ว่าด้วยเรื่อง "ช้างศึก" เปลี่ยนนายใหม่!!!

หลังจากแมตช์ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งขุนพลช้างศึก “ทีมชาติไทย” บุกไปแพ้นักเตะซามูไร “ทีมชาติญี่ปุ่น” 0-4 ทำให้หัวหน้าผู้ฝึกสอนอย่าง ซิโก้ “เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ประกาศยุติบทบาทของตัวเองในฐานะนายใหญ่ของทีมเรียบร้อยแล้ว หลังจากประกาศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของตัวเอง

เรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ ไม่ใช่แค่วงการฟุตบอลเพียงอย่างเดียว กับการวางมือของโค้ชฟุตบอลที่ได้ขึ้นชื่อว่าประสบความสำเร็จในระดับทีมชาติมากที่สุดคนนึงในช่วงระยะเวลาประมาณ 5 ปีที่ทำงาน

ไม่ว่าจะแชมป์ซีเกมส์ครั้งที่ 27 ที่เมียนมา อันดับ 4 ฟุตบอลเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่แล้วที่เกาหลีใต้ หรือการพาทีมชาติชุดใหญ่ผ่านเข้าสู่รอบที่ 3 รอบ 12 ทีมสุดในฟุตบอลโลกคัดเลือกโซนเอเชีย

 

ต้องยอมรับว่ากระแสความนิยมทีมชาติไทยในยุคของโค้ชชาวขอนแก่นกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้อาจจะเรียกว่าเป็นยุคมืดของทีมเลยก็ว่าได้ เพราะขนาดฟุตบอลซีเกมส์ ยังตกรอบมา 2 สมัยติด ทั้งๆที่เราคือเบอร์ 1 ของภูมิภาคอาเซียน

แน่นอนว่าส่วนนึงต้องให้ “เครดิต” กุนซือเลือดขอนแก่นคนนี้ในความสำเร็จหลายๆอย่างที่ผ่านมา หรือเวลาฟุตบอลทีมชาติแข่งบางนัดแทบไม่มีคนดู กลายเป็นมหาชนชาวสยามพยายามแย่งซื้อตั๋วเข้าชมเกมของขุนพลช้างศึก

อย่างไรก็ตามเรื่องของ “การเปลี่ยนแปลง” เป็นเรื่องธรรมดาไม่ว่าจะวงการไหนหรือที่ไหน บางทีไม่มีคำตอบหรอกว่า “ถูกหรือผิด” “เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม” เพราะมาถึงตอนนี้คงต้องเดินหน้าต่อ

นับจากนี้ คงเป็นทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยภายใต้การนำของนายก “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” และคณะกรรมการบริหาร รวมทั้งฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในการสรรหานายใหญ่คนใหม่ที่จะมาคุมทีม ซึ่งไม่ใช่งานง่ายเลย เพราะมีเดิมพันความสำเร็จของทีมชาติ

เอาแค่โจทย์แรก “โค้ชไทย” หรือ “โค้ชนอก” ดี? หรือถ้าเป็น “โค้ชนอก” จะเอาโค้ชสไตล์ไหน ชาติไหน

เพราะโค้ชแต่ละชาติก็มีสไตล์การทำทีมฟุตบอลไม่เหมือนกัน ซึ่งต้องดูหลายๆเรื่องไม่ว่าจะ “ทัศนคติ” “ความคิด” หรือ “ความสามารถในการปรับตัว” ที่สำคัญต้องทำงานได้อย่างเต็มที่และมี “ฝีมือ” พาทีมประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย

 

ยังมีปัจจัยอื่นๆไม่ว่าจะการประสานงานกับทางสมาคม ทีมงาน หรือเวลามาทำทีมแล้วจะคุมนักเตะอยู่ไหม และยังมีเรื่องของ “ค่าใช้จ่าย” และรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย

ในอดีตที่ผ่านมา มีตัวอย่างของโค้ชที่น่าจะประสบความสำเร็จ แต่เวลามาคุมทีมจริงๆกลับไม่ประสบความสำเร็จให้เห็น สร้างความเจ็บช้ำระกำใจให้กับแฟนฟุตบอลชาวไทยไม่น้อย หรือโค้ชชาวต่างชาติเองอาจจะประสบความสำเร็จมาในอดีตกับทีมอื่นแต่พอมาคุมทีมชาติไทยก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน

เชื่อว่า 3-4 เดือนนับจากนี้ เป็นงานหนักของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในการหาหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ของทีมชาติไทยชุดใหญ่ ด้วยเหตุผลที่ว่ากีฬาลูกหนังเป็นกีฬาที่ถูกคาดหวังไว้สูงจากคนไทยทั้งประเทศ

สุดท้ายไม่แปลกที่ “คนไทยทุกคน” จะจับตาดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเหตุผลอย่างที่เราๆท่านๆทราบกันดีว่า “บอลไทยอยู่ในสายเลือด” จริงไหมครับ

แบงค์ พิพัช