"บทเรียน" ในวันที่สายไป!

ผ่านไปแล้วสำหรับศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสาม นัดที่ 7 ของทีมชาติไทย ที่บุกไปพ่าย ทีมชาติญี่ปุ่น ขาดลอยถึง 0-4 ทำให้หมดสิทธิ์เข้าไปเล่นรอบสุดท้ายที่รัสเซียแน่นอนแล้ว

อย่างไรก็ดี นัดนี้มีอะไรหลายๆ อย่างที่เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น เริ่มตั้งแต่การจัดตัวผู้เล่นของ "โค้ชซิโก้" ที่แปลกหน้าแปลกตาแต่ไม่ขัดใจแฟนบอล

โดยเฉพาะการที่ "โค้ชซิโก้" ดัน "เจ้าตั้ม" ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กลับไปเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับ ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่เจ้าตั้มถนัดที่สุด พร้อมกล้าที่จะส่ง "เจ้าไมค์" วัฒนา พลายนุ่ม กองกลางที่ฟอร์มเด่นที่สุดคนหนึ่งของไทยลีกเวลานี้ลงมายืนคู่

 ส่วนตัวแล้วผมมองว่าทั้งคู่สอบผ่านในการเล่นคู่กัน ทั้งสองเล่นกันได้อย่างกลมกล่อมจนอดคิดไม่ได้ว่า หากพวกเขาได้คู่กันตั้งแต่แรกจะเป็นอย่างไร

ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของ "เจ้าไมค์" ด้วยที่กองกลางเจ้าของสัมปทานอย่าง สารัช อยู่เย็น ปิดเทอมยาวไป ไม่งั้นเราคงได้เห็นคู่กลางเป็น "ตังค์-ตั้ม" เหมือนอย่างที่เล่นให้เอสซีจี เมืองทอง เมื่อฤดูกาลก่อน

นัดนี้ "เจ้าตั้ม" เล่นได้ตามฟอร์ม เก็บเกมแดนกลางได้ดี คอยช่วยสกรีนบอลก่อนจะหลุดไปถึงกองหลังหลายจังหวะพอสมควร

 แล้วพอ "เจ้าตั้ม" พลาด "เจ้าไมค์" ก็จะถอยลงมาช่วยทัน แต่นับว่าเป็นโชคร้ายของทั้งคู่ที่ดันมาเจอกับญี่ปุ่นในวันที่โคตะระดุ จึงทำให้คนที่ดูแค่สกอร์อาจจะคิดว่าเราสู้ไม่ได้เลย

อีกคนที่ยังเล่นได้โดดเด่นก็คือ "เจ้าเจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่เสียบอลยากมาก แม้ว่าจะโดนเข้าทีละสองสามคน แต่ก็เอาตัวรอดได้

น่าจะเป็นเพราะการได้มาเจอกับทีมชาติญี่ปุ่นในถิ่นของเขา เจ้าเจเลยมีพลังแฝงอยากจะโชว์ให้เห็นว่าตัวเองสามารถเล่นในเจลีกได้

แล้วผลตอบรับก็ออกมาดีด้วย ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เห็น "เจ้าเจ" เป็นตัวหลักให้กับซัปโปโร

อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ "เจ้าตอง" กวิน ธรรมสัจจานันท์ ที่แม้เจ้าตัวจะโดนไปถึง 4 เม็ด แต่หากไม่มีเขาคอยเซฟอย่างอุดตลุดทั้งเกม เราอาจโดนมากกว่านี้ก็ได้

แต่จุดที่เราพลาดในเกมนี้ และญี่ปุ่นทำการบ้านมาเป็นอย่างดีก็คือ การที่เราขาด "กัปตันอุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน ที่ติดโทษแบนไป

ทำให้เกมทางฝั่งซ้ายที่มี "เจ้าบาส" พีรพัฒน์โน้ตชัยยา มาแทนที่ กลายเป็นจุดอ่อนให้ญี่ปุ่นโจมตี นี่คือสิ่งที่ "โค้ชซิโก้" ต้องรีบหาทางแก้ถ้ามีโอกาส

อีกหนึ่งจุดคือความเด็ดขาด เกมที่เราเจอกับทัพซามูไรบลูส์นั้น เราสร้างความปั่นป่วนให้กับพวกเขาได้พอสมควร มีหลายจังหวะที่น่าได้ แต่ก็ไม่เฉียบคมพอ ผิดกับทางญีปุ่นที่พอมีโอกาสก็ทำได้ตลอด

ถึงตรงนี้ ผมยังเชื่อมาตลอดว่า ทีมชาติไทยเราสามารถสู่ได้กับทุกทีม ถ้าเรามีการจัดการที่ดีกว่านี้

โดยปัญหาที่ผมเห็นชัดๆ เลยก็คือคู่ต่อสู้ของเราทุกทีมรู้จุดแข็งจุดอ่อนของเราหมดเลย ผิดกับทีมเราที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย

3 นัดที่เหลือ ผมไม่รู้ว่า “โค้ชซิโก้” จะยังได้ไปต่อหรือไม่? หลังจากที่ได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ

แต่ถ้ามีโอกาส "โค้ชซิโก้" คงต้องโชว์ให้ทุกคนเห็นว่ายังมี “กึ๋น” พอที่จะพาทัพ “ช้างศึก” ต่อกรกับทีมระดับหัวแถวของเอเชียได้ดีกว่านี้

แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ แฟนบอลก็คงต้องพร้อมที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลง

เรื่องโดย : ปีกพ่อมด เตชิต