De Klassieker : ว่าด้วยเรื่อง "คู่กัดตลอดกาล" ลีกดัตช์

De Klassieker : ว่าด้วยเรื่อง "คู่กัดตลอดกาล" ลีกดัตช์

De Klassieker : ว่าด้วยเรื่อง "คู่กัดตลอดกาล" ลีกดัตช์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ยินดีต้อนรับสู่เนเธอร์แลนด์ ดินแดนแห่งทุ่งดอกทิวลิป, กังหันลม, สีส้มทั้งแผ่นดิน, ฟลายอิ้ง ดัตช์แมน และ โททัลฟุตบอล

เนเธอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จของโลกฟุตบอล (แต่ยังไม่เคยได้แชมป์ฟุตบอลโลก) รวมไปถึงสโมสรในประเทศที่มักป้อนนักเตะฝีเท้าดีไปยังทั่วยุโรปอยู่ตลอด

พูดถึงเนเธอร์แลนด์ ก็จะต้องพูดถึง 2 เมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ก็คือ อัมสเตอร์ดัม และ ร็อตเตอร์ดัม ที่ตามภูมิศาสตร์ ทั้ง 2 เมือง ตั้งอยู่ไม่ห่างไกลกันมากนัก

ในแง่ของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ อัมสเตอร์ดัม คือตัวแทนของศิลปวัฒนธรรม, เสรีนิยม, ทุนนิยม ตรงกันข้ามกับ ร็อตเตอร์ดัม ที่เป็นเมืองอุตสาหกรรม แถมบางครั้ง ถูกมองว่าเป็นเมืองของพวกอันธพาลอีก

คนจากร็อตเตอร์ดัม และที่อื่นๆ มักจะไม่ค่อยชอบคนเมืองกรุงเท่าใดนัก พวกเขามองว่าคนจากอัมสเตอร์ดัมเป็นพวกเย่อหยิ่งและขี้เกียจ มันถึงกับมีคำพูดในหมู่ชาวร็อตเตอร์ดัมว่า “อัมสเตอร์ดัมคิด ร็อตเตอร์ดัมทำ” และ “เงินของฮอลแลนด์หาได้จากร็อตเตอร์ดัม แล้วเอาไปแบ่งกันที่เฮก ก่อนที่จะถูกกดทิ้งลงชักโครกที่อัมสเตอร์ดัม”

ด้วยความขัดแย้งทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และทัศนคติ มันก็เลยลามมาถึงเกมฟุตบอลด้วย

De Klassieker (เดอ คลาสิเกอร์) หรือการต่อสู้กันระหว่าง อาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัม กับ เฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัม ถือว่าเป็นดาร์บี้แมตช์ของโลกก็ว่าได้

ความแตกต่าง ที่นำมาแสดงออกในเกมฟุตบอล ไม่แปลกเลยที่การแข่งขันในสนามจะดุเดือด รวมไปถึงแฟนบอลที่ยั่วยุ เกิดความรุนแรงทั้งในและนอกสนาม จนบางครั้งเคยเกิดเหตุอันตรายถึงขั้นคนตาย และการเกิดจลาจลมาแล้ว

นักเตะในตำนานของศึก “เดอ คลาสิเกอร์” แน่นอนว่า ต้องเป็น โยฮัน ครัฟฟ์ อดีตนักเตะเทวดาผู้ล่วงลับ ที่เคยค้าแข้งอยู่กับทั้งสองสโมสรคู่อริ ดังว่า

ครัฟฟ์ เริ่มต้นค้าแข้งกับอาหยักซ์ เมื่อปี 1964 ยุคนั้นคุมทีมโดย ไรนุส มิเชลส์ ยอดโค้ชในตำนาน เจ้าของต้นตำรับ “โททัล ฟุตบอล” ซึ่งเป็นรากฐานให้อาหยักซ์ และทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในเวลาต่อมา

คอบอลรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้จัก “โททัล ฟุตบอล” อธิบายง่ายๆก็คือ เป็นระบบที่อาศัยการหมุนเวียนทดแทนตำแหน่งของนักเตะจากทั่วสนาม โดยมีนักเตะศูนย์กลางคอยขับเคลื่อนทีม ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดกับสโมสรอาหยักซ์ ตั้งแต่ปี 1970-73 และทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่ได้รองแชมป์โลกในปี 1974

แต่โททั่ล ฟุตบอล อันทรงแสนยานุภาพ กลับเป็นเฟเยนูร์ด ที่หยุดยั้งอาหยักซ์ในลีกได้ มันควรจะเป็นแชมป์ 8 สมัยติดต่อกันของอาหยักซ์ หากไม่ถูกเฟเยนูร์ดคั่นกลางความสำเร็จในปี 1969 และ 1971

หลังประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด ท่านนายพลมิเชลส์ย้ายไปคุมบาร์เซโลน่า และก็ไม่ลืมดึงขุนพลเอกอย่างครัฟฟ์ ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก ทั้งคู่ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยเฉพาะครัฟฟ์ที่กลายเป็นตำนานของทีมอาซูลกราน่าไปอีกคน

แต่หลังจาก 8 ปีแห่งการผจญภัย ครัฟฟ์ก็ได้กลับบ้านอีกครั้งหลังไปเล่นที่อเมริกาเหนืออยู่สองปี เขามาเพื่อกอบกู้ทีมหลังจากอาหยักซ์ร่วงไปอยู่อันดับ 8 ในตอนนั้น ด้วยผลงานของเขาทีมค่อยๆไต่อันดับขึ้นมาจนได้รองแชมป์ เมื่อสิ้นฤดูกาล

ทว่า จบฤดูกาล 1982-83 สองปีหลังจากครัฟฟ์กลับมาร่วมทีม อาหยักซ์ก็ตัดสินใจจะไม่ต่อสัญญากับเขา เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับครัฟฟ์มาก

เขาตัดสินใจแก้เผ็ดสโมสรด้วยการเซ็นสัญญาไปอยู่กับเฟเยนูร์ด คู่ปรับไม่เผาผี ซะยังงั้น

การย้ายไปอยู่เฟเยนูร์ดของครัฟฟ์ สร้างแรงกระตุ้นให้ผู้เล่นอาหยักซ์ในการเผชิญหน้ากับเฟเยนูร์ดมาก มากเสียจนพวกเขาไล่ขยี้คู่แค้นรายนี้ไปยับเยินไม่เหลือซากถึง 8-2 และเป็นสถิติการชนะมากที่สุดใน เดอ คลาสิเกอร์ อีกด้วย

แต่ครัฟฟ์ก็ยังคงไว้ลายนักเตะเทวดา แม้จะอายุ 36 และอยู่ในช่วงปลายของอาชีพแล้ว แต่เขายังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม กลายเป็นแกนหลักพาเฟเยนูร์ดคว้าแชมป์ครั้งแรก และครั้งเดียวในรอบ 20 ปี

นอกจากนี้ยังสอยดัตช์ คัพมาครองได้อีกใบ โยฮัน ครัฟฟ์ปิดฉากชีวิตนักเตะด้วยดับเบิ้ลแชมป์และนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีกับเฟเยนูร์ด คู่อริตลอดกาลของอาหยักซ์

การพบกันของทั้งสองทีมในวันอาทิตย์นี้ ที่สนาม เดอ ไคป์ รังของเฟเยนูร์ด เป็น “เดอ คลาสิเกอร์” ในลีกสูงสุด ครั้งที่ 160 และเป็นนัดที่ 188 เมื่อรวมทุกรายการ

สถิติการพบกันในลีก 159 นัดที่ผ่านมา อาหยักซ์ ทำได้ดีกว่า ชนะไป 70 ครั้ง เฟเยนูร์ดได้เฮ 46 ครั้ง และเสมอกันอีก 43 ครั้ง

ผลงานในฤดูกาลปัจจุบัน เฟเยนูร์ด เป็นจ่าฝูง นำหน้าอันดับสอง อาหยักซ์ คู่อริอยู่ 5 คะแนน ถ้าวันอาทิตย์นี้ เฟเยนูร์ด ชนะ จะหนีเป็น 8 แต้ม มีโอกาสลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปี เลยทีเดียว นับตั้งแต่ได้แชมป์ลีกดัตช์ครั้งสุดท้ายในปี 1999

หากเราจะมองเรื่องนี้อย่างเป็นกลางแล้ว ดูเหมือนว่า พวกอาหยักซ์จะยังคงชูคอผยองได้ต่อไป ตราบเท่าที่เฟเยนูร์ด ยังไม่สามารถกระชากอีกฝ่ายลงมาได้

แถมในยุคปัจจุบันนี้ มีมือที่สาม อย่าง พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เข้ามาทำลายความยิ่งใหญ่ของสองทีมคู่ปรับตลอดกาล และทำให้เฟเยนูร์ด แห่งร็อตเตอร์ดัม เข้าสู่ยุคตกต่ำ

แต่ไม่ว่าสถานะของทั้งสองทีม จะกลับไปกลับมาแบบไหน สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือ บรรยากาศ และอารมณ์ร่วมเมื่อยามพบกันไม่เคยลดน้อยถอยลงไป

จากอดีตถึงปัจจุบัน “เดอ คลาสิเกอร์” ก็ยังถูกบันทึกว่า เป็นเกมแห่งฤดูกาล บนปฏิทินฟุตบอลลีกดัตช์ และจะยังคงอยู่ไปตลอดกาลนาน

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ ของ De Klassieker : ว่าด้วยเรื่อง "คู่กัดตลอดกาล" ลีกดัตช์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook