ปัญหามาเยือนแล้ว...???

ปัญหามาเยือนแล้ว...???

ปัญหามาเยือนแล้ว...???
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถึงแม้ว่าเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะเน้นสกอร์ 1 ตุงเพื่อชัยชนะเหนือเอฟเวอร์ตัน ทว่านั่นก็ไม่ได้ทำให้พรีเมียร์ ลีก อยู่ในสถานการณ์ที่ระห่ำกันเลยทีเดียวกับจำนวนสกอร์ที่ยิงกันในแต่ละนัดแต่ละสัปดาห์ ค่าเฉลี่ยของพรีเมียร์ ลีกในตอนนี้คือ 2.98 ประตูต่อนัด

ถ้าจะเทียบกับลีกใหญ่อื่นๆในยุโรปพอจะมีข้อมูลดังนี้ บุนเดสลีกา เยอรมัน 2.83ประตู/นัด ลาลีกา สเปน 2.52ประตู/นัดในขณะที่เซรี่ อา ของอิตาลีอยู่ที่ 2.46/นัด
               
เกือบๆจะ 3 ประตูต่อนัดอยู่แล้วสำหรับค่าเฉลี่ยของพรีเมียร์ ลีก นั่นคงบ่งบอกได้เลยว่าระห่ำจริงๆ และเป็นเรื่องเป็นราวที่สร้างความตื่นเต้นสนุกสนานให้กับแฟนบอลได้เป็นอย่างดี
               
เป็นมุมของจำนวนสกอร์ที่กระหน่ำกันในแต่ละสัปดาห์ แต่ถ้าจะมองสวนทางเห็นกันทันทีเช่นกัน มันเป็นด้านลบของสิ่งที่ตื่นเต้นกันนั้น นั่นคือเกมรับของหลายๆทีมในพรีเมียร์ ลีก มีปัญหาเพิ่มมากขึ้น
               
ปกติไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะเห็นทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,เชลซีหรืออาร์เซนอล จะเสียประตูกันบานเบอะในบางนัด ต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกต่อไป
               
และเชื่อเหลือเกินว่าถ้าฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือทีมชาติอังกฤษได้ตามดูเกมอย่างต่อเนื่อง คงมีการสะดุ้งอย่างไม่ต้องสงสัย พร้อมกับความกังวลความไม่สบายใจผุดขึ้นมาไม่มากก็น้อยเกี่ยวกับประเด็นกองหลังที่กำลังเกิดขึ้น
               
ไม่ต้องมองภาพรวมกันให้มากมาย แค่คาเปลโล่โฟกัสไปที่ตัวความหวังอย่างริโอ เฟอร์ดินานด์กับจอห์น เทอร์รี่ อาการไมเกรนเริ่มเล่นงานทันที
               
ปัญหาเรื่องความฟิตของริโอ เฟอร์ดินานด์ เป็นสิ่งที่กังวลกันตลอดเวลา ในขณะที่จอห์น เทอร์รี่ ก็กำลังโดนเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เรื่องของความรวดเร็ว สภาพของเจทีไม่เหมือน 4-5 ปีที่แล้วอีกต่อไป
               
ทั้ง 2 คนเป็นออพชั่นหลักของคาเปลโล่มาตลอด และยังคงเป็นทางเลือกที่ดี แต่ไม่ใช่สิ่งที่สุดยอดเหมือนหลายๆปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าสิงโตคำรามจะเดินทางไปลุยยูโร 2012 ด้วยสภาพของนักเตะกองหลังที่ไม่ได้เล่นอย่างต่อเนื่อง และนั่นคืออาการส่อเค้าของปัญหาที่พกพาไปด้วย
               
เอาแค่ง่ายๆในทีมผีแดง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แทบไม่ได้ใช้งานกองหลังตัวหลักที่คิดว่าดีที่สุดของทีมอย่างต่อเนื่องเลย สลับสับเปลี่ยนกันตลอดเวลา นี่อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทีมเสียประตูง่ายๆในหลายๆสถานการณ์
               
เหตุการณ์ในช่วงออกสตาร์ตของพรีเมียร์ ลีก จึงค่อนข้างเป็นเรื่องที่น่าติดตาม และส่งผลกระทบในเรื่องของเกมรับกันทั่วหน้า และเกิดขึ้นแทบทุกสัปดาห์ด้วยซ้ำไป
               
ตำแหน่งแบ็กโฟร์ของแต่ละทีมจึงต้องโฟกัสกันเป็นพิเศษ ใครไหวตัวก่อนแก้ไขให้เข้าที่เข้าทางย่อมเป็นเรื่องที่ได้เปรียบทันที เรียกว่าต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจกันให้ลงตัวมากที่สุดในแนวรับของตัวเอง
               
ทั้งฟูลแบ็กและเซ็นเตอร์แบ็ก จำเป็นมากที่จะต้องทำงานประสานกันเป็นอย่างดี และต้องมีพัฒนาการที่เด่นชัดให้เห็นกันจะแจ้ง นั่นคือเป็นเกราะที่แข็งแรงยากที่คู่แข่งจะเจาะเข้าไปส่องประตู
               
แต่ถ้าทำไม่ได้หรือแก้ไขกันไม่ลงตัวจะมีผลกระทบให้เห็นชัดเจนเช่นกัน กลายเป็นหายนะจากช่องว่างรอยโหว่ที่ปิดไม่มิดนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,เชลซีหรืออาร์เซนอลรวมไปถึงสเปอร์ส ต่างเจอะเจอสิ่งที่เตือนภันกันแล้วทั้งนั้น
               
เรื่องราวที่น่าเห็นอกเห็นใจฟาบิโอ คาเปลโล่ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้คงต้องมีแน่นอน ถ้าคาเปลโล่ต้องเลือกและใช้งานกองหลังที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เล่นด้วยกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ค่อยมีโอกาสมากเท่าไหร่ในทีมต้นสังกัด หรือจำเป็นต้องเลือกนักเตะที่มีประสบการณ์

น้อยๆลงทำหน้าที่แทน
               
สิ่งที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกหรือรายการไหนก็ตามที เรียกว่าประสบความสำเร็จกันเป็นว่าเล่นในรอบหลายปีที่ผ่านมา เหตุผลหลักก็เพราะว่าผีแดงมีคู่เซ็นเตอร์แบ็กที่แข็งแกร่งอย่างริโอ เฟอร์ดินานด์และเนมานย่า วีดิช
               
ทั้งคู่เล่นด้วยกันตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นหัวใจหลักในแผงแนวรับของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เช่นเดียวกับจอห์น เทอร์รี่ ที่เป็นกำแพงเหล็กให้กับเชลซีมาหลายปีจนเป็นทีมที่ยากที่จะเอาชนะ หรือยากที่คู่แข่งจะเข้าไปเจาะประตูได้
               
เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าริโอ เฟอร์ดินานด์ มองไปที่ซัมเมอร์หน้า ซึ่งเป็นคิวของยูโร 2012 คงต้องฟื้นฟูสภาพร่างกายเป็นการใหญ่เพื่อให้อยู่ในสภาพที่ฟิตเหมือนเดิม
               
อาการเจ็บหลังของริโอเล่นงานมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่ปลอดจากอาการบาดเจ็บดังกล่าว แน่นอนว่าอาการบาดเจ็บคืออุปสรรคหลักที่ยิ่งใหญ่และสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเตะ ที่จะต้องหลีกเลี่ยงหรือถ้าเจอะเจอแล้วก็ต้องให้หายสนิทเพื่อกลับมาฟิตดังเดิม
               
แต่ถ้าทำไม่ได้นั่นจะส่งผลไปอีกหลายเรื่อง ความเร็วเสียไป ความมั่นใจหล่นหาย คิดได้แต่ไม่สามารถทำได้เหมือนยุคสมัยที่ฟิตเต็มร้อย มาตรฐานที่ทำเอาไว้จะขึ้นไปแตะจุดนั้นยากเย็นอย่างยิ่ง
               
ปัญหาของริโอ เฟอร์ดินานด์อยู่ตรงนี้แหล ไม่สามารถกลับมาอยู่ในสภาพที่ฟิตเต็มร้อยได้ เพราะถ้าไม่ฟิต อย่างที่บอกไปอย่างน้อยๆเลยความเร็วหายไปแล้ว
               
กองหลังไม่ใช่พวกฝีเท้ารวดเร็วจัดจ้านอยู่แล้ว ถ้าช้าไปกว่าเดิมเข้าไปอีก คิดที่จะสปีดเพื่อหยุดบรรดากองหน้าอย่าไปคาดหวังเลย
               
จอห์น เทอร์รี่ เริ่มมีอาการสปีดตกให้เห็นกันต่อเนื่องมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากอายุที่ร่วงโรยมากขึ้นทุกวัน ถ้ายังไม่เกิน 30 ก็ยังคงอยู่ในช่วงสุดยอด ทั้งความเร็วทั้งประสบการณ์เต็มเปี่ยม แต่ถ้ามากไปกว่านี้ดุเหมือนทุกอย่างถดถอยทันที ถ้ามีอาการบาดเจ็บเข้ามาเสริมยิ่งไปกันใหญ่
               
เนมันย่า วีดิช กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งหลังจากพยายามเรียกความฟิตให้เต็มร้อย นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นทว่าถ้ามากไปกว่านี้อีกปีสองปีก้ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเหมือนกัน
               
ฟิล โจนส์กับคริส สมอลลิ่ง พร้อมที่จะโผล่ขึ้นมารับภาระแทน ทว่าทั้งคู่ยังต้องเรียนรู้และสร้างประสบการณ์กันอีกเยอะ ตำแหน่งของเซ็นเตอร์แบ็กไม่ใช่เรื่องที่จะมาประเมินกันต่ำๆ เพราะนี่คือหัวใจสำคัญในเกมรับ สำคัญกว่าฟูลแบ็กอย่างไม่ต้องสงสัย
               
แม้ว่าบรรดาศูนย์หน้าตัวหลักของทีมคือปัจจัยในเรื่องของสกอร์ และการประสานงานของบรรดากองหน้าที่ว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้มีสกอร์ตามมา แต่การพัฒนาและความสำคัญของคู่เซ็นเตอร์ก็เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในมุมของเกมรับและมุมของความสำเร็จของทีม
               
ยูโร 2012 ที่รออยู่ข้างหน้าและยังมาไม่ถึง แต่ดูเหมือนว่าเริ่มมีภาพของข้อข้องใจในทีมสิงโตคำรามเกิดขึ้นแล้วในตอนนี้

เรื่องโดย "ดามัน"

คอลัมน์ ทดเจ็บ3นาที นสพ.กีฬาฮอตสกอร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook