีคสุดพิเศษกับเจ้าตัว

แต่ช่างน่าเศร้าครับ ที่นั่นคือคำทักทาย "ครั้งสุดท้าย" ระหว่างทั้งสอง..

แทนที่จะได้จัดเบิร์ธเดย์ ปาร์ตี้ ตามปกติในวันรุ่งขึ้น เจ้าตัวกลับได้รับของขวัญล่วงหน้าจากโชคชะตาเป็นการลาจากคนรัก

ชนิดที่น่าจะ “ไม่มีวันลืมเลือน” ตลอดไป

มีรายงานว่า หลังเกมระหว่าง เกนแกลร์บิร์ลิจี้ และ กาลาตาซาราย ห้วงเวลาที่ทั้งสองเพิ่งจะร่ำลากันเสร็จ ในช่วงที่ อูมุต บูลุต กำลังยิ้มกว้าง ณ โรงแรม รอวันนั่งรถกลับสู่อ้อมกอดครอบครัว แม้ชีวิตในสนามจะจบสิ้นแล้ว ทว่าเรื่องราวนอกสังเวียนกลับดุเดือดพร้อม “ลุกเป็นไฟ”

ท่ามกลางผู้คนมากมายในเมืองอังการา ประเทศตุรกี กลับเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เสียงระเบิดดังสนั่นทั่วทั้งเมือง หญิงสาวนิรนามที่คาดว่าอายุราว 37 ปีตกลงใจระเบิดพลีชีพ ส่งผลให้รถหวอต่างวิ่งกันขวักไขว่ราวกับวันสิ้นโลก

มีรายงานจากสถานีโทรทัศน์ตุรกีว่า เหตุบึ้มเมื่อช่วงดึกวันนั้นทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 100 ราย พร้อมเสียชีวิตอีก 37 ราย

และแน่นอน “พ่อของอูมุต” คือหนึ่งในนั้น..

นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เกิดเหตุเศร้าสลด ณ กรุงอังการารอบ 6 เดือน ทางการตุรกีชี้ว่า เหตุพลีชีพครั้งนี้น่าจะมาจากขบวนการ “พีเคเค” หรือการแบ่งแยกดินแดนของชาวเคิร์ด

ทว่าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด หรือ มีแรงจูงใจเช่นไร..

นี่คือหนึ่งในโศกนาฏกรรมที่ทั่วทั้งโลก “ต้องจดจำ”

อูมุต มีอันต้องเสียพ่อบังเกิดเกล้าที่เพิ่งร่ำลากัน "ไปตลอดกาล"

 

รุ่งเช้าวันจันทร์ ในห้วงเวลาที่เจ้าตัวกำลังซ้อม ในขณะที่อีกเพียงแค่วันเดียว ค่ำคืนแห่งการฉลองเบิร์ธเดย์ก็จะมาถึง เจ้าตัวกลับได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต

"อูมุตทำใจดีๆไว้นะ.. พ่อเสียแล้ว" พี่ชายคนโตของ อูมุต โทรมาแจ้งข่าวอันเศร้าสลดนี้ด้วยตนเอง ความรื่นเริงและรอยยิ้มบนใบหน้าที่เคยมีในช่วงซ้อมรุ่งเช้าต่างมลายหายไป

เป็นน้ำตาที่เอ่อล้นเข้ามาแทนที่ ในวันที่ครบรอบแห่งความสุขกำลังจะมาถึงแท้ๆ เจ้าตัวกลับได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต พ่อที่เคยมีนัดสำคัญในวันรุ่งขึ้น กลับโดนความตายพลัดพรากไป ไม่มีใครคิดว่า การพบปะกับในวันวานจะเป็นครั้งสุดท้าย

และนับจากนี้ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ถ้า 15 มีนาคม คือวันครบรอบวันเกิดของเจ้าตัว..

14 มีนาคม ก็คือวันที่ “อูมุต” จะไม่มีวันลืมความสูญเสียไปตลอดกาล..

"ผมยังคงจำค่ำคืนนั้นได้เสมอ แม้มันจะผ่านมากว่าหลายเดือนแล้ว แต่ทุกครั้งที่นึกย้อนผมยังไม่อาจทำใจได้เลย" อูมุต เปิดใจถึงเหตุการณ์ดังกล่าวที่แม้จะผ่านมาเนิ่นนาน แต่นั่นเปรียบดั่งตราบาปและรอยด่างพร้อยในใจ

"ทุกวันนี้ผมแทบไม่มีกะจิตกะใจเล่นบอล เหตุการณ์วันนั้นทำให้ผมรู้ว่าอะไรที่สำคัญกับผมมากยิ่งกว่าโลกลูกหนัง"

"วันเกิดที่เคยเป็นวันแสนสุข บัดนี้ผมไม่อยากให้มันมาถึงอีกต่อไป"

เราอาจเคยได้ยินวลีที่ว่า ฟุตบอลสำคัญกว่าชีวิต” หรือ บิลล์ แชงค์ลี่ย์ บรมอาจารย์วงการลูกหนังเคยหล่นวาทะเด็ดไว้ว่า “ลูกหนังเป็นยิ่งกว่าความตาย” แต่บางครั้งคำพูดสวยหรูดังกล่าวอาจใช้ไม่ได้เสมอไป

กับกรณีฟุตบอล อาจเป็นสิ่งที่รักของ อูมุต ทว่าเมื่อถึงวันที่ทางแยก และการลาจากมาถึง บางครั้งสิ่งที่โปรดปรานก็มิอาจช่วยเยียวยาจิตใจ ครอบครัวก็คือครอบครัว ถึงตรงนี้ฟุตบอลที่เปรียบดั่ง “ความฝัน” ก็มิอาจทดแทนการจากไปของ “คามาล” คุณพ่อของตน

แบ่งความสำคัญให้ดีๆนะครับระหว่าง “สิ่งที่รัก” และ “ครอบครัว” บางทีคำพูดในวันนี้ระหว่างกันอาจเป็นคำสุดท้ายที่เราได้เอ่ยคำร่ำลา..

ไม่มีใครรู้หรอกว่า ความตายจะมาย่ำเยือนหาเราเมื่อไหร่..

อย่ามัวแต่อยู่ในห้วงเวลาฝันของตน รีบทำดีและให้อภัยคนรอบกาย

ก่อนที่ทุกอย่าง “จะสายเกินไป”

อัลบั้มภาพ 25 ภาพ

อัลบั้มภาพ 25 ภาพ ของ เมื่อ "วันเกิด" กลายเป็น "ฝันร้าย" ตลอดกาล..

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook