ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : ถ้วยของ "เกมรับ"

ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : ถ้วยของ "เกมรับ"

ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : ถ้วยของ "เกมรับ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เละเป็นโจ๊กทั้งยานต่างดาว “บาร์เซโลน่า” และขุนพลปืนใหญ่ “อาร์เซน่อล” หลังจากพ่ายแพ้แบบหมดทุกกระบวนท่าในฟุตบอล “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก” เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่าน โดยลูกทีมของ “เอ็นริเก้” ถูกเศรษฐีเมืองน้ำหอม “ปารีส แซงต์ แชร์กแมง” ถล่มแบบกลับบ้านไม่ถูก 0-4 และ ลูกทีมของ “เจ๊เวง” ตายเละคาถ้ำเสือ 1-5

ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆสำหรับทั้งสองทีมในความพ่ายแพ้ที่มากมายแบบนี้ ทั้งๆที่ขุมกำลังตัวผู้เล่นแต่ละคู่ที่เจอกัน ถ้าวัดกันจริงๆ ไม่ต่างกัน รวมทั้ง “ความสามารถเฉพาะตัว” ด้วย แน่นอนเรื่องนี้คงจะโทษใครไปไม่ได้นอกจาก “กุนซือ” หรือ “โค้ช” ที่คุมทีมอยู่ข้างสนามนี้แหละ ที่อย่างน้อยๆก็รับผิดไปเกิน 60-70 เปอร์เซนต์ ที่เหลืออาจจะมองถึงปัจจัยอื่นอย่าง “ความฟิตของนักเตะ” “ความมั่นใจ” และ อื่นๆ

 470558378.jpg

เริ่มจากคู่วันอังคารก่อน “บาร์เซโลน่า” ของ “หลุยส์ เอ็นริเก้” ที่ปีหน้าเชื่อว่าไม่ได้อยู่ทำทีมต่อแน่นอน ก่อนลงสนามยังดูเป็นต่อ “ปารีส” นิดๆ ในยุคที่เจ้าบ้านไม่มี “ซลาตัน อิบราฮิโมวิช” แต่ต้องอย่าลืมว่ากุนซือของเจ้าถิ่นคือ “อูไน เอเมรี่” ซึ่งเป็นคนสเปน (จริงๆคือ “ชาวบาร์ก” นี้แหละ) ที่รู้ตับ รู้ไต รู้ไส้ รู้พุง ยานต่างดาวเป็นอย่างดี แถมเจ้าตัวเป็นกุนซือที่ทำการบ้านเกี่ยวกับฟุตบอลเยอะมาก เพื่อนที่นี้เล่าให้ฟัง

“เอเมรี่” ใช้เกม “เพรสซิ่ง” บีบกดดันไม่ให้นักเตะบาร์ซ่าเล่น ยิ่งเวลาผ่านครึ่งสนามเข้าใกล้เขตประตูในแดนของปารีส แทบจะถูกรุมกินโต๊ะมากเท่านั้น แก็งค์ MSN “เมสซี่” “เนย์มาร์” และ “ซัวเรซ” ไม่มีโอกาสที่จะได้ประสานงานกันเลยเพราะถูกปิดหมด อาจจะมี “เนย์มาร์” ที่ได้ขยับบ้าง แต่ต้องอย่าลืมว่าฟุตบอลต้องเล่นเป็นทีมจึงมีสภาพอย่างที่เห็น

 635371126.jpg

อีกจุดนึงที่ขอตั้งข้อสังเกตไว้จากการไปดู “บาร์ซ่า” มาแล้วหลายนัดในฤดูกาลนี้ รวมทั้งถึงขอบสนาม “คัมป์ นู” คือเรื่อง “ความฟิต ความสด” นักเตะบาร์ซ่าในฤดูกาลนี้ “ไม่ดีเลย” ไม่ต้องเทียบกับ “ปารีส” ลองไปดูหลายๆนัดย้อนหลังในลา ลีกา อาจจะชนะคู่แข่งทีมเล็กมาได้ แต่ก็มาจากความสามารถเฉพาะตัวที่เหนือกว่า

ไม่นับเกมรับของ “บาร์ซ่า” ที่ยุคของ “เอ็นริเก้” ขึ้นชื่อลือชาอยู่แล้วว่า “รั่ว” กระประสานงานกันระหว่างมิดฟิลด์กับแผงกองหลังในการเล่นเกมรับเหมือนเพิ่งเล่นบอลด้วยกันไม่นาน และยังมีเรื่องของ “ความเชื่องช้า” อีก ทำให้เวลาเจอพวกแนวรุกของ “ปารีส” ที่ “เอเมรี่” ส่งพวกตัวเร็วๆคล่องๆลงมาอย่าง “ดิ มาเรีย” (ยิง 2 ลูกฉลองวันเกิด) “ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์” (ยิง 1 ลูก) หรือ “ลูคัส มูร่า” ในครึ่งหลัง ก็จบศพไม่สวยแบบนี้แหละ

 635623652.jpg

มากันที่ “อัลลิอันซ์ อารีน่า” ขุนพลปืนใหญ่ในยุคของ “อาร์แซน เวงเกอร์” ที่เรารู้จักเป็นแบบไหน ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง เล่นฟุตบอลหน้าเดียว ซึ่งอาจจะตบเด็กสบายในการเจอทีมเล็ก แต่นี่คือเสือใต้ “บาเยิร์น มิวนิค” ที่มี “คาร์โล อันเชล็อตติ” เป็นโค้ช ซึ่งขึ้นชื่อลือชาเรื่องแท็กติค ความเหนียวตามสไตล์โค้ชอิตาลี ภาพรวมของเกมคือ “อาร์เซน่อล” เกมรับรั่ว!!!

โดยเฉพาะยิ่งเสีย “โลร็องต์ กอสเซียลนี่” ช่วงต้นครึ่งหลังจากอาการบาดเจ็บ คือสาเหตุถูกยิง 3 ลูกภายใน 10 นาที เพราะเป็นเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด “กาเบรียล เปาลิสต้า” ที่ลงมาแทนยังประสานงานกับแนวรับคนอื่นไม่ลงตัว ด้วยเหตุผลที่ว่า “พึ่งลงมา” ทั้งตัวเองและเพื่อนยังงงๆจังหวะกันอยู่ พอมาเจอแนวรุกเขี้ยวๆอย่างพี่เสือไม่ว่า “เลวานดอฟสกี้” “ร็อบเบน”  “ติอาโก้ อัลคันทาร่า” ก็เลยตายสนิทแบบนี้

 635516334.jpg

นี่คือเหตุการณ์ที่มีแนวโน้มจะทำให้ทีมตกรอบฟุตบอลรายการนี้อีกครั้ง เป็นสมัยที่เท่าไหร่จำไม่ได้แล้ว 555 “สูงมาก” เพราะเกมรับไปพลาดเสียสมาธิในช่วง 10 นาทีที่เปลี่ยนตัว แต่จริงๆถ้าดูตลอดทั้งเกมแนวรับของทีมก็เปิดช่องให้นักเตะพี่เสือมีโอกาสตลอด อย่างลูกแรกเปิดพื้นที่ให้ร็อบเบนยิงใส่หน้ากรอบเขตโทษ หรือลูกสุดท้ายที่ “คาลั่ม แชมเบอร์ส” ไปเล่นหน้ากรอบเขตโทษตัวเองจนเสียบอลไปสู่การเสียประตู

ท้ายที่สุด ฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบนี้ (16 ทีมสุดท้าย) อาจจะมีอีกนัดให้แก้ไข ซึ่งโอกาสเข้ารอบของ “บาร์ซ่า” กับ “อาร์เซน่อล” ยังมีในทางทฤษฎี แต่สารภาพว่าคิดไม่ออกเลยว่าทั้งสองทีมจะใช้อีก 90 นาทีที่เหลือเพื่อเข้ารอบยังไง

เพราะ “เกมรับ” ตัวเองยังไม่ดีแล้วต้องเจอคู่แข่งที่เกมรับเหนียวๆอีกครับ

แบงค์ พิพัช

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook