เกมระดับ 5 ดาว!

เกมระดับ 5 ดาว!

เกมระดับ 5 ดาว!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่ต้องสืบว่านี่คือเกม ระดับ 5 ดาว! ตื่นเต้น, ดุเดือด และ เร้าใจ...ไม่ว่าคุณจะนิยามมันว่าอย่างไรแต่สำหรับบิ๊กแมตช์ “ลอนดอน ดาร์บี้” หนล่าสุดแล้วนี่คือหนึ่งในเกมที่คุ้มค่าแก่การรับชม

ก่อนเกมนัดนี้ สเปอร์ส สร้างสถิติที่ไม่น่าจดจำเมื่อพวกเขาไม่สามารถบุกไปเอาชนะ เชลซี ได้ถึงถิ่นมาเปนเวลากว่า 26 ปีแล้ว ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาสามารถกำราบ “สิงห์บลูส์” คาถิ่นได้ต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 1990

นั่นคือวันที่ใครหลายคนยังไม่เกิด, จอห์น เทอร์รี่ ยังเป็นแค่เด็กโนเนมที่เดินเล่นตามสวนหลังบ้านกระทั่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังไม่ได้มียศ”เซอร์”ประดับบารมีดังเช่นทุกวันนี้

ยิ่งเมื่อบวกกับความพ่ายแพ้ใน ยูฟ่า ชปล. นัดล่าสุดทำให้ยากที่จะเชื่อจริงๆครับว่า

ทีม “ไก่เดือยทอง” ที่กำลังน่วมอย่าง สเปอร์ส จะสามารถ “เอาตัวรอด” กลับมาได้


แต่เพราะฟุตบอลคือโลกที่ยาก “แก่การคาดเดา” เสมอ

ฉับพลันที่เริ่มได้แค่ 11 นาทีแล้วพลพรรค “ไก่กุ๊กๆ” ก็ทำให้ใครหลายคนต้องช็อกหลัง คริสเตียน เอริคเซ่น จัดการเปิดซิงระบบ 3-4-3 ของ คอนเต้ เป็นครั้งแรกด้วยการซัดด้วยซ้ายหนีมือ กูร์กตัวส์ เสียบเสาแรกแบบสุดสวย อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ เชลซี ไม่แพ้ใครมาแล้ว 7 นัด โปรดจงจำไว้อีกว่าใน 7 แมตช์ดังกล่าวทีม “สิงห์ไฮโซ” ยังไม่เคยโดนสอยตาข่ายซักแดงเดียว

ดังนั้นการเจาะตาข่าย เชลซี ของ สเปอร์ส ในครั้งนี้จึงถือเป็นเรื่องที่ “unpredictable” สุดๆ

เกมนี้ถ้าจะให้นิยามความดุดันคงไม่ต่างกับท่วงทำนอง “Heavy Metal” เปรียบดั่งเส้นกราฟที่มีขึ้น และ ลง แต่ตลบอบอวลไปด้วยความระทึกตลอดเวลา หากการเพรสซิ่งของ สเปอร์ส ในครึ่งแรกที่มีต่อ เชลซี ว่าแปลกใจทั้งที่เพิ่งจะใส่เต็มสูบบนเวที ยูฟ่า ชปล. มา ครึ่งหลังก็คงเป็นช่วงเวลาย้ำคืนของ เชลซี และเป็นอีกครั้งที่  อันโตนิโอ คอนเต้ แสดงกึ๋นระดับเทพให้เราได้เห็น

นัดนี้ “สิงห์บลูส์” ไม่ผลีผลามที่จะบุกโต้คืนใส่อาคันตุกะแต่อาศัยการเพรสซิ่งที่ล้นเกินไปของ สเปอร์ส กระทั่งแรงหมดก่อนจะจู่โจมฉับพลันโดยอาศัยช่องโหว่ของเกมรับ “ไก่เดือยทอง” ที่ดันขึ้นสูงแล้วเปิดพื้นที่ล้นเกินไป

อาจมีตะกุกตะกักไม่ไหลลื่นบ้าง ทว่า เชลซี ชุดนี้ก็ยังเป็น เชลซี ทีมเดิมที่เต็มไปด้วยความเขี้ยวโดยเฉพาะคู่กลางระหว่าง มาติช และ ก็องเต้ ซึ่งประสานงานกันได้ราบรื่น เป็น เชลซี ที่แท้จริงกับที่เราไม่เคยได้เห็นเมื่อปีที่แล้วและก็เป็นการกลับมาเกิดใหม่ของ วิคตอร์ โมเซส เจ้าหนุ่มผมเดดล็อกที่ใครจะเชื่อว่าเจ้าตัวจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักสำคัญของ เชลซี ในซักวันด้วยระบบวิงแบ็คทั้งที่ไม่เคยเล่นเลย!

“เราสมควรที่จะได้รับอะไรมากกว่านี้” - ซุ่มเสียงกับ โปเช็ตติโน่ ที่รำพึงรำพันกับผู้สื่อข่าวหลังเกม ทว่าจบเกมนี้เชื่อได้เลยว่า จากฟอร์มการเล่นในนัดล่าสุดเจ้าตัวไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจ

ถึงแม้จะไม่ได้กลับบ้านไปด้วยรอยยิ้ม, ถึงจะเป็นอีกครั้งที่ สเปอร์ส ไม่อาจบุกมาคว่ำ เชลซี ได้เป็นนัดที่ 27 ติดต่อกัน แต่ฟอร์มการเล่นในวันนี้ก็พอทำให้พวกเขาเห็นอนาคตรำไร

เช่นเดียวกับ เชลซี ที่การพ่าย อาร์เซน่อล ยับเยิน 0-3 กลายเป็นจุดพลิกผันของชีวิต นับตั้งแต่นั้นระบบ ‘3-4-3’ อันสุดสะพรึงก็ถือกำเนิดขึ้นในพรีเมียร์ลีก และ ทำให้ “สิงห์บลูส์” โชว์ฟอร์มร้อนแรงชนะ 7 นัดติดพร้อมเสียประตูแค่ลูกเดียว

แล้วใครกันที่จะหยุดเครื่องจักรอันร้อนแรงนี้ได้!?

สัปดาห์หน้า 19.30 น. แมนฯ ซิตี้ จะเป็นผู้ให้ “คำตอบ” เราเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook