10 สุดยอด "จูดาส" ของโลกลูกหนัง (จบ)

10 สุดยอด "จูดาส" ของโลกลูกหนัง (จบ)

10 สุดยอด "จูดาส" ของโลกลูกหนัง (จบ)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“จูดาส” เป็นคำที่นิยมใช้กันมากในหมู่แฟนบอล เพื่อเรียกนักฟุตบอลในทีมที่ตัวเองชื่นชอบ แต่กลับย้ายไปอยู่ทีมคู่ปรับไม่เผาผี มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ว่าเป็น “คนทรยศ” นั่นเอง

ในโลกลูกหนังนั้น มีความเป็นปริปักษ์ที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคนกล้าหาญชาญชัย แหวกม่านประเพณี ย้ายซบทีมคู่อริ แบบไม่เกรงใจใครหน้าไหนทั้งนั้น

ทำเอาต้นสังกัดเก่า และแฟนบอลเหล่านั้นได้ปวดใจอยู่บ่อยๆ บ้างก็ได้ดี บ้างก็ล้มเหลว และนี่คือ 10 อันดับนักเตะชื่อดัง ที่ถูกตราหน้าว่า “คนทรยศ” ไปติดตามกันได้เลย...ตอน 1

nickckck
อันดับ 5 นิค บาร์มบี้
เอฟเวอร์ตัน ไป ลิเวอร์พูล, ปี 2000
จริงอยู่ว่า เอฟเวอร์ตัน กับ ลิเวอร์พูล เป็นเพื่อนบ้านที่ดีกันมานาน แต่การเปลี่ยนสีของบาร์มบี้ ทำให้เขาถูกเรียกว่า “จูดาส” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้วยความที่สัญญาเหลืออีกเพียงปีเดียว แถมเจ้าตัวแสดงเจตนารมณ์อยากย้ายทีม ทำให้ วอลเตอร์ สมิธ กุนซือเอฟเวอร์ตันในขณะนั้น ต้องจับขึ้นบัญชีขายแทบจะทันทีที่ถูกร้องขอ
ที่สุดแล้ว ในปี 2000 เขาก็ได้ย้ายไปแอนฟิลด์สมใจ ด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์ และเป็นหนึ่งในนักเตะชุด 3 แชมป์บอลถ้วยในปี 2001 นับเป็นแข้งท็อฟฟี่คนแรกในรอบ 41 ปี ที่ย้ายไปอีกฟากของสแตนลี่ย์ พาร์ค

solalalalalz
อันดับ 4 โซล แคมป์เบลล์
สเปอร์ส ไป อาร์เซนอล, ปี 2001
จากการที่เป็นทั้งลูกหม้อและกัปตันทีมของ "ไก่เดือยทอง" แต่กลับย้ายไปเล่นให้ทีมคู่ปรับร่วมลอนดอนเหนือ ชนิดที่ต้นสังกัดเก่าไม่ได้เงินกลับมาเลย
อดีตเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติอังกฤษรายนี้ กลายเป็นตำนานในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน หลังจากลงเล่นไปกว่า 250 นัดตลอดระยะเวลา 9 ปี จนกระทั่งแปลงร่างมาเป็น “จูดาส” เมื่อย้ายไปอยู่กับอริตลอดกาลอย่างอาร์เซนอล
ทั้งๆ ที่ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส ถึงขนาดยอมทุบโครงสร้างเงินเดือนเพื่อรั้งให้กัปตันทีมของพวกเขาอยู่ต่อไป แถมเจ้าตัวเอง ก็ออกมาเผยต่อสาธารณชนเองด้วยว่าจะอยู่ช่วยทีมต่อ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะทรยศตัวเอง ซะอย่างนั้น

owensnsnz
อันดับ 3 ไมเคิล โอเว่น
นิวคาสเซิล ไป แมนฯ ยูไนเต็ด, ปี 2009
โอเว่น เป็นเด็กปั้นแท้ๆ ของ “หงส์แดง” แต่การย้ายไปทีมคู่อริตลอดชาติอย่าง “ปิศาจแดง” แม้จะไม่ได้ย้ายแบบโดยตรง ก็ทำเอาเด็กหงส์เคืองสุดๆ
“เบบี้โกล” ย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์ในช่วงซัมเมอร์ปี 2004 จากนั้นแวะพักที่เรอัล มาดริด กับนิวคาสเซิล ก่อนหมดสัญญา และย้ายไปค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบฟรีๆ ในปี 2009
ถึงแม้ว่าโอเว่นจะพา ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีก คัพ ในปี 2010 และแชมป์ลีกสูงสุด สมัยที่ 19 ในปีต่อมา แต่ “เรด อาร์มี่” ก็ไม่กล้าพูดได้เต็มปากว่าเป็นตำนานของทีม ส่วน “เดอะ ค็อป” นั้น ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกัน

cantotototo
อันดับ 2 เอริก คันโตน่า
ลีดส์ ยูไนเต็ด ไป แมนฯ ยูไนเต็ด, ปี 1992
คันโตน่า ย้ายจากลีดส์ ไป แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 1992 ด้วยค่าตัว 1.2 ล้านปอนด์ แน่นอนว่า มันทำให้สาวก “ยูงทอง” เจ็บกระดองใจมาจนถึงทุกวันนี้
และการมาของคันโตน่านี่เอง ที่เป็นกุญแจสำคัญ ในการพาแมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษหนแรกในรอบ 26 ปี จนกระทั่งแขวนสตั๊ดแบบช็อกวงการในปี 1997 พร้อมกับแชมป์เมเจอร์ 6 ใบกับ “ปิศาจแดง”
แต่ในปัจจุบันนี้ ลีดส์ ยูไนเต็ด กำลังมีลุ้นเลื่อนชั้นกลับคืนสู่ลีกสูงสุด ครั้งแรกในรอบ 13 ปี และถ้าหากว่าทีม “ยูงทอง” ทำสำเร็จละก็ “สงครามดอกกุหลาบ” จะถือเป็นไฮไลท์ของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้า อย่างแน่นอน

fififififiakoko
อันดับ 1 หลุยส์ ฟิโก้
บาร์เซโลน่า ไป เรอัล มาดริด, ปี 2000
ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า สองสโมสรนี้มีความบาดหมางกันมากกว่าแค่เรื่องฟุตบอลธรรมดา แต่ก็ยังกล้าๆ แหกธรรมเนียม จนเป็นที่มาของหัวหมูอันลือลั่น
ก่อนหน้านั้น เจ้าตัวยังสวมเสื้อบาร์ซ่า พร้อมกับปฏิเสธทุกข่าวลือเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองอยู่เลย แต่อีกไม่กี่วันต่อมา เขาย้ายไปสวมชุดสีขาวแห่งมาดริด แบบช็อกวงการ ด้วยค่าตัว 37 ล้านปอนด์
5 ปีของฟิโก้ในถิ่นคัมป์ นู กลายเป็นอดีตที่สาวก “อาซูลกราน่า” ไม่ขอจดจำ และถ้ามีใครสักคนไปถามเขาว่า ทุกวันนี้ กล้าไปเหยียบเมืองบาร์เซโลน่าหรือไม่ คำตอบที่ออกมา ก็คงจะคาดเดาได้ไม่ยาก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook