ไม่อยากกลับบ้าน!

ไม่อยากกลับบ้าน!

ไม่อยากกลับบ้าน!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พรีเมียร์ลีก เสาร์นี้ มีการดวลแข้งกัน 7 คู่ ก็ถือว่าไม่แปลก เพราะปกติก็จะทรงนี้ เนื่องจากต้องแบ่งงานไปวันอาทิตย์ 2 คู่ และปิดท้ายด้วยหนึ่งเดียวในมันเดย์ไนต์ฟุตบอล

แต่ที่มันแปลกก็คือจะเตะพร้อมกันในเวลา 22.00 น. หรือ 4 ทุ่มบ้านเรา นั่นก็คือ อาร์เซนอล - เอฟเวอร์ตัน, โบลตัน - แอสตัน วิลล่า, ลิเวอร์พูล - ควีนส์ปาร์ค, แมนฯ ยูไนเต็ด - วูล์ฟแฮมป์ตัน, นอริช ซิตี้ - นิวคาสเซิล, สวอนซี ซิตี้ - ฟูแล่ม และ เวสต์บรอมวิช - วีแกน
      
โปรแกรมค่อนข้างจะคละๆ กันไป จึงขออนุญาตที่จะโฟกัสไปที่สนามแอนฟิลด์
    
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะดวลกับ “ทหารเสือราชินี” ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส น้องใหม่จากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ที่ขึ้นชั้นมาด้วยตำแหน่ง “แชมเปี้ยน”
     
หากจะย้อนกลับไป การเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของ ลิเวอร์พูล ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1990 พวกเขาสามารถทำฝันของเดอะ ค็อป ให้เป็นจริงด้วยการพิชิต ควีนส์ปาร์ค ทีมนี้แหละด้วยสกอร์ 2-1
 
เกมนั้น รอย วีเกอร์ลี่ ยอดดาวเตะสหรัฐ ยิงให้ ควีนส์ปาร์ค ออกนำไปก่อน แต่ลงท้ายด้วย เอียน รัช ซัดมุมแคบแสกหน้า เดวิด ซีแมน ที่ตอนนั้นยังอยู่กับคิวพีอาร์ ก่อนที่ สตีฟ นิโคล จะมายิงให้ทีมคว้าชัยและคว้าแชมป์
       
ซึ่งตอนนั้นคนคุมทีมก็คือคนที่คุณคุ้นตาในตอนนี้อย่าง เคนนี่ ดัลกลิช
        
เมื่อพูดถึงชื่อของ ดัลกลิช จากผลงานในช่วงหลังที่เล่นงาน เชลซี ซะงอมพระรามติดๆ 2 นัด ต่อด้วยเกือบจะชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ทำให้ได้รับเสียงชมกันอื้อซ่า
       
แต่สุดท้าย แผลเก่าก็ถูกเปิดอีกครั้งเมื่อบุกไปแพ้ ฟูแล่ม 0-1
       
เหตุผลของแฟนบอลตอนนี้ไม่ใช่รอความสำเร็จไม่ไหว เพียงแต่เริ่มมีเครื่องหมายคำถาม???????????
     
มีครับ มันมีคำถามที่น่าสนใจอย่างแท้จริง
     
คำถามง่ายๆ 3 ข้อ ก. ข. ค. ถามง่ายอาจจะตอบยากเล็กน้อยถึงปานกลาง
    
ก.ใครจะลงเล่นแทนตำแหน่งของ ลูคัส เลว่า เนื่องจากทีมทำไมไม่อุทธรณ์โทษของ เจย์ สเปียริ่ง
    
ข.ความเฉียบขาดในการเล่นเกมรุก
       
ค.เมื่อไหร่จะชนะในบ้าน
       
ข้อแรกนั้น ผมเคยเขียนเรื่องของ ลูคัส เลว่า ไปล่าสุดที่ เว็บไซต์ บอลผล.com พันธมิตรของฮอตสกอร์ไปแล้วเมื่อ 4 วันที่แล้ว คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสของคน 3 คน ก็คือ สเปียริ่ง, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด
     
นัดที่แล้ว ดัลกลิช เลือกที่จะให้ เฮนเดอร์สัน กับ ชาร์ลี อดัม ยืนเท่ากัน โดยมี สเปียริ่ง คอยอยู่ด้านหลัง ปรากฏว่า บอลทะลุถึงแนวรับเร็วขึ้น และบ่อยครั้งมากกว่าตอนที่ ลูคัส เล่นอยู่ชัดเจน และตอนนี้เมื่อไม่มีทั้ง ลูคัส และสเปียริ่ง รวมไปถึง เจอร์ราร์ด ที่ไม่รู้จะเจ็บอะไรนักหนา
    
ปัญหาตรงนี้น่าสนใจมาก ในตำแหน่งตัวดีเลย์เกมคู่แข่ง
     
ข้อสอง จะไปโทษดวงอย่างเดียวคงไม่ได้ แม้ว่าตอนนี้ ลิเวอร์พูล จะเป็นทีมที่ยิงชนเสาชนคานมากที่สุดในลีกถึง 12 ครั้ง แต่นั่นมันช่วยไม่ได้ หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกฟันจอบยิงเน่าเอาแต่ใจ หวือหวาจริง แต่เริ่มไม่มีประสิทธิภาพ
    
แอนดี้ คาร์โรลล์ กดดันและเพิ่มระดับความกดดันกับราคา 35 ล้านปอนด์ มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น สไตล์ของ ดัลกลิช ในตอนนี้มันไม่เอื้อให้กับนักบอลใหม่อย่าง สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง และ เฮนเดอร์สัน

ส่วนที่เอื้อให้อย่าง มักซี่ โรดริเกซ ก็ไม่ค่อยได้ใช้งาน และ เคร็ก เบลลามี่ เล่นเกมหนักมากๆ ไม่น่าจะไหวแล้ว

ข้อสุดท้าย ยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีก เพราะชัยชนะในแอนฟิลด์ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อ 24 กันยายน ในชัยชนะเหนือ วูล์ฟส์ หวุดหวิด 2-1
      
นับจากนั้นก็ไม่ชนะใคร เสมอ แมนฯยูฯ 1-1, เสมอ นอริช 1-1, เสมอ สวอนซี 0-0 ล่าสุดเสมอ แมนฯซิตี้ 1-1
    
ย้อนกลับไปนัดเปิดสนามก็เสมอ ซันเดอร์แลนด์ 1-1 เท่ากับว่าเกมพรีเมียร์ลีกที่แอนฟิลด์ปีนี้

ลิเวอร์พูล ชนะไปได้แค่ 2 เกมเท่านั้น

การเจอกับ ควีนส์ปาร์ค แม้จะเป็นทีมที่ยากต่อการคาดเดา แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาบอกว่า ไม่ชนะ
    
สถานการณ์แบบนี้ ลิเวอร์พูล ต้องชนะให้ได้สถานเดียวเท่านั้น เพื่อเรียกทุกอย่างกลับมาโดยเฉพาะศรัทธากับความมั่นใจ
       
ว่าตามเชิง หากไม่ใช่คนที่ชื่อ เคนนี่ ดัลกลิช คุมทัพ

ป่านนี้เดอะ ค็อป ด่ากันยับ(กว่านี้)ไปแล้ว!

เรื่องโดย "บี แหลมสิงห์"

คอลัมน์ may i come in please นสพ.กีฬารายวันฮอตสกอร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook