"เทพนิยายภาคสอง"

คืนวันนี้เชื่อได้เลยว่าสาวก เลสเตอร์ น่าจะรอคอยและให้ความรู้สึกที่ตื่นเต้นไม่ต่างกับ "โลกทั้งใบ"

หลังพ่ายให้กับ แอตเลติโก มาดริด มาก่อน 0-1 ในเลกแรกทำให้เกมคืนวันนี้ที่สนาม คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม บรรยากาศจะเต็มไปด้วยเสียงปลุกเร้า เหล่านักเตะจะพร้อมใจเล่นถวายหัวขณะที่ทุกภาพที่ถูกฉายระหว่างเกมจะเต็มไปด้วยความทรงจำ

จะไม่ให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไรครับ...เพราะเกมคืนวันนี้มีโอกาสสูง...ที่นี่จะเป็นเกมยุโรปครั้งสุดท้ายของ เลสเตอร์ ไปอีก "หลายปี"

หลังอุตส่าห์ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์มาถึงตรงนี้ไม่มีใครรู้ครับว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้มาเล่นถ้วยบิ๊กเอียร์อีกเมื่อไหร่จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่

จากนิยายเมื่อปีก่อนแล้ว เลสเตอร์ ก็ดิ่งเหวกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ซีซั่นนี้มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปไล่ตั้งแต่แกนหลักอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ อำลาจากทีม, เกมรับที่ผิดหูผิดฟอร์มไปแบบทันตาเห็น, ความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีนักระหว่าง รานิเอรี่ กับนักเตะ...

กระทั่งฟางเส้นสุดท้ายได้เดินทางมาถึง หลังชักทะเลาะกันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆจนผลงานของทีมย่ำแย่แล้ว รานิเอรี่ ฮีโร่ผู้พา "จิ้งจอก" ตัวนี้เถลิงบัลลังก์เมื่อปีก่อนก็ถูกอัปเปหิออกจากทีมอย่างเป็นทางการ
และนั่นทำให้อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญได้เกิดขึ้นในรั้ว "จิ้งจอกสยาม"

เป็นมือขวาอย่าง เคร็ก เช็ตสเปียร์ ที่เข้ามากอบกู้วิกฤติแทนทันใดนั้นผลงานของทีมที่เคยย่ำแย่ก็หายวับราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เลสเตอร์ กลับมาเล่นได้มีชีวิตชีวาอีกครั้งจนกระทั่งชนะมา 6 เกมติดต่อกันมีเพียงแค่ 2 เกมหลังที่สะดุดเล็กน้อย

แต่ถึงอย่างไรทรงบอลโดยรวมก็ยังคง "น่าประทับใจ"

ไม่มีใครรู้ครับว่าทัพนักเตะ "เดอะ ฟ็อกซ์" จงใจวางยา รานิเอรี่ หรือไม่ แม้การเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจะทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่ามีสิทธิ์เป็นเช่นนั้นแต่ "The show must go on"

ท้ายที่สุดทุกอย่างต้องดำเนินต่อเล่นเดียวกับชีวิตของ "สุนัขจิ้งจอก" ที่ต้องก้าวต่อไป

อย่างไร ก็ตามในยุคที่ แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี พร้อมใจคืนชีพอีกครั้ง, ในยุคที่ สเปอร์ส และ ลิเวอร์พูล พัฒนาขึ้นเรื่อยๆแถมยังมี แมนฯ ซิตี้ เป็นพี่เบิ้มอีก ว่ากันตามตรงคืนวันนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วครับที่เราได้เห็น เลสเตอร์ บนเวทียุโรป

อาจจะอีก10 ปี 15 หรือ 20...ไม่มีใครรู้...แต่ที่แน่ๆนิยายดังเช่นเมื่อซีซั่นก่อนมันคงไม่มีทางเกิดขึ้นง่ายๆอีกแล้วหรืออย่างน้อยก็อนาคตอันใกล้นี้

ต่อให้ เช็คสเปียร์ จะทำผลงานได้ดีในตอนนี้แต่ใครจะเชื่อว่าเขาจะสามารถทำซ้ำรอยได้ดีเท่า รานิเอรี่ อีก เอาแค่การไปเล่นบอลยุโรปก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปแล้ว และนั่นทำให้ช่วงดึกวันนี้กลายเป็น "ค่ำคืนที่วิเศษ"

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแต่คืนวันนี้คงเป็นคืนแห่ง ความทรงจำของสาวก "เดอะ ฟ็อกซ์" ไปอีกนานแสนนาน ไม่มีใครรู้ครับว่ากว่า เลสเตอร์ จะได้โคจรมาเจอกับ แอต.มาดริด ในเกมทางการอีกจะต้องรอถึงเมื่อไหร่

กับเกมคืนวันนี้มองผิวเผิน "ตราหมี" คงเป็นต่ออยู่หลายขุม แต่ทุกอย่างนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ เกมนัดแรกที่ดวลกัน เลสเตอร์ พิสูจน์ให้เห็นครับแล้วครับว่าในวันที่เล่นกันเต็มที่สุดชีวิต พวกเขาก็สามารถต่อกรกับบิ๊กทีมได้

ไม่ว่าจะแท็คติก, เกมโต้กลับรวมถึงความดุดันที่แสดงออกมาพวกเขาไม่เป็นรองเลยแม้แต่น้อย ถ้าไม่มีจุดโทษปัญหาของ อองตวน กรีซมันน์ ที่ฟาวส์นอกกรอบเขตโทษป่านนี้พวกเขาคงบุกเสมอไปแล้ว

ผมเชื่อครับว่าในคืนวันนี้ เลสเตอร์ จะเล่นกันอย่างถวายหัวเปรียบดั่ง "นัดชิงแมตช์สุดท้าย" และดีไม่ดี "เทพนิยาย" ซีซั่นสองมีสิทธิ์เกิดขึ้นอีกครั้งด้วยซ้ำถ้ามองจากแผนหลัง "ตราหมี" ที่ไม่ได้แกร่งราวภูผาหินแบบปีก่อนๆ

จับตาดูให้ได้ครับในเกมคืนวันนี้ เลสเตอร์ อาจเป็นรองแต่ทุกอย่างยังคง 50-50 การแพ้มาก่อนแค่ 0-1 ทำให้ทุกอย่างยังคงเปิดกว้างและบางมุมอาจดูเข้าทาง เลสเตอร์ ด้วยซ้ำเมื่อมองจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่

"รับแน่นๆ-อย่าผลีผลาม" พร้อมใช้โอกาสไม่เปลือง...ขอแค่นี้หากทำได้มีลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ได้เลย!