หนึ่งเดียวแห่งแมนเชสเตอร์

หนึ่งเดียวแห่งแมนเชสเตอร์

หนึ่งเดียวแห่งแมนเชสเตอร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งวงการฟุตบอลอังกฤษรายหนึ่งเพิ่งอายุแค่ 5 ขวบเท่านั้น ตอนที่เขารบเร้าเด็กรุ่นพี่มีบ้านอยู่ใกล้ๆ กันเพื่อขอเล่นฟุตบอลบนถนนแถวบ้านด้วย

แดนนี่ เวลเบ๊คไม่เคยลืมว่าเวส บราวน์ ซึ่งตอนนั้นอายุ 16 ปีและเป็นเด็กฝึกหัดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีบทบาทต่อการเรียนรู้เกมฟุตบอลของเขาอย่างไร และบราวน์เองก็ไม่เคยลืมว่าเจ้าหนูแดนนี่ทำให้เขาประทับใจได้มากแค่ไหนทันทีที่โชว์ลีลาให้เห็น

“ตอนแรกเราก็ไม่ค่อยสนับสนุนให้แดนนี่เล่นเท่าไหร่ เพราะเราคิดว่าเขาอาจจะเจ็บตัวได้” บราวน์ ซึ่งย้ายสวนทางกับเวลเบ๊คไปยังซันเดอร์แลนด์ในฤดูกาลนี้ เล่าถึงความหลัง

“แต่บอกตรงๆ เลยว่าเราไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นนานนัก ทันทีที่แดนนี่ได้เริ่มต้น คุณจะเห็นได้เลยว่าเขามีฝีเท้าดีไม่เบา เขามีทักษะและดูแลตัวเองได้”

ทักษะทั้งหลายที่เขาเรียนรู้มาจากการเล่นฟุตบอลตามถนน จะทำให้เวลเบ๊คก้าวลงสู่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดในวันอาทิตย์ ในฐานะนักเตะคนเดียวในรอบเกือบ 40 ปีของดาร์บี้แมตช์แห่งเมืองแมนเชสเตอร์ ที่เกิดและเติบโตขึ้นมาในท้องถิ่น

เวลเบ๊คคือผลผลิตแห่งความเพียรพยายามของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดผู้จัดการทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งในที่สุดก็บรรลุเป้าหมายที่รอคอยมายาวนาน ในการปลุกปั้นศูนย์หน้าชาวแมนเชสเตอร์ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพให้กับปิศาจแดง

ความเชื่อมั่นที่เซอร์อเล็กซ์มีต่อเวลเบ๊คมีมากจนเขายังคงมีศรัทธาในหัวหอกรายนี้ แม้ว่าเขาจะมีรูปร่างที่ผอมสูงเก้งก้างและบาดเจ็บง่ายตอนที่เริ่มโตเป็นวัยรุ่น

5 ประตูที่เขาทำได้ในฤดูกาลนี้และโอกาสที่จะได้ร่วมทีมชาติอังกฤษไปทำศึกยูโร 2012 แสดงให้เห็นว่าสัญชาติญาณที่มีมายาวนานของเซอร์อเล็กซ์ยังคงไม่ผิดพลาด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดาวรุ่งเจ้าของส่วนสูง 6 ฟุต 3 นิ้วรายนี้ถูกรับเลือกเหนือเวย์น รูนี่ย์ ดาวยิงตัวเก่งของทีม ในเกมบิ๊กแมตช์กับลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์เมื่อสัปดาห์ก่อน

“เวลเบ๊คมีความสามารถสูงมาตลอด แต่เขาพัฒนาได้ช้าจนกระทั่งถูกซันเดอร์แลนด์ยืมตัวไปเล่นด้วยเมื่อฤดูกาลที่แล้ว นั่นคือตอนที่เขาเติบโตขึ้นมาอย่างเต็มตัว” เซอร์อเล็กซ์บอก

“เขามีปัญหาที่หัวเข่าในช่วงที่เริ่มโตขึ้นมา แต่เราก็เต็มใจเสมอที่จะรอเขา เขาแตกต่าง เขามีขาที่ยาวมาก ทันทีที่เขาเริ่มสปีด เขาจะโขยกไปได้เร็วมาก เขามีอนาคตที่สดใสมากรออยู่”

แม้แต่บุคลากรของสมาคมฟุตบอลอังกฤษเอง ก็ช่วยตอกย้ำถึงความสำเร็จของการปั้นเวลเบ๊ค ซึ่งกำลังก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมสิงโตคำรามชุดใหญ่ในอนาคต

“แมนฯ ยูไนเต็ดสมควรได้รับเครดิตอย่างมาก พวกเขาเป็นหนึ่งในสโมสรที่ดีที่สุดในเรื่องของการใช้เวลากับนักเตะอย่างแดนนี่ ตอนที่พวกเขายังต้องพัฒนาในเรื่องของสภาพร่างกายอยู่” แกเร็ธ เซาธ์เกต หัวหน้าฝ่ายพัฒนานักเตะของเอฟเอ บอก

“นอกจากการอดทดรอในตอนเริ่มต้นด้วยการฝึกซ้อมจากภายในสโมสรแล้ว พวกเขายังส่งเสริมด้วยการยืมตัวที่ประสบความสำเร็จ จนทำให้พวกเขามาอยู่ในจุดนี้ได้”

สำหรับเวลเบ๊คแล้วทั้งหมดเริ่มต้นที่มาร์คฟิลด์ อเวนิว ซึ่งเป็นถนนแคบๆ ที่คดเคี้ยวในแถบลองไซท์ที่อยู่ใจกลางเมืองแมนเชสเตอร์

ซึ่งเป็นย่านที่รถส่วนใหญ่สัญจรผ่านอย่างเร่งรีบเพื่อมุ่งหน้าสู่ทางหลวงสาย A6 ที่อยู่ทางใต้ของย่านใจกลางเมืองที่จะมุ่งหน้าสู่สต็อคพอร์ท สิ่งเดียวของถนนแห่งนี้ที่น่าจะถูกจดจำคือความสามารถในการผลิตนักฟุตบอลขึ้นมา

ที่บ้านเลขที่ 42 ที่มีประตูสีแดงบ่งบอกความเป็นเรดอาร์มี่ นั่นคือที่พำนักของครอบครัวบราวน์ หนุ่มน้อยเวส บราวน์ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษมาแล้วและคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกร่วมกับแมนฯ ยูไนเต็ด

ส่วนรีซ น้องชายคนเล็กของเขา ก็เป็นนักเตะของปิศาจแดงอยู่ในตอนนี้

ขณะที่ไคลฟ์ น้องชายอีกคน ซึ่งยังอาศัยอยู่บนถนนนี้ เล่นฟตบอลนอกลีกอยู่กับทีมนิว มิลส์

อีกฟากของถนน (ก่อนที่ตึกจะถูกทุบเพื่อสร้างสนามเด็กเล่นแห่งใหม่) คือที่อยู่ของครอบครัวเวลเบ๊ค วิคเตอร์และเอลิซาเบธอพยพมาจากกานาและส่งต่อความเป็นคริสเตียนที่เคร่งครัดให้กับลูกชายทั้ง 3 คน คือ เวย์น (ซึ่งเล่นอยู่นอกลีกกับทีมฟลิกซ์ตัน), คริสโตเฟอร์ และแดนนี่ ผู้คลั่งไคล้ฟุตบอล

“มักจะเป็นตระกูลบราวน์กับตระกูลเวลเบ๊คเสมอที่มาเล่นฟุตบอลกับบนถนน เวสจะมาแจมด้วยเวลาที่เขาว่าง” ไคลฟ์ บราวน์เล่าถึงความหลัง

“เรามีการเตรียมพร้อมอย่างดี เรามีกำแพงสองด้านของถนนเป็นประตู และการที่บอลกระเด้งกับขอบถนนอยู่ตลอดก็ช่วยพัฒนาเรื่องการคอนโทรลบอลให้กับคุณได้อย่างดี แดนนี่ชอบเล่นมาก แม้ว่าเขาจะอายุน้อยที่สุดก็เถอะ อย่างเดียวที่เขาต้องการคือการได้เล่นเป็นศูนย์หน้า”

เวลเบ๊คเริ่มต้นชีวิตกับแมนฯ ยูไนเต็ดตอนอายุ 8 ขวบ และเมื่ออายุ 12 ขวบ เขาก็ย้ายไปเข้าโรงเรียนมัธยมทรินิตี้ และการที่เขาหมกมุ่นอย่แต่กับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ จึงไม่มีอะไรต้องกังวลเลยว่าเขาจะออกนอกลู่นอกทางในช่วงวัยรุ่น

“แดนนี่เป็นเด็กที่สุภาพและพูดน้อย ผมจำได้ว่าเขาไม่เคยสร้างปัญหาอะไรเลย” เดวิด เอนส์เวิร์ธ ครูใหญ่ของโรงเรียนทรินิตี้ เล่า “เขาสอบจีซีเอสอีได้ 12 ตัวและถ้าเขาอยากเอาดีด้านการเรียน เขาคงจะเข้ามหาวิทยาลัยได้สบายๆ”

“เขาถ่อมตัวในเรื่องฟุตบอลเช่นกัน ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งครูพละหญิงคนหนึ่งเข้ามาบ่นกับผมอย่างหัวเสียว่าแดนนี่ไม่ยอมลงแข่งวิ่ง 200 เมตร”

“ผมไปถามแดนนี่ว่าทำไมเขาไม่ลงแข่ง เขาบอกผมว่าเขากำลังจะลงเตะกับอาร์เซนอลในเกมเอฟเอ ยูธคัพรอบรองชนะเลิศคืนเดียวกัน เขาแค่ไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคนในชั้น”

“พวกเราบางคนไปดูเกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดนัดนี้ และเขาก็เป็นคนทำประตูชัยให้ทีมได้ เขากลับมาโรงเรียนในวันรุ่งขึ้นโดยทำตัวเหมือนปกติและไม่เคยพูดถึงเรื่องนั้นเลย

ผมเลยพูดเรื่องนี้ในหอประชุมและเขาก็ได้รับเสียงปรบมือแสดงความยินดีอย่างมากมาย เพราะเราทุกคนภูมิใจในตัวเขา”

“เขาไม่เคยคิดจะอวดตัวเลยซักนิด ครั้งหนึ่งผมเอาบอลไปด้วยและถามเขาว่าโชว์ลูกเล่นให้ผมดูซักสองอย่างอย่างได้มั้ย แต่เขาแค่ส่ายหัวปฏิเสธอย่างสุภาพ”

ช่วงก่อนที่จะจบจากทรินิตี้ เวลเบ๊คได้ไปร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ดหรืออังกฤษไปแข่งขันทัวร์นาเมนต์นอกประเทศบ้างเป็นบางครั้ง แต่เขาก็ยังมาโรงเรียนทุกครั้งที่ทำได้

ดาร์เรน เวสต์มอร์แลนด์ โค้ชของทีมโรงเรียนทรินิตี้ เล่าถึงเกมฟุตบอลถ้วยนัดหนึ่งที่ทีมของเขาเจอกับทีมอคาเดมี่ของแมนฯ ยูไนเต็ด

“พวกเขาตีเสมอได้เมื่อเหลืออีกสองนาที และทันทีที่เริ่มเขี่ยบอลเล่นใหม่ แดนนี่ก็ลุยขึ้นไปถึงหน้าประตูและทำประตูชัยได้เมื่อเหลืออีก 20 วินาที”

“ทัศนคติของเขาสุดยอดมาก เขาคุ้นเคยกับการร่วมงานกับโค้ชชั้นนำมากมายที่แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ถ้าผมขอให้เขาเล่นในแบบที่ผมคิดว่าดีต่อทีมของเรา เขาก็รับฟังและทำตาม”

“เรายังติดต่อกันอยู่ เมื่อเร็วๆ นี้ผมขอให้เขาเซ็นชื่อบนเสื้อทีมให้เพื่อนของผม เขาก็เอาเสื้อมาคืนผมที่โรงเรียนด้วยตัวเองเลย พอผมดูเสื้อ ผมก็เห็นว่าเขาเอาไปให้ทุกคนในทีมแมนฯ ยูไนเต็ดเซ็นมาด้วย”

สำหรับทักษะทั้งหมดของเวลเบ๊คแล้ว การพัฒนาของเขาในช่วงระหว่างอายุ 14-18 ถูกรบกวนด้วยฮอร์โมนการเจริญเติบโตที่ทำให้เขามีรูปร่าง ‘ผอมและเก้งก้าง’

ตามคำจำกัดความของเซอร์อเล็กซ์ และทำให้เขามีปัญหากับอาการบาดเจ็บได้ง่าย

เขาอายุแค่ 14 ตอนที่ลงเล่นใหทีมชาติอังกฤษชุดยู 16 นัดแรก โดยเอาชนะเวลส์ ซึ่งมีอารอน แรมซี่ย์อยู่ในทีมด้วย ไปได้ 4-0 เคนนี่ สเวน ผู้จัดการทีมในตอนนั้น เล่าว่า

“แดนนี่เล่นไม่ค่อยเนียนตา เขาดูจะยังประสานเกมของตัวเองกับสไตล์การวิ่งไม่ค่อยได้ แต่คุณจะเห็นได้ว่าเขามีศักยภาพสูงสำหรับอนาคต”

“ถ้าจะให้ผมอธิบายก็คือเขาดูเหมือนจะเป็นคนที่ชอบเล่นกับบอล เขามีวิธีสับขาหลอกโดยให้บอลกลิ้งอยู่ที่หน้าสตั๊ดทั้งสองข้าง มันเป็นสิ่งที่คุณจะได้เห็นนักฟุตบอลสเปนทำ ไม่ใช่นักฟุตบอลอังกฤษ”

“หลังจากเขาประเดิมสนามไปได้ซัก 6-7 นาที ผมบอกกับตัวเองว่าให้ตายเถอะ เขานี่แหละจะทำให้ทีมประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นเขาก็ได้ลงแข่งในฟุตบอลยู 17 ชิงแชมป์โลก เขากับวิคเตอร์ โมเซสเป็นนักเตะเกมรุกที่มีศักยภาพสูงสุดในทัวร์นาเมนต์นั้น”

ที่แมนฯ ยูไนเต็ด เวลเบ๊คได้ประเดิมสนามตอนอายุ 17 แต่ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อเท่ากับเพื่อนร่วมทีมดาวรุ่งอีกคนอย่างเฟเดริโก้ มาเคด้า ซึ่งทำประตูชัยเหนือแอสตัน วิลล่าได้ และมีส่วนสำคัญที่ทำให้ปิศาจแดงก้าวไปคว้าแชมป์

แต่เบื้องหลังการถ่ายทำแล้ว เซอร์อเล็กซ์คาดหวังอยู่เสมอว่าเวลเบ๊คจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมได้ในอนาคต

การยืมตัวที่ประสบความสำเร็จกับเปรสตันและซันเดอร์แลนด์สร้างความมั่นใจให้กับเขา และฤดูกาลนี้เขาก็แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาได้รับเลือกเหนือเวย์น รูนี่ย์ในเกมกบลิเวอร์พูลนัดที่แล้ว และหลายคนคาดกันว่าเขาจะได้ทำหน้าที่แทนดาวยิงรุ่นพี่ในรอบแบ่งกลุ่มของศึกยูโร 2012 ด้วย

บราวน์ เพื่อนบ้านที่รู้จักเวลเบ๊คมาตลอดชีวิต และยังร่วมเดินทางจากมาร์คฟิลด์ อเวนิวไปยังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ห่างออกไป 3 ไมล์ แต่เหมือนอยู่คนละโลก ด้วยกันมาแล้ว คือคนที่เหมาะที่สุดที่จะพูดสรุปถึงนักเตะรุ่นน้องคนนี้

“แดนนี่มีรูปร่างที่ดี มีพละกำลังและความแข็งแกร่ง เขามีทักษะและเทคนิคที่ดี เขายินดีที่จะเรียนรู้ จริงๆ แล้วเขามีครบทุกอย่างนั่นแหละ”

เรื่องโดย "เบบี้ แบร์"

คอลัมน์ฟุตบอลผู้ดี นสพ.กีฬารายวันฮอตสกอร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook