เมื่อ "หงส์" ติดโรคฟอร์มตกขั้นรุนแรง...

หมดเวลาเรียบร้อยแล้วสำหรับช่วงฮันนีมูนระหว่าง “เจอร์เก้น คล็อปป์” กับ “ลิเวอร์พูล” เพราะตอนนี้สถานการณ์ของกุนซือหนุ่มใหญ่ชาวเยอรมันกำลังอยู่ในขั้นวิกฤติสุดๆ 5 นัดหลังสุด แพ้ไปถึง 4 นัด แถมยังตกรอบฟุตบอลถ้วย 2 รายการติดคือ “ลีก คัพ” กับ “เอฟเอ คัพ”

แม้ว่าอีก 1 นัดที่ไม่แพ้จะยันเสมอจ่าฝูง “เชลซี” ได้ 1-1 แต่การแพ้คาบ้านต่อ “สวอนซี” 2-3 หรือแพ้ทีมเกรดล่างอย่าง “ฮัลล์ ซิตี้” ในเกมล่าสุด 0-2 เชื่อว่าแฟนบอลก็รับไม่ได้อย่างแน่นอน จากตำแหน่งรองจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกมาตั้งแต่ก่อนปีใหม่ก็ตกลงมาอยู่อันดับ 5 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นอันดับที่ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอล “แชมเปี้ยนส์ ลีก” ในฤดูกาลหน้าอีกด้วย

 

สิ่งที่ทำให้ฟอร์มของทีมออกมาแบบนี้ “เจอร์เก้น คล็อปป์” ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ โดยเฉพาะการที่บรรดาทีมคู่แข่งเริ่มรู้ไส้รู้พุงรู้วิธีรับมือกับปรัชญาฟุตบอล “เกอร์เก้นเพรสซิ่ง” ยิ่งบรรดาทีมเล็กเวลามาเล่นกับนักเตะหงส์แดงก็จะมาเล่นตั้งรับเต็มรูปแบบ เวลาได้บอลก็พยายามให้นักเตะลิเวอร์พูลวิ่งไล่เพื่อให้ “แรงหมด”

แต่ปัญหาของทีมไม่ได้มีแค่นี้ ยังมี “รูรั่ว” ขนาดใหญ่ในเกมรับที่พร้อมจะ “เสียประตู” ได้ตลอดเวลา “โฌแอล มาติป” “รักนาร์ คลาวาน” “โจ โกเมซ” หรือ “ลูคัส เลว่า” ที่คอยสลับสับเปลี่ยนเล่นเซนเตอร์ มีปัญหาที่เรื่อง “ความเร็ว” ซึ่งเวลาเจอกองหน้าคล่อง พวกทักษะดีๆก็เอาไม่อยู่

 

บวกกับ “มิดฟิลด์ตัวรับ” ไม่ว่าจะ “เอมเร่ คาน” กับ “จอร์แดน แฮนเดอร์สัน” ที่สภาพร่างกายแข็งแกร่ง รายหลังยังเปิดบอลแม่นอีก แต่เวลาเจอคู่แข่งที่เล่นเกมเร็วหรือเจอพวกเร็วๆ ก็กลายเป็นเรือเกลือได้ ณ บัดดล

ตอนนี้เหล่าสาวกเดอะ ค็อป บางส่วน เริ่มมีความคิดว่า “คล็อปป์” คือคนที่ใช่จริงๆหรือเปล่า ทั้งๆที่ฤดูกาลนี้ทีมได้เปรียบทีมใหญ่ทีมอื่น ไม่ว่าจะ “เชลซี” “อาร์เซน่อล” หรือ “แมนฯ ซิตี้” ที่ไม่ต้องลงเล่นเกมยุโรปให้เสียเวลา ให้พุ่งความสนใจกับเกมลีกเพียงอย่างเดียว

 

เป้าหมายของทีมในฤดูกาลนี้ ก็ต้องได้ได้อันดับ 4 เป็นอย่างน้อย ถือว่าเป็น “งานยาก” เลยทีเดียว ถ้าของทีมตอนนี้ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย มีปัญหาหลายเรื่อง ไม่นับทีมคู่แข่งที่หวังจะไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก อย่าง “แมนฯ ยูไนเต็ด” ที่ฟอร์มกำลังดีวันดีคืนขึ้นมาไล่จี้เพียงแค่คะแนนเดียวแล้ว

ถ้าเกิดวันนี้ในการเจอกับ “สเปอร์ส” ไม่สามารถเอาชนะขุนพลไก่เดือยทองได้ ก็มีสิทธิ์สูงที่จะหล่นไปอยู่อันดับ 6 เนื่องจากคู่แข่ง “แมนฯ ยูฯ” เจอ “วัตฟอร์ด” ซึ่งไม่ใช่ทีมใหญ่

 

ดังนั้น “เจอร์เก้น คล็อปป์” คงต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อให้ผลงานของทีมกลับมาดีเหมือนช่วงก่อนปีใหม่ เพราะถ้ายังเล่นกันแบบนี้ อย่าว่าแต่ “แชมเปี้ยนส์ ลีก” จะได้ไปเลย บางที “ยูโรป้า ลีก” อาจจะไม่มีสิทธิ์ได้เล่นด้วยซ้ำ

ในขณะเดียวกัน “บอร์ดบริหาร” ของทีมก็มีความเสี่ยงในการเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมตอนนี้ ยิ่งเหลือเกมในลีกอีกเพียง 3 เดือนเท่านั้น

สุดท้ายโรคฟอร์มตกขั้นรุนแรงจะหายไหม วันนี้รอดูคำตอบได้ในเกมการแข่งขันของทีมที่เจอ “สเปอร์ส” ครับ

แบงค์ พิพัช