บาดแผลแห่งเวนเกอร์

บาดแผลแห่งเวนเกอร์

บาดแผลแห่งเวนเกอร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นธรรมดาของสัตว์โลกที่ย่อมมีผิดพลาด

เพียงแต่บางครั้ง บางที บางเวลา มันก็ไม่ควรจะผิดพลาด เมื่อผิดไปแล้วก็มาว่ากันต่อว่า มันเกิดขึ้นจากอะไร และจะแก้ไขได้หรือไม่

ถ้าไม่ได้ หากไม่ถึงกับฆ่าใครตาย ก็ลองกันใหม่กันอีกที!

แน่นอนเป็นเรื่องธรรมดาที่ย่อมเกิดความผิดพลาดได้ในการทำงาน แต่มันจะแรงขึ้นมาทันที หากมันเกิดขึ้นต่อหน้าคนดูหลายล้านคนบนโลกมนุษย์

แน่นอนว่าทุกคนได้เห็นว่า อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องตกอยู่ในสภาพ “เจ๊อยากตาย” อีกครั้ง เมื่อแท็กติกผิดพลาดเมื่อตัดสินใจถอด อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ปีกดาวรุ่งออกไปจากทีม แล้วส่ง อังเดร อาร์ชาวิน ลงมาเล่น

ท่ามกลางเสียงโห่แบบไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้น!

หลังจากที่ อาร์เซนอล กำลังเดินหมากจากการแก้เกมของ เวนเกอร์ มีโอกาสได้ประตูมากมายหลายครั้ง โดยเฉพาะลูกยิงหมูหกของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่ออกหลังไปแบบน่าโดนด่ามากที่สุด จนกระทั่งนาทีที่ 71 “เดอะ กันเนอร์ส” ก็ได้เริงร่ากันทั้งสนาม จากการได้จังหวะโต้กลับ 


โทมัส โรซิคกี้ วางบอลให้ เชมเบอร์เลน ทางฝั่งซ้ายแล้วเลี้ยงตัดเข้ามา ก่อนจะจ่ายตัดหลังเข้าช่องให้ ฟาน เพอร์ซี่ วิ่งเข้ามากดด้วยซ้าย “ลอดดาก” จอนนี่ อีแวนส์ และผ่านมือ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด ชนเสาตุงตาข่าย

แต่หลังจากนั้นแค่ 3 นาที แฟนบอลทุกคนก็ตกอยู่ในอาการงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อ แชมเบอร์เลน โดนเปลี่ยนตัวออก

ก่อนที่ไม่ถึง 10 นาทีต่อมา อาร์ชาวิน ที่เล่นแบบหมดหัวใจไปตั้งนานแล้วมาพลาดโดน อันโตนิโอ วาเลนเซีย ใช้ความสามารถเฉพาะตัวพลิกบอลหนี ทั้งที่ปกติ วาเลนเซีย ตัวแข็งเป็นไม้ ก่อนบอลจะนัวไปนัวมาและก็เป็น วาเลนเซีย ที่แปะบอลคืนหลังตัดหน้า อาร์ชาวิน กลับมาให้ แดนนี่ เวลเบ็ค สังหารไม่เหลือ

ประเด็นที่หลายคนมองเห็นกันทั่วโลกเช่นเดียวกันก็คือ เวนเกอร์ เปลี่ยนตัว แชมเบอร์เลน ออกไปทำไม และเอา อาร์ชาวิน ลงมาทำไม

จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ที่ เวนเกอร์ ออกมาบอกว่า แฟนบอลโมโหเกี่ยวกับการเปลี่ยนตัว แต่แชมเบอร์เลน เริ่มมีอาการล้าแล้ว แถมสัปดาห์นี้เขาก็ป่วยด้วย เราจึงจำเป็นต้องถอดเขาออกมา ที่สำคัญ ระหว่างดาวรุ่งอายุ 18 กับกัปตันทีมชาติรัสเซีย จึงไม่อยากให้ใครมาถามอะไรอีก เพราะมันมีเหตุผลในตัว

ที่คลาสสิกที่สุดก็คือ เหตุผลอีกข้อของ เวนเกอร์ ก็คือ ผมเป็นผู้จัดการทีมมา 30 ปีแล้ว และเปลี่ยนตัวไปแล้วกว่า 50,000 ครั้ง ผมไม่ต้องมาอธิบาย หรือแก้ตัวกับทุกๆ การตัดสินใจของผมให้สื่อรู้หรอก ผมจะยืนหยัดปกป้อง และสนับสนุนมันต่อไป

ระหว่างที่หลายคนกำลังมองถึงการเปลี่ยนตัวเอา แชมเบอร์เลน ออกไปแล้วเอา อาร์ชาวิน เข้ามา อีกมุมหนึ่งก็ถือว่าน่าสนใจเช่นกัน และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมองข้าม

เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือผีที่แอบมอง ความอลเวงแฟนบอลปืนเริ่มด่าพวกเดียวกันเอง เขาก็เดินแผนด้วยการส่ง พอล สโคลส์ ลงมาเล่นแทน นานี่ ตามด้วยให้ ปาร์ค จี ซอง ลงแทน ราฟาเอล ในนาทีต่อมาทันที

เรียกว่าการเปลี่ยนตัวในเกมนั้นติดๆ กัน 3 นาที 3 คน แต่มันมีผลที่แตกต่างมาก

อาร์ชาวิน ลงมาเสียของ, สโคลส์ ถือว่าพอดิบพอดีเนื่องจาก นานี่ เจ็บ ส่วนตัวหลังสุดนี่แหละถือว่าเป็นแท็กติกที่เหนือจริงๆ

เป็นอีกครั้ง เซอร์เฟอร์กี้ ที่ใช้ไหวพริบประสบการณ์ในการผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของคู่แข่ง กลับมาให้มันเป็นจุดที่เหนือกว่า

การถอย วาเลนเซีย ลงมาเป็นแบ็ก นั่นหมายความว่า ปีกคนนี้จะได้เติมเกมรุกขึ้นเต็มขั้น โดยไม่จำเป็นจะต้องไปเกรงกลัว อาร์ชาวิน

ก่อนที่มันจะส่งผลให้ ยูไนเต็ด กลับมาสู่เกมและได้ประตูที่ต้องการ

หากเกมนี้ผลจบลงด้วยสกอร์ 1-1 แฟนบอลอาจไปนึกเสียดายตรงที่ลูกยิงง่ายๆ ของ เพอร์ซี่ รวมไปถึงการเปลี่ยนตัว แชมเบอร์เลน ออกไปอย่างแน่นอน

แต่ก็จะน้อยกว่านี้เยอะ ถึงเยอะที่สุดในความน้อย

เมื่อมันเป็นแบบนี้จึงกลายเป็นประเด็นขึ้นมา แต่ก็ต้องไม่ลืมนะครับว่า นี่คือทีมที่เคยแพ้กระจายถึง 2-8 เมื่อตอนต้นฤดูกาล แต่วันนี้ใครกันคือคนที่ทำให้สู้ได้อย่างสูสียิ่งขึ้น

ใช่ครับ...คำตอบก็คือ บุรุษรุ่นใหญ่เฟรนช์แมน ที่ถูกโห่อยู่นั่นไง


เรื่องโดย " บี แหลมสิงห์ "

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook