ปืนโต : จบแต่ไม่จบ ???

ในที่สุดอาร์เซนอลก็ปิดฉากอย่างเป็นทางการลงไปในถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก สกอร์นัดแรกมันห่างมากเกินไปจนรู้สึกได้ว่าเส้นทางของปืนโตจบลงแล้ว เพียงแต่ยังลงเล่นไม่ครบตามโควตาเหย้าเยือนเท่านั้นเอง

ก่อนเกมเจอกับมิลานในเลกที่ 2 คาดการณ์กันว่าอาร์เซนอลจะทำผลงานได้ดีเพื่อสร้างทัศนคติที่ถูกต้องของมืออาชีพ เพื่อขวัญและกำลังใจให้อยู่ในทิศทางที่ถูกที่ควร แต่คงไม่สามารถยิงผ่านมิลานไปได้

ทุกอย่างเป็นไปตามนั้นเพราะมิลานเองก็ไม่เหมือนนัดแรกแน่นอน ต้องมีการผ่อนลงมาในระดับหนึ่ง ความเขินอายจากผลการแข่งขันในเลกแรกที่เกาะกินใจนักเตะปืนโตต้องกำจัดออกไปนั่นคือเป้าหมาย

อาร์แซน เวนเกอร์ บอกเอาไว้ว่าจะพยายามทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ อาจจะเกินตัวแต่นั่นคือสิ่งกระตุ้นให้ลูกทีมลบล้างหรือทำให้ความอายเบาบางลงไป

ถูกต้องแล้วครับกับความพยายามของอาร์เซนอลในการพิสูจน์ตัวเอง แม้ว่า 11 ตัวจริงจะไม่ใช่ตัวที่ดีที่สุดของเวนเกอร์ก็ตาม แต่ความมุ่งมั่น ความพยายามที่จะพาตัวเองออกมาจากมุมอับต้องยอมรับและให้กำลังใจกันต่อไป

น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งกับภาพของอาร์เซนอลในตอนนี้ที่ขุมกำลังสนับสนุนข้างสนามโดยเฉพาะกำลังสำรองในเรื่องของเกมรุก มารูยัน ชามัคกับปาร์ค ชู-ยอง คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เวนเกอร์มีอยู่

ในมุมของเอซี มิลาน อย่างที่บอกไปผลจากนัดแรกมีผลต่อการเล่นในเลก 2 อย่างยิ่ง มิลานผ่อนลงไปบ้างแต่ที่แน่ๆคงไม่ผ่อนแบบแย่เหมือนเกมในครึ่งแรกที่โดนอาร์เซนอลส่องไป 3 ประตูแน่นอน

เป็นความผิดพลาดในเกมรับของมิลานเองด้วย และเป็นความพยายามของอาร์เซนอลด้วย การได้ใบเหลืองตั้งแต่ต้นเกมของมาร์ค ฟาน บอมเมล มีผลดีกับอาร์เซนอลเห็นๆ บอมเมลต้องเล่นด้วยความระมัดระวังโฉ่งฉ่างหรือเล่นแบบโง่ๆ ไม่ได้อีกต่อไปกับเวลาที่เหลืออยู่

แม้จะมาเยือนปืนโตด้วยอาการปลอดโปร่งโล่งใจ แต่กับเกมรับที่แย่ในครึ่งแรก ทำให้มิลานต้องกังวลและลนลานกับการเอาตัวให้รอด เป็นเรื่องที่ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นแบบนั้นมันกดดันและอาจจะส่งผลใหญ่หลวงต่อทีมได้

คำถามคาใจเกิดขึ้นอีกแล้ว เอซี มิลาน เหมาะสมหรือยังที่จะไปต่อกรกับยอดทีมจากกระทิงดุ ทั้งเรอัล มาดริดและบาร์เซโลน่า ถ้าจะให้ตอบในนาทีนี้คงต้องบอกว่ายังไม่คู่ควร

กลับมาที่ปืนโตอีกครั้ง อาร์แซน เวนเกอร์ รู้สึกกังวลและบอกไว้ก่อนเกมชัดเจนอีกเรื่องหนึ่งว่า ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกันถ้าโทมัส โรซิคกี้ ไม่พร้อมที่จะลงเล่นในเลก 2

โรซิคกี้คนนี้คือคนเดียวกับที่ปืนโตเซ็นมาจากดอร์ทมุนด์ในปี 2006 และภาพตอนนั้นคือความหวังของทีมคืออนาคตของเวนเกอร์กันเลยทีเดียว

ทว่าเส้นทางอาชีพของโรซิคกี้ติดขัดมาตลอด อุปสรรคใหญ่คืออาการบาดเจ็บ เมื่อรวมฟอร์มที่ขึ้นๆลงๆเข้าไปด้วยทำให้โรซิคกี้มีส่วนช่วยงานอาร์เซนอลไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างที่ต้องการ

ทว่า 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาโรซิคดี้โชว์ผลงานที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งจนเวนเกอร์เทใจให้จนหมด เป็นพลังขับเคลื่อนเกมในแดนกลางของทีม สกอร์แรกในรอบ 2 ปีกับเกมพรีเมียร์ ลีก ที่ยิงสเปอร์สได้ นั่นคือตัวกระตุ้นฟอร์มอย่างดี และเป็นเรื่องที่เวนเกอร์อยากให้เกิดต่อเนื่อง

โรซิคกี้รักษาฟอร์มจากนัดนั้นต่อเนื่องมาได้ และมีสกอร์ในเลก 2 ด้วย ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเวนเกอร์ ที่นักเตะคนหนึ่งซึ่งคาดหวังกันมาตลอดกลับมาเล่นได้โดดเด่นอีกครั้ง

จับคู่กับอเล็กซ์ ซง จนเป็นหัวใจของทีม ขีดเส้นใต้เอาไว้ตอนนี้เลย หลังจากการพยายามเคลียร์ปัญหาเรื่องสัญญากับฟาน เพอร์ซี่ จบลงไปเมื่อไหร่ สิ่งที่เวนเกอร์และปืนโตต้องทำก็คือต้องรีบถกเรื่องสัญญากับอเล็กซ์ ซง เป็นรายต่อไป ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ายังเหลือสัญญาเก่ากันกี่ปี

อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด แชมเบอร์เลน ชื่อนี้ต้องมีการพูดถึงเช่นกัน เป็นอีกหนึ่งความเชื่อมั่นที่อาร์แซน เวนเกอร์ มีให้ ส่งลงไปดวลกับมาร์ค ฟาน บอมเมล ถือว่าไม่ธรรมดา

คงเห็นแววเจิดจ้าและสามารถคาดหวังอนาคตข้างหน้าได้ดี เวนเกอร์ใช้งานอ๊อกเหลดลุยคู่กับอเล็กซ์ ซง ในแดนกลาง ครบเครื่องทีเดียว เทคนิคครบเครื่องการผ่านให้กอสเซียลนี่ กดประตูแรกเล่นเอาเวนเกอร์ชื่นใจไม่รู้จบ รวมทั้งเป็นตัวสร้างความกดดันให้กับนักเตะมิลาน จนเสียจุดโทษและเป็นที่มาของประตูที่ 3

อ็อกซ์เลดต้องการประสบการณ์นั่นเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว เพราะวิลเชียร์ก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน ทว่าเรื่องหนึ่งที่เวนเกอร์ได้เห็นหลังจากมอบหมายงานให้ นั่นคือใช่ว่าแชมเบอร์เลน จะเล่นแต่เกมรุก การลงไปช่วยเกมรับ ทดแทนตำแหน่งของแฟร์มาเล่นที่เติมเกมรุกดูใช้ได้เลย

นาทีนี้ถ้าเทียบกับก้าวแรกที่ได้เริ่มงานกับอาร์เซนอล การพัฒนารุดหน้าไปอีกระดับหนึ่งแล้ว หากนักเตะสักคนหนึ่งสามารถสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง คงต้องให้เครดิตกัน

ทุกย่างก้าวของแชมเบอร์เลน เชื่อว่าต้องเข้าตาและคิดกันไปไกลในทีมปืนโต..

อีกเรื่องหนึ่งซึ่งถือว่าสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอาร์แซน เวนเกอร์กับเกมของอาร์เซนอลในตอนนี้ คงไม่มีใครในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อยากให้แนวรับของทีมเปลี่ยนแปลงไปอีกแล้ว

ที่เหลืออยู่ตอนนี้คือนักเตะเวนเกอร์ต้องการให้สมบูรณ์และใช้งานได้ตลอดรอดฝั่ง ทั้งแฟร์มาเล่น,ซานญ่า,กิ๊บส์และกอสเซียลนี่ อาจจะไม่ใช่ตัวที่ดีที่สุดที่เวนเกอร์ต้องการ แต่เป็นตัวที่สามารถคาดหวังได้ดีที่สุดแล้วในตอนนี้

พื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีกสำหรับกลับไปเล่นอีกครั้งในฤดูกาลหน้าคือสุดยอดของความต้องการ เพราะมันไม่สามารถไปหวังอย่างอื่นได้อีกต่อไป ไม่มีทางเลือก เพราะฉะนั้นในเมื่อทางเลือกข้างหน้ายังคงมีโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ให้พึ่งพา ก็คงต้องมองมาที่เกมรับนี่แหละ

แนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงทีม เปลี่ยนแปลงตัวนักเตะในช่วงซัมเมอร์ของอาร์เซนอล อาจจะไม่ถึงกับมีแนวโน้มเปลี่ยนกันเพียบเหมือนเชลซี

ทว่าเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมก็ต้องเปลี่ยนไปจากที่ผ่านมาค่อนข้างเยอะเช่นกัน ขุมกำลังข้างสนามกับบรรดาตัวจริงต้องสมดุลมากกว่านี้

ไปซื้อหานักเตะด่าวรุ่งหรือเกรดบีเข้ามาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ทว่าถ้าจะซื้อบิ๊กเนมมาร่วมทีมต้องมีเวทีแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นตัวล่อตาล่อใจให้การตัดสินใจของบรรดาสตาร์เหล่านั้นง่ายขึ้น

ความคาดหวังเรื่องราวในเลกที่ 2 ผ่านพ้นไปอย่างที่คิดกันเอาไว้ คืออาร์เวนอลจะเรียกความเชื่อมั่นได้ในระดับหนึ่ง และมิลานก็ต้องผ่อนเกมลงไปในระดับที่คิดเช่นกัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นไม่สามารถผ่านกันไปได้ง่ายๆและยากเกินกว่าจะคิดไกลไปจนถึงขั้นเข้ารอบ

งานหลักของอาร์เซนอลต้องกลับมาที่พรีเมียร์ ลีกอีกครั้ง ในเมื่อโมเมนตัมมันเหวี่ยงมาเข้าทางแล้วเวนเกอร์จะทำได้ดีแค่ไหน นักเตะอาร์เซนอลจะพยายามผ่านช่วงเวลาที่ยุ่งยากได้ดีหรือเปล่า ต้องจับตากันต่อไป ไม่ใช่เด่นแค่นัดเดียวแล้วกลับไปอยู่ในจุดที่ไม่แน่นอนเหมือนที่ผ่านมา แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้จบแล้ว

แต่พรีเมียร์ ลีก ยังคงไม่จบง่ายๆ

" ดามัน "