มองเขา มองเรา

มองเขา มองเรา

มองเขา มองเรา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กระแสบอลไทยกำลังเบ่งบาน หลังมีอัศวินผมทอง “วินฟรีด เชเฟอร์” เข้ามาจุดประกายความฝันให้แฟนลูกหนังชาวไทยได้ชื่นชมและชื่นมื่นกับผลงานของทีมชาติ

โดยเฉพาะ “ศรัทธา” ที่กลับคืนมา

แม้จะเพิ่งเริ่มต้น แต่จากการที่ ทีมชาติไทย ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดในช่วง 3-4 ปีหลัง นั่นเพียงพอที่จะทำให้ผลงานอันสวยหรูดูไม่เบื่อเหนือ โอมาน และบุกไปต่อกรกับทีมมีระดับอย่าง ออสเตรเลีย ได้สูสี สามารถลบเลือนความผิดหวังที่ผ่านมา โดยไม่สนใจว่าเส้นทางจะอยู่อีกไกลแค่ไหน

หรือพูดง่ายๆ ตอนนี้ฝันของแฟนบอลชาวไทยเตลิดไปไกลแล้ว

ทว่าเมื่อหันกลับมามองผลงานของสโมสรในบ้านเราเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านย่านเอเชีย คงต้องยอมรับว่า เรายังเป็นรองอยู่เยอะทีเดียว

ชลบุรี เอฟซี และ เมืองทอง ยูไนเต็ด คือ 2 สโมสรที่แฟนบอลบ้านเราต่างซูฮกและยกนิ้วให้ แต่เมื่อต้องออกไปทำศึกนอกบ้านต่างเมือง จะเห็นได้ชัดว่าเรายังต้องเรียนรู้และแก้ไขอีกมาก

โดยเฉพาะการดื้อดึงแหกกฎนักเตะต่างชาติของ เอเอฟซี ที่ยึดระบบ 5 ลง 3+1 คือนักเตะต่างชาติลงเล่นได้ 3 คน และอีก 1 คือนักเตะเอเชีย มาใช้ 7 ลง 5 โดยอ้างเหตุผลว่านักเตะต่างชาติจะเข้ามาช่วยพัฒนาบอลไทย ให้นักเตะไทยดิ้นรนต่อสู้ในการแย่งตำแหน่ง

แต่จริงๆ แล้ว ว่ากันว่ากฎนี้เอื้อให้กับ สโมสรเงินถุงเงินถัง ที่มีกำลังทุนมหาศาลในการซื้อนักเตะต่างชาติเข้าเสริมทัพ และทำให้เป็นการผูกขาดแชมป์ของทีมไม่กี่ทีม

ขณะเดียวกัน ก็เป็นการปิดกั้นโอกาสของนักเตะเยาวชนไทยที่แทบไม่มีโอกาสได้ลงสนามแสดงผลงาน

ด้วยเหตุนี้ เวลาจะส่งแข่งระดับเยาวชนที จึงต้องควานหานักเตะกันที

จากคำนิยาม “ลีกแข็งแกร่ง ทีมชาติจะแข็งแกร่งตาม” ของสมาคมลูกหนังไทยยุคนี้ ดูเหมือนจะผิดรูปผิดร่างและผิดแบบมาตั้งแต่ต้นแล้ว

ซึ่งผลงานในระดับสโมสรเอเชีย น่าจะสะท้อนอะไรหลายๆ อย่างต่อทีมชาติด้วย

เรื่องโดย "มร.เอ็ม 79"

ขอบคุณคอลัมน์จัดหนัก นสพ.กีฬาฮอตสกอร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook