Inside Ligue 1 : "5 แข้งเทวดาตกสวรรค์"

วัฏจักรของเกมลูกหนังสมัยใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างมักเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเสมอ อาชีพนักฟุตบอลที่เป็นแกนกลางที่คอยขับเคลื่อนวงการนี้ก็ไม่ต่างกัน

วันนี้พรุ่งนี้สถานะอาจไม่เหมือนเดิมจนอดที่จะหวั่นวิตกไม่ได้ เพราะมีตัวแปรมากมายที่จะแวะเวียนเข้ามาตลอดช่วงเส้นทางการค้าแข้ง ไม่ต่างอะไรกับผู้เล่นทั้ง 5 คนนี้ ที่ร่วงหล่นลงจากฟ้าอย่างไม่คาดคิด ทั้งที่ก่อนนี้สถาปนาตัวเป็นฮีโร่ของผู้คนมากมาย

อัลฟงส์ อาเรโอล่า
ตำแหน่ง : ผู้รักษาประตู
สังกัด : เปแอสเช

อาเรโอล่า คือผู้รักษาประตูดาวรุ่งที่ได้รับการคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งทีมชาติฝรั่งเศสในอนาคต แต่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สโมสรที่เขาเฝ้าฝึกปรือฝีเท้ามาตั้งแต่ปี 2006 ดูเป็นเรื่องยากที่จะได้รับโอกาส

นั่นทำให้ตลอดช่วงที่ผ่านมา อาเรโอล่า จึงทำได้แค่เก็บข้าวของไปเล่นแบบยืมตัวกับ ล็องส์, บาสเตีย และ บีญาร์เรอัล ซึ่งที่ลา ลีกา สเปน นี่เอง ที่ทำให้เขารู้จัก อูไน เอเมรี่ ชายที่ก้าวมาเป็นเจ้านายของเขาที่เปแอสเชในปัจจุบัน

จากการที่เคยเห็นฝีไม้ลายมือกันมาก่อน เอเมรี่ ไม่รอช้าที่จะดัน อาเรโอล่า ขึ้นมาเป็นมือหนึ่งของเปแอสเช ในฤดูกาลนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างของดาวเตะวัย 23 ปี จึงเปรียบเสมือนโรยไปด้วยกุหลาบ

กระทั่งเจ้าตัวฟอร์มหลุด ก่อนโดน เควิน ทรัปป์ ยึดตำแหน่งกลับคืน และคงยากที่จะแย่งกลับมาในเร็ววัน เมื่อนายทวารชาวเยอรมันรักษามาตรฐานของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม

เจา มูตินโญ่
ตำแหน่ง : มิดฟิลด์ตัวกลาง
สังกัด : โมนาโก

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ 2013 มูตินโญ่ สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก เมื่อปฏิเสธยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป เพื่อย้ายไปค้าแข้งกับ อาแอส โมนาโก ด้วยสนนราคา 25 ล้านยูโร ก่อนสวมบทหนึ่งในคีย์แมนหลักที่ปลุกยักษ์หลับทีมนี้ตื่นจากการจำศีล

อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บออดๆแอดๆ เมื่อซีซั่นก่อน ทำให้ดาวเตะวัย 30 กะรัต ลงสนามในลีกไปแค่ 26 นัด ร้อนถึง เลโอนาร์โด จาร์ดิม ผู้เป็นกุนซือ ต้องขยับเอาแบ็กขวาอย่าง ฟาบินโญ่ หุบเข้ามาสวมบทมิดฟิลด์จำเป็นหลายต่อหลายครั้ง

สุดท้ายความซวยก็มาเยือน มูตินโญ่ เมื่อ ฟาบินโญ่ พัฒนาฝึเท้าจนกลายเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่เนื้อหอมที่สุดในเวลานี้ อีกทั้งยังจับคู่ประสานงานในแดนกลางกับ ตีมูเอ้ บากาโยโก้ ได้อย่างลงล็อก ทำเอาแข้งโปรตุกีสได้แต่นั่งรอโอกาสบนม้านั่งสำรอง

นิโกล่าส์ เอ็นกูลู
ตำแหน่ง : เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
สังกัด : ลียง

หลังพัฒนาฝีเท้าอย่างต่อเนื่องกับ โอลิมปิก มาร์กเซย ช่วงระหว่างปี 2011-16 เอ็นกูลู สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในปราการหลังที่ดีที่สุดในยุโรป จนได้รับความสนใจมากมายจากบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ ไล่ตั้งแต่ ลิเวอร์พูล, ยูเวนตุส, ลาซิโอ, ชาลเก้ 04 รวมถึง มาลาก้า

อย่างไรก็ตาม ดาวเตะวัย 26 ปี ตัดสินใจอยู่ค้าแข้งในฝรั่งเศสต่อไป แต่เป็นสโมสรที่มั่นคงกว่าอย่าง โอลิมปิก ลียง หวังการันตีโอกาสลงสนามโดยไม่ทำให้พัฒนาการหยุดชะงัก เช่นเดียวกับ “โอแอล” ที่คาดหวังว่านี่จะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในแนวรับ

ทว่าท้ายที่สุดฟอร์มการเล่นของ เอ็นกูลู กลับไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่หวัง ก่อนจะเสียตำแหน่งตัวจริงหลังผ่านพ้นไปแค่ 7 เกม ปัจจุบันหลุดไปเป็นตัวเลือกลำดับ 4 ของ บรูโน่ เชเนซีโอ ต่อจาก มาปู ย็องก้า-เอ็มบีว่า, เอมานูเอล มัมมาน่า และ มูซตาร์ ดียากาบี้ อนาคตที่เหลือคงรอเวลาย้ายทีมเท่านั้น

ฟาเบียง เลอมวญ
ตำแหน่ง : มิดฟิลด์ตัวรับ
สังกัด : แซงต์-เอเตียน

บางครั้งความภักดีก็ไม่มีราคาค่างวดมากมายเท่าไรนัก กรณีของ เลอมวญ ถือเป็นหนึ่งในเคสที่บ่งบอกเรื่องราวทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ว่า ณ เวลานี้ วงการฟุตบอลกำลังมีสิ่งเร้าที่เรียกว่า “เงิน” และ “ความสำเร็จ” เข้ามาคอยขับเคลื่อน

หลังตัดสินใจย้ายจาก แรนส์ มาร่วมทัพ แซงต์-เอเตียน ช่วงซัมเมอร์ 2011 เลอมวญ ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จนกลายเป็นคีย์แมนหลักในแผนการทำทีมของ คริสตอฟ กัลตีเยร์ เรื่อยมาจนถึงซีซั่นก่อน

กระทั่งซีซั่นนี้ ไม่มีใครทราบว่าอะไรดลใจให้ กัลตีเยร์ จัดการเสริมทัพในแดนกลางครั้งใหญ่ เมื่อกว้านซื้อ ไบรอัน ดาโบ, อองรี แซเว่ต์ และ ฌอร์ด็อง เวอเรตูต์ เข้าสู่ทีม พร้อมถีบหัวส่ง เลอมวญ ไปนั่งสำรอง เพิ่งได้รับโอกาสออกสตาร์ตให้ทีมแค่ 5 นัดเท่านั้น

โรแม็ง อามาลฟีตาโน่
ตำแหน่ง : เพลย์เมคเกอร์
สังกัด : ดิฌง

ตลอดอาชีพการค้าแข้งของ อามาลฟีตาโน่ อาจไม่มีอะไรน่าจดจำมากนัก ความล้มเหลวกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ทำให้เขาจำเป็นต้องกระเสือกกระสนกลับมายังฝรั่งเศสอีกครั้ง เพื่อลงไปเริ่มต้นใหม่กับ ดิฌง ในลีก เดอซ์

ซึ่งที่สต๊าด กาสตง เชราร์ นี่เอง ที่ทำให้ อามาลฟีตาโน่ ได้กลับมาเล่นฟุตบอลอย่างมีความสุขอีกครั้ง ก่อนจะยิง 3 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ ช่วย ดิฌง คว้าอันดับ 2 ซีซั่นก่อน เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีก เอิง ได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนฮีโร่ของบรรดาสาวก “เดอะ มัสตาร์ดส์” จะโดนลืมเลือนอย่างง่ายดาย เมื่อ อามาลฟีตาโน่ โดนดร็อปเป็นตัวสำรองหลังผ่านพ้นไปไม่กี่เกม และเพิ่งกลับมาอยู่ในทีมของ โอลิวิเยร์ ดาโญญิโอ ไม่กี่สัปดาห์นี่เอง