ชื่นชมผลงาน "พญาครุฑ" คู่ชิง "ช้างศึก" งานนี้ไม่ง่าย!

ชื่นชมผลงาน "พญาครุฑ" คู่ชิง "ช้างศึก" งานนี้ไม่ง่าย!

ชื่นชมผลงาน "พญาครุฑ" คู่ชิง "ช้างศึก" งานนี้ไม่ง่าย!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรียบร้อยโรงเรียนช้างศึก สำหรับขุนพลนักเตะ “ทีมชาติไทย” ที่สามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในฟุตบอล “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ” หรือฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียนได้ตามคาด หลังจากที่อัด “ทีมชาติเมียร์มา” ทั้งเหย้าทั้งเยือนไปกลับ 6-0 ซึ่งนาทีนี้คอบอลชาวสยามประเทศเชื่อว่าขุนพลช้างศึกยังไงก็ “แชมป์”

หลังจากได้ชมฟุตบอลรายการนี้มาตั้งแต่รอบแรก มิใช้เฉพาะแค่เวลา “ทีมชาติไทย” ลงสนามเพียงอย่างเดียว ต้องยอมรับว่า ระดับของไทยเลยระดับอาเซียนไปแล้ว คือ “ความจริง” เพราะในหลายๆนัดที่เห็นชาติอื่นลงเล่น ยังมีข้อผิดพลาดอยู่เยอะมาก โดยเฉพาะเกมรับที่เสียกันง่ายชนิดที่ว่าคงไม่ได้เห็นความผิดพลาดแบบนี้จากนักเตะช้างศึกแน่

 2

เพราะสิ่งที่ทำให้เราแตกต่างกว่าเพื่อนบ้านในระดับอาเซียนคงเป็นเรื่อง “ความละเอียด” ในการเล่นฟุตบอลที่มีมากกว่า ถ้าจำกันได้ช่วงหลังภายใต้การคุมทีมของ "ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง" เราแทบไม่เสียประตูจากจังหวะง่ายๆหรือมาจากความผิดพลาดกันเองซักเท่าไหร่ นอกจากเวลาเผลอ! เหมือนรอบแรกที่ถูก “อินโดนีเซีย” เปิดบอมบ์เข้ามา 2 ลูก เสีย 2 ลูก

ขณะที่เกมรุกของไทย ไม่ว่าจะเป็น "เจ้ามุ้ย-ธีรศิลป์ แดงดา" หรือ "เจ้าหนุ่ย-ศราวุฒิ มาสุข" ถือว่าครอบเครื่องทั้งสิ้น ในรายของมุ้ยยอมรับว่าตั้งแต่กลับมาจาก “อัลเมเรีย” เก่งขึ้นเยอะ โดยเฉพาะทัศนคติการเล่นฟุตบอลที่อาจจะไม่ยิงถล่มทลาย แต่ทุกจังหวะของเจ้าตัวสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้มากกว่า ทั้งส่งให้เพื่อนในตำแหน่งที่ดีกว่า การที่เล่นแบบไม่โชว์ออฟ หรือหวงบอล

 7

ส่วนเจ้าหนุ่ย ประสบการณ์ส่วนตัวเคยมีโอกาสได้เล่นด้วยครั้งนึง ซึ่งเป็นการมาเตะฟุตซอล เห็นจังหวะการเคลื่อนที่หรือการยิงประตู ถึงแม้จะตัวจะเล่นแบบเอาสนุก ไม่เอาจริง ยัง “เก่งที่สุดในสนาม” เลย ไม่นับ "เจ้าปีโป้-สิโรจน์ ฉัตรทอง" ก่อนหน้านี้ตอนเรียกมาติดทีมครั้งแรก ยังสงสัยเลยว่า ใครวะ! เพราะไม่ใช่กองหน้าระดับลีกสูงสุดของเมืองไทยด้วยซ้ำ ที่ฮากว่านั้นเจ้าตัวไม่เคยเล่นทีมชาติเยาวชนชุดไหนเลยหรือทีมนักเรียนไทยด้วยซ้ำ

แต่พอได้ดูหนุ่มวัย 24 ชาวสุรินทร์เล่น ทำให้เข้าใจถึงเหตุผลของซิโก้ว่า ทำไมถึงเลือกเจ้าปีโป้มาติดทีม เพราะเป็นกองหน้าที่ “แตกต่าง” จากกองหน้าไทยทั่วไป จากจุดเด่นเรื่องความแข็งแกร่งและรูปร่างที่สูงใหญ่ จนนึกถึง “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมาฆะ สมัยยังเป็นนักฟุตบอล เรียกว่าเบียดกับพวกฝรั่งได้สบายๆ อย่างเกมที่เจอกับ “ทีมชาติออสเตรเลีย” ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ก็ลงไปเบียดกับเค้าได้แบบไม่มีปัญหา

 3

มาถึงตอนนี้เรารู้แล้วว่าคู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศคือ "พญาครุฑ" ทีมชาติอินโดนีเซีย ซึ่งสามารถดับซ่า "ขุนพลเหงียน" ทีมชาติเวียดนาม ได้คาถิ่นในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งนักเตะแดนอิเหนาชุดนี้ ส่วนใหญ่เล่นอยู่ในประเทศที่เราไม่คุ้นมาก่อนเพราะเป็นรุ่นใหม่ที่ขึ้นมา แถมยังมีตัวที่เป็นนักฟุตบอลอาชีพอยู่ในเนเธอร์แลนด์อย่าง “สเตฟาโน่ ลิลิปาลี่” กับสโมสรเทลสตาร์

สำหรับแรงจูงใจในการคว้าแชมป์ของอินโดฯเชื่อว่าไม่น้อยกว่าเราแน่ ยิ่งฟุตบอลรายการนี้เป็นทัวร์นาเมนต์แรกในระดับนานาชาติที่ได้เล่นหลังพ้นโทษแบนจากฟีฟ่า ย่อมอยากกู้ชื่อด้วยการเป็น “ที่ 1” แน่นอน และการที่เคยเจอกับ “ทีมชาติไทย” ในรอบแรก และสามารถยิงเราได้ 2 ลูก ส่งผลให้นักเตะอินโดฯไม่กลัวเราอย่างแน่นอน ถึงจะแพ้มาก่อน 2-4 ก็ตาม

 13

กุนซือของเค้าก็คือ “อัลเฟรด รีเดิ้ล” นายใหญ่ชาวออสเตรียที่คุ้นเคยกับฟุตบอลอาเซียนเป็นอย่างดี เพราะผ่านงานคุม “ทีมชาติเวียดนาม” มาหลายสมัย หรือ “ทีมชาติลาว” ซึ่งเจ้าตัวรู้จัก “ฟุตบอลไทย ไม่น้อยเลย

สุดท้ายรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 14 ธันวาคมนี้ที่ต้องไปเยือนอินโดนีเซีย ก่อนจะกลับมาเล่นในบ้านวันที่ 17 ธันวาคมนี้ของขุนพลช้างศึกเชื่อว่า “ไม่ง่าย” อย่างที่คิด เพราะรายการนี้ “อินโดนีเซีย” มาดีจริงๆ มิเช่นนั้นคงไม่ปราบทีมอื่นๆในอาเซียนมาได้หมดหรอกครับ

โดย แบงค์ พิพัช

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ ชื่นชมผลงาน "พญาครุฑ" คู่ชิง "ช้างศึก" งานนี้ไม่ง่าย!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook