ชัยชนะของ‘ซิตี้’

บททดสอบอีกหนึ่งบทของฤดูกาลนี้ของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผ่านพ้นไป
           
ชัยชนะเหนือ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล แม้ว่าหลายคนอาจมองถึงเรื่องการหวุดหวิดเจียนไปเจียนอยู่ แต่หากลงลึกไปถึงโอกาสที่ต้องได้แล้วนั้น
           
ซิตี้ ทิ้งชัยชนะมโหฬารอย่างน้อย 4 ประตูไปอย่างช่วยไม่ได้
           
โรแบร์โต้ มันชินี่ นำลูกทีมลงสนาม พร้อมกับปรับเปลี่ยนแท็กติกในการเล่นเมื่อเลือกจะส่งนักบอลที่ “โฮลด์บอล” และสามารถ “ไปกับบอล”ได้ดีลงเล่นพร้อมกันในแนวรุกถึง 2 คนคือ ดาวิด ซิลบา และซาเมียร์ นาสรี่ แทนที่จะมีปีกอย่าง เจมส์ มิลเนอร์ ลงมาเล่นก่อน
           
เกือบส่งผลร้ายต่อพวกเขา
           
จริงอยู่ที่ ซิตี้ เดินเกมรุกเข้าใส่ เพียงแต่ว่า จุดหนึ่งที่ มันชินี่ น่าจะเลือกเล่นงานมากกว่านี้นั่นคือ ริมเส้นทั้งสองฝั่ง ที่ อาร์เซนอล ไม่มี “แบ็กอาชีพ”ลงเล่นแม้แต่รายเดียว
           
โยฮัน ฌูรู ต้องมาเล่นแบ็กขวา ขณะที่ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ประจำการทางฝั่งซ้าย ในยามที่ บาการี่ ซานญ่า, คาร์ล เจนกินสัน, คีแรน กิ๊บบ์ส และอังเดร ซานโต๊ส ต้องบ่ายหน้าไปหาพยาบาล
           
น่าแปลกที่จุดนี้ มันชินี่ ต้องทราบตั้งแต่ก่อนลงทำการแข่งขัน แต่เขาเลือกที่จะเล่นแบบเดิม นั่นคือเจาะตรงกลางด้วยลูกสั้น ตามด้วยการบุกด้านข้างจากการเน้นกองหน้าฉีกออกมารับบอล
           
ฌูรู เจ็บแล้วให้ไอ้หนู มิเกล ลงมาเล่น พร้อมกับโยก กอสซิแอลนี่ มาเล่นแบ็กขวาก็ไม่ได้มีผลอะไรเลย
           
เมื่อ ซิตี้ ไม่เปลี่ยนสไตล์ จึงไม่แปลกที่ อาร์เซนอล ที่เหมือนกับใช้เซ็นเตอร์ฮาล์ฟลงเล่นพร้อมกันแบบหน้ากระดาน โดยที่ไม่มีเจตนาและความตั้งใจตรงนั้น จะสู้ได้อย่างสบาย
           
พร้อมกับเถียงได้ตลอดทั้งเกม
           
โชคดีที่หลังจากได้ประตูแรกที่รอคอยจาก ดาวิด ซิลบา การปิดกล่องประตูที่ 2 ที่น่าจะทำได้หลายต่อหลายครั้ง แต่กลับโยนโอกาสลงถังขยะไปหมด จนเกือบเสียประตูตีเสมอ แต่ลงท้ายแล้ว “เรือใบสีฟ้า” ก็กลับไปยืนอยู่บนที่เดิมนั่นคือบัลลังก์ฝูง หลังจากโดนเตะร่วงลงไปจากยอดดอย 3 ชั่วโมง
           
ถือเป็นบททดสอบความแกร่งของทีมที่กำลังลุ้นแชมป์
           
พวกเขาไม่มีประสบการณ์ตรงนี้มานานมาก ๆ แต่ด้วยประสบการณ์และขีดความสามารถของนักฟุตบอลที่บอกได้เลยว่า เหนือกว่าทุกทีมบนเกาะอังกฤษเวลานี้ ทำให้ ซิตี้ มีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จเป็นแชมป์ในซีซั่นนี้
           
โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก
           
ที่พวกเขาจะเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ต่อจาก “กุหลาบไฟ” แบล็คเบิร์น ในปี 1995 และ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ตั้งแต่ปี 2004 จนถึงนาทีที่แล้ว
           
แม้ว่าหลายๆ คนจะไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าการสร้างทีมในลักษณะแบบนี้ก็ตาม
           
“เงินใช้ผีโม่แป้ง” นี่แหละใช้ได้เลยครับ ในยุคปัจจุบัน หลายคนทะเลาะกันยับโกงกันแทบแย่เพราะกระดาษตราครุฑ

ที่บันดาลทุกอย่างนั่นเอง!

เรื่องโดย "บี แหลมสิงห์"

คอลัมน์ may i come in please นสพ.กีฬารายวันฮอตสกอร์

ติดตามข่าวกีฬารอบโลกได้ที่นี่ http://sport.sanook.com/