"ปัญหาเรื้อรังที่รักษาไม่หาย"

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอในบ้าน เป็นนัดที่ 8 แล้วในฤดูกาลนี้ โอกาสในการติดท็อปโฟร์ ดูจะห่างไกลขึ้นเรื่อยๆ

กุนซือโจเซ่ มูรินโญ่ ออกตัวก่อนลงสนามเจอเวสต์บรอมวิชว่า เป็นงานที่ไม่ง่าย เพราะนักเตะเพิ่งบู๊เกมทีมชาติมา แถมมีตัวเจ็บและแบนเพียบ

ปอล ป๊อกบา เจ็บจากเกมยูโรป้า ฟิล โจนส์ กับคริส สมอลลิ่ง เดี้ยงมาจากทีมชาติ นอกจากนั้น ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และอันเดร เอร์เรร่า ติดโทษห้ามแข่ง

กระนั้นหลังเกม เฮดโค้ชแดนฝอยทอง ก็ออกมาเหน็บแนมตามสไตล์ว่า คู่แข่งตั้งใจมาเล่นเกมรับ เพื่อเอาผลเสมออย่างเดียว

 

ก็น่าเห็นใจมูรินโญ่นะครับ ที่เข้ามารับงานอันแสนท้าทายแบบนี้ แต่ปัญหาเรื่องสภาพทีม และคู่แข่งเอาแต่เน้นรับ ก็ไม่ควรนำมาเป็นข้ออ้าง ในการทำได้แค่เสมอแบบโนสกอร์เมื่อวันเสาร์

เพราะความจริงตลอด 90 นาทีที่โรงละคร มันฟ้องอยู่ทนโท่ว่า ยูไนเต็ด มีโอกาสยิงถึง 18 ครั้ง (เข้ากรอบแค่ 3) และครองบอลมากถึง 75 เปอร์เซนต์ แต่ไม่มีปัญญาแปรเปลี่ยนเป็นประตูเท่านั้นเอง

ลูกครอสจากริมเส้นก็ไม่ค่อยมีความแม่นยำ หนักไปทางเปิดทิ้งขว้างซะส่วนใหญ่ เจาะตรงกลางก็แป้ก ส่วนลูกเตะมุม แทบไม่เคยใช้ให้เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อย

ตัวทำเกมอย่างเฮนริค มคิตาร์ยาน ฟอร์มตกอย่างน่าเกลียด บวกกับตัวรุกที่ไม่มีความเก๋าอย่างมาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และเจสซี่ ลินการ์ด ก็ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

 

มันสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่า เกมรุก “เรด เดวิลส์” ทื่อขนาดไหน เมื่อไม่มี “พระเจ้า” อย่างซลาตัน อิบราฮิโมวิช อยู่ในสนาม เป็นปัญหาเรื้อรังอย่างแท้จริง

แล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่า ทีมสีแดงแห่งแมนเชสเตอร์ จะตกเป็นข่าวกับกองหน้าระดับโลกหลายๆคน ซึ่งผมเชื่อว่า มูรินโญ่ เตรียมจัดหนักแน่นอนในตลาดซัมเมอร์นี้

ด้วยสภาพทีมที่จำกัดจำเขี่ย ทำให้มูรินโญ่ แทบจะไม่มีทางเลือกในการแก้เกมได้เลย เวย์น รูนี่ย์ ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลัง แฟนผีบางคนยังอุทานเลยว่า “ลงมาทำไม?”

ขณะที่โทนี่ พูลิส นายใหญ่เวสต์บรอม แท็กติกก็ไม่มีอะไรมาก ตั้งรับลึก เน้นผลการแข่งขัน แล้วรอโต้กลับเมื่อคู่แข่งพลาด ซึ่งผลงานสมัยคุมสโต๊ค ซิตี้ ก็แสดงให้เห็นเลยว่า พูลิส รู้จักตัวเองมากแค่ไหน

 

การเสมอในบ้าน 1 นัด เท่ากับถูกตัดเกมละ 2 คะแนน ซึ่งที่ผ่านมาการเจ๊าอาร์เซนอล และลิเวอร์พูล ก็อาจจะเคลมได้ว่า เป็นการเสมอทีมใหญ่ด้วยกัน

แต่ 12 คะแนน ที่ทำหล่นหาย กับการเจอทีมต่ำกว่าท็อป 6 บอกได้เลยว่าน่าเสียดายสุดๆ และก็ไม่มีใครรับประกันว่า เกมที่พบกับเอฟเวอร์ตัน, สวอนซี และคริสตัล พาเลซ ในโรงละคร จะชนะได้หมดหรือไม่

เมื่อกางดูโปรแกรมที่เหลือของยูไนเต็ด จะพบว่า ต้องเจอคู่แข่งหัวตารางถึง 4 เกม ประกอบด้วยเชลซี (เหย้า), แมนฯ ซิตี้ (เยือน), อาร์เซนอล (เยือน) และ สเปอร์ส (เยือน)

แล้วมาดูผลงานในการดวลกับทีมท็อป 6 ก็อาจจะทำให้แฟนผี ถอนหายใจกันยกใหญ่ เพราะชนะสเปอร์สได้แค่นัดเดียว เสมอถึง 3 และแพ้ 2

 

ถ้ารู้สึกว่าการลุ้นท็อปโฟร์มันยากเกินไป พวกเขายังมีอีกหนึ่งทางเลือก ในการไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้า คือการคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก มาให้ได้

ซึ่ง “ปีศาจแดง” จะมีโปรแกรมพบกับอันเดอร์เลชท์ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ถ้าผ่านทีมดังจากเบลเยียมได้อีก ก็จะเหลือเพียงแค่ 3 นัด กับเส้นทางสู่แชมป์ประวัติศาสตร์

ในเมื่อผลงานเกมลีก ยังมองไม่เห็นสัญญาณที่จะกระเตื้องขึ้นแบบนี้ เห็นทีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะต้องพึ่งพา “ทางลัด” เสียแล้วกระมัง ?!?