ไบรท์เนอร์ : ‘แชมป์โลกคือความภาคภูมิใจสูงสุด’

ไบรท์เนอร์ : ‘แชมป์โลกคือความภาคภูมิใจสูงสุด’

ไบรท์เนอร์ : ‘แชมป์โลกคือความภาคภูมิใจสูงสุด’
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไบรท์เนอร์ยังคงแข็งแรงและเตะปี๊บดังไม่ต่ำกว่าวันละ 3 ใบในเวลานี้ที่มีอายุ 60 ปี
   
Happy 60th Birthday!!
   
มีความสุขมาก ๆ กับวันแซยิดครบ 60 ปี...พอล ไบรท์เนอร์ จนถึงตอนนี้อดีตจอมลุยสุดห้าวของบาเยิร์น มิวนิค และทีมชาติเยอรมันก็ยังมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงอยู่ดูความสวยงามบนโลกใบนี้ได้อีกนานแสนนาน
   
ไบรท์เนอร์เกิดวันที่ 5 กันยายน 1951 ที่โคลแบร์มอร์จนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีความทรงจำดี  ๆ กับบาเยิร์นกับการคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 5 สมัยในปี 1972, 1973, 1974, 1980 และ 1981
   
เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่แข็งแกร่ง และดีที่สุดของ เยอรมันตะวันตก ในช่วงปี 1970 - 1980 เขาคือ พอล ไบรท์เนอร์ นักเตะซึ่งผู้คนจะต้องจดจำเขาได้ เพราะคือนักเตะที่มาพร้อมกับทรงผมแอฟโฟร่ และการเล่นบอลที่ไม่เคยกลัวใครที่ไหน และที่สำคัญเขาคือผู้ยิงประตูสุดท้าย ในศึกฟุตบอลโลก 1974 ก่อนที่จะเล่นอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 1983 ก็ได้เวลาแขวนสตั๊ดยุติบทบาทตัวเองในการเป็นนักเตะอาชีพ
   
นอกจากแชมป์บุนเดสลีกาที่สุดยอดเยี่ยมแล้ว ไบรท์เนอร์ยังเคยเป็นทั้งแชมป์โลกและแชมป์ยุโรปมาแล้ว เรียกว่าเป็นนักเตะที่กวาดเกียรติยศมาอย่างมากมายนับไม่ถ้วนในยุคทศวรรษที่ 70 ต่อ 80 ที่ในวันนี้การฉลองวันเกิดของไบรท์เนอร์เป็นไปอย่างเรียบง่าย
   
ว่าแล้ว...ผู้สื่อข่าวเว็บไซต์ทางการของบุนเดสลีกาก็เลยเชิญพอล ไบรท์เนอร์มานั่งพูดคุยกันกับหลายต่อหลายเรื่องที่น่าสนใจทั้งในเรื่องครอบครัว,ฟุตบอล รวมถึงพระสันตะปาปา เบเนดิคท์ที่ 16
   
** คุณไบรท์เนอร์,แฮปปี้เบิร์ธเดย์วันเกิดครบรอบ 60 ปี ช่วยย้อนความทรงจำเก่าๆ สมัยเป็นนักเตะอาชีพกับบาเยิร์นซักหน่อยได้มั้ย?
   
ไบรท์เนอร์: ผมบอกตามตรงว่าผมเป็นแฟนของพวกเขาตลอดกาลอยู่แล้ว การเป็นแฟนบาเยิร์นเริ่มจากคุณพ่อของผมขับรถพาผมไปชมเกมที่กรุนวัลด์ สตาดิโอน ที่จริงๆ วันนั้นอากาศแย่มากมีทั้งพายุ,ฝน และมีแดดออกอีกต่างหาก

แต่มันก็เป็นช่วงเวลากว่า 2 ชั่วโมงในสนามที่มีความสุขทั้งตอนเข้าชมและออกจากสนาม ก่อนที่ในวันหนึ่งผมจะได้รู้จักกับโรเบิร์ต ชวาน ผู้อำนวยการกีฬาในตอนนั้นพาผมไปแนะนำกับอูโด ลัทเท็ค ที่เป็นกุนซือคนใหม่ของทีมในตอนนั้น ที่เขาบอกกับผมว่าผมเห็นแววของคุณว่าจะก้าวขึ้นไปติดทีมชาติเยอรมันได้อย่างไม่ยากลำบากอย่างแน่นอน

ผมก็เริ่มจากการลงเล่นให้กับทีมเยาวชนก่อนจะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ผมยังจำได้เลยว่าตอนนั้นผมได้เงินค่าเหนื่อยจากสัญญาประมาณ 800 ด๊อยทช์มาร์กต่อเดือน
   
** คุณน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของ "ฟูลแบ็กสมัยใหม่" ในตอนนั้นในช่วงทศวรรษที่ 70 ที่วิ่งขึ้นวิ่งลงทั้งสนามแบบไม่มีหมด?
   
ไบรท์เนอร์:ผมยังจำได้อยู่เลย ผมได้รับหน้าที่นี้อย่างเต็มที่ในเดือนกุมภาพันธ์ 1971 ที่ฮันโนเวอร์ ผมได้รับโทรศัพท์จากสโมสรว่าต้องการผมลงเล่นในเกมชุดใหญ่ เช้าวันต่อมา ลัทเท็คถามผมว่าหากว่าผมจะให้คุณเล่นในตำแหน่งในแผงหลัง คุณพอจะทำได้ดีหรือไม่? ผมตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า "ได้เลย" จากนั้นจนถึงเวลาประมาณ 15.30 น. แต่การลงเล่นในตำแหน่งกองหลังของผมเหมือนฝันร้าย
   
** อะไรหรือ เกิดอะไรขึ้น?

   
ไบรท์เนอร์: ฝั่งตรงข้ามทำเกมได้โยนจากทางฝั่งขวาเข้ามาหน้าประตู รูดี้ นาฟซีเกอร์ ตัวทีมชาติเยอรมันในตอนนั้นจัดการกระแทกผมร่วงเข้าไปพังประตูได้อย่างสบาย ๆ ดูเหมือนว่าผมเริ่มต้นได้ไม่ดีเลย แต่จากนั้นผมก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ผมพยายามมองคนที่เก่งกว่าและผมก็ชอบแนวทางการเล่นของจิอันซินโต้ ฟาคเช็ตติ แบ็กซ้ายของอินเตอร์ มิลาน ที่เป็นต้นแบบของผมในตอนนั้น ต่อจากนั้นลัทเท็คก็ยังให้ผมลงเล่นอย่างสม่ำเสมอจนมั่นคงในที่สุด
   
** นักเตะอาชีพในตอนนั้นเป็นอย่างไร ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษบ้าง?
   
ไบรท์เนอร์: ผมฟิตตัวเองอย่างสม่ำเสมอที่นอกเหนือจากการซ้อมธรรมดาก็คือผมเข้าฟิตเนสเป็นพิเศษในทุกๆ วัน เริ่มตั้งแต่ตอนอายุ 12 ปีเลยทีเดียว ผมฝึกพิเศษอีกหลายอย่างในวันว่างทั้งการสปรินต์,กำลังขาในการยิงประตูและเทคนิคการเข้าทำต่าง ๆ ผมได้รับกำลังใจเป็นอย่างดีจากผู้คนรอบข้าง ครอบครัวและคุณพ่อของผม ที่ช่วงชีวิตที่สุดยอดที่สุดสำหรับผมที่ไม่มีวันลืมเลือนเลยก็คือการคว้าแชมป์โลกในปี 1974 ร่วมกับทีมชาติเยอรมัน นี่คือสิ่งที่เป็นคุณค่ามากที่สุดในชีวิตการเล่นฟุตบอลของผมเลยทีเดียว
   
** ร่างกายของคุณก็ยังยอดเยี่ยมเสมอเหมือนที่คุณใช้เวลากว่า 70 นาทีในการเล่นกับทีมรวมดาราบาเยิร์นลงเตะแมตช์การกุศลกับออลสตาร์เรอัล มาดริด?
   
ไบรท์เนอร์: ผมอยากจะบอกว่าผมสามารถเล่นได้ 90 นาทีเต็มแบบไม่มีปัญหา
   
** ดูเหมือนว่าคุณก็ยังใกล้ชิดกับสโมสรบาเยิร์นอยู่ตลอดเวลาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา?
   
ไบรท์เนอร์: ตลอด 5 ปีหลังที่ผ่านมาผมคือที่ปรึกษาของบอร์ดบริหารและเป็นหัวหน้าแมวมองของบาเยิร์น ที่ผมชอบงานด้านนี้ได้ไปดูเกมลูกหนังมากมายที่อยากจะไปดูเพื่อสืบหานักเตะฝีเท้าดีๆ เข้าสู่บาเยิร์นและได้ทำความรู้จักกับสโมสรต่างๆ ทั่วโลก จะบอกว่าผมเป็นทูตของบาเยิร์นก็ได้ และบาเยิร์นก็เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ผมแทบไม่ต้องแนะนำอะไร
   
** สุดท้ายแล้วคุณชอบอะไรมากที่สุดเพราะเป็นมาหมดแล้วทั้งนักฟุตบอล,โค้ช,คอลัมนิสต์,ผู้เชี่ยวชาญเกมลูกหนัง,คอมเมนเตเตอร์ เมื่อไปเช็กอินที่โรงแรมซักที่คุณจะเขียนบอกว่าคุณมีอาชีพอะไรดี?

   
ไบรท์เนอร์: ผมเขียนว่าผมเป็น "นักธุรกิจ" ที่ไม่มีใครว่าอะไรหรอกกับสิ่งที่ผมทำก็เหมือนธุรกิจอย่างหนึ่ง ที่ผมก็ชอบทำอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้ไม่เบื่อหรือซ้ำซากจำเจ
   
** ดูเหมือนว่าคุณมีความสุขกับการได้เฝ้าพระสันตะปาปาอย่างสม่ำเสมอ?
   
ไบรท์เนอร์: เพราะท่านคือคุณตาของผมที่สืบทอดตั้งแต่รุ่นแม่ของผม  ที่ผมมีพระเจ้าอยู่ในใจของผมมาตลอดในช่วงชีวิตของผม
   
** แสดงว่าอาจจะต้องไปเข้าเฝ้าพระองค์ท่านที่โรม?
   
ไบรท์เนอร์: ผมอาจจะไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้ แต่ผมก็ไปโบสถ์อย่างสม่ำเสมอ เพราะผมเป็นคริสเตียนอยู่แล้ว และทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ จนอายุเกิน 18 ปีที่อาจจะห่างหายออกมาบ้าง แต่ผมก็นับถือพระผู้เป็นเจ้าอยู่เสมอ
   
มีความสุขมาก ๆ อีกครั้ง...พอล ไบรท์เนอร์

เรื่องโดย"มิสเตอร์พอล"

ขอบคุณเนื้อหาจากคอลัมน์"Bundes VIP" นสพ.กีฬาฮอตสกอร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook