ฮอลแลนด์กับการเปลี่ยนแปลงระยะสั้น

ฮอลแลนด์กับการเปลี่ยนแปลงระยะสั้น

ฮอลแลนด์กับการเปลี่ยนแปลงระยะสั้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลับมาคุยถึงเกมนัดสุดท้ายหรือเปล่า? ของทีมกังหันกันบ้าง คืนวันที่ 17 นี้เราก็จะได้รู้กันแล้วว่า "ลุ้น 2 ต่อ" จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ ผมเองเชียร์ฮอลแลนด์ยอมรับว่า "เป็นไปได้ยาก" ที่จะยิงโปรตุเกสห่างถึง 2 ประตู แต่ก็ยังลำเอียงพร้อมอดนอนลุ้นทีมรักต่อไป

ผมไม่ได้กลัวว่าฮอลแลนด์จะยิงให้ได้สองประตูเท่ากับกลัวว่าเยอรมันจะไม่เอาจริงในเกมเจอเดนมาร์กมากกว่า..

แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ผมว่างานนี้ ฮอลแลนด์ มีสิทธิไปไกล เพราะถ้ายิงโปรตุเกสได้ห่าง 2 ลูกจริง นี่จะเป็นจุดเปลี่ยนทำให้นักเตะดัตช์กลับมามั่นใจมากขึ้น ได้เล่นในแท็กติกที่เวิร์กกว่าเดิม งานนี้มีเฮครับ (ผมหวังไกลถึงแชมป์เสียแล้ว ทั้งที่ความจริงกำลังร่อแร่ จะตกรอบแท้ๆ ฮ่า)

ฟาน มาร์ไวก์ ประกาศออกไมค์แล้วครับว่า เมื่อแท็กติกสองเกมแรกไม่เวิร์ก นัดสุดท้ายเขาจะเปลี่ยนแปลงทีมใหม่ แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดว่า จะเปลี่ยนแปลงยังไง

สื่อนอกมองว่าน่าจะเป็นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับที่คงไม่ใช้ 2 ตัวแล้วในเกมที่ต้องการประตูอย่างที่สุดแล้วนี้

เห็นด้วยครับ นัดนี้ฟาน มาร์ไวก์ น่าจะเสี่ยงใส่มิดฟิลด์ตัวรุกเพิ่มเข้ามาอีกตัวนึง แต่ระบบทีมผมว่ายังไม่น่าจะเปลี่ยน  น่าจะใช้ 4-2-3-1 เหมือนเดิม ดัตช์เล่นระบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ปุ๊บปั๊บจะมาเปลี่ยนแล้วหวังจะได้ผลเต็มประสิทธิภาพคงจะส่งผลเสียกว่าให้เล่นระบบเดิมแล้วเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆมากกว่า

รายละเอียดที่ว่า ก็น่าจะเป็นเรื่องของตำแหน่งผู้เล่นตัวรับจะเหลือแค่ 1 ตัวแล้วหันมาพึ่งบริการมิดฟิลด์ตัวรุกแทน ฟาน เดอร์ ฟาร์ต คือคนนั้น หรืออาจมีพลิกโผเป็นเควิน สตรูทแมน ถ้าคำนึงถึงเกมรับด้วย

อิบราฮิม อเฟลลาย คงเป็นแค่ตัวสำรองในนัดนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้แยน ฮุนเตลาร์, เดิร์ค เคาท์ หรือ ฟาน เดอร์ ฟาร์ต

ถ้าเป็น ฮุนเตลาร์ นั่นหมายความว่า ฟาน เพอร์ซี่ จะถอยลงต่ำมาเล่นเป็นมิดฟิลด์เชิงรุก เหมือนกับในครึ่งหลังของนัดแพ้เยอรมัน

ถ้าเป็นเคาท์ ก็จะเหมือนเมื่อสองปีที่แล้ว เคาท์ยืนขวา ร็อบเบนซ้าย, สไนเดอร์กลาง และถ้าเป็นฟาน เดอร์ ฟาร์ต ก็จะเป็นสามประสาน ฟาร์ต, สไนเดอร์ และร็อบเบน

สำหรับผมคิดว่า น่าจะตามนี้ครับ (ไล่จากหน้าลงหลัง) ฮุนเตลาร์, สไนเดอร์, ฟาน เพอร์ซี่, ร็อบเบน, ฟาน เดอร์ ฟาร์ต, เดอ ยอง

ในเกมรุก ฟาน เพอร์ซี่ พร้อมที่จะดันเข้าไปอยู่ในเขตโทษลดปัญหากองหน้าอยู่โดดเดี่ยวได้ มีฟาน เดอร์ ฟาร์ต ที่จะคอยหาโอกาสสอดเติมจากแถวสองเข้าไปข้างใน  โดยสไนเดอร์ และร็อบเบน เป็นคนทำหน้าที่ลำเลียงบอลปั้นเกมสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อน

ปัญหาคือเกมรับ หวั่นใจที่สุดก็คือแนวรับทั้งแผงชุดนี้จะรับมือกับ โรนัลโด้, นานี่ อย่างไร?

เกมรับอาจมีการเปลี่ยนแปลงในบางตำแหน่ง แต่เท่าที่ดูจากรายชื่อแล้ว มองยังไงก็ยังหาคนที่ดีกว่าแบ็กโฟร์ตัวจริงไม่ได้เลย

แต่ถ้าถามว่า ถ้าจะเปลี่ยนจริงคนที่มีโอกาสโดนแจ๊กพ็อตมากที่สุด ตอนนี้เห็นจะเป็น เจโทร วิลเลมส์ ไม่ใช่เจ้าหนูวัย 18 ไม่เก่ง แต่ด้วยประสบการณ์ที่น้อยเกินไปมันส่งผลอย่างชัดเจนเมื่อต้องเจอเกมที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน แถมนัดนี้ต้องเจอทั้ง นานี่, โรนัลโด้ ถ้าไม่เอาแบ็กเขี้ยวๆลงสนามคงได้เห็นเหตุการณ์ "ทะลุทะลวง" แบบนัดแพ้เยอรมันอีกเป็นแน่

คู่เซ็นเตอร์คิดว่าคงไม่มีใครดีกว่า มาไธจ์เซ่น, ไฮติงก้า แล้ว คือถ้าจะเปลี่ยนก็จะเป็นไฮติงก้าที่ฟอร์มดร็อปมากจากสองนัดแรก

ในตำแหน่งแบ็กขวา ฟาน เดอร์ วีล มีปัญหากับการจัดการปีกที่มีความคล่องตัวสูง ถ้าจะแทนที่ก็จะเป็น คาลิด บูลาห์รูซ แต่ดูแล้วไม่น่าจะเปลี่ยน เพราะบูลาห์รูซ อ่อนเกมรุกในเกมที่ต้องการสกอร์แบบนี้ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง อีกทั้งในเรื่องของความโฉ่งฉ่าง มีหวังได้เตะโรนัลโด้จนโดนใบแดงเป๋นแน่แท้

ที่เหลือก็คือ อาจเปลี่ยนสูตรการเล่นไปเลย หันมาใช้ 4-4-2 ให้ ฟาน เพอร์ซี่ จับคู่แยน ฮุนเตลาร์ เปิดหน้าสู้วัดกับโปรตุเกสไปเลยแบบเต็มๆ แต่ดูแล้วแผนนี้เกิดขึ้นได้ยาก เหตุผลก็อย่างที่บอกไปแล้วครับ ช่วงเวลาไม่กี่วันจะให้นักเตะเปลี่ยนระบบการเล่นที่เคยเล่นกันมาเป็นปีๆคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่

วันอาทิตย์นี้ 01.45 น. ลุ้นสองคู่ในกรุ๊ป ออฟ เดธ กันแบบมันเร้าใจและหวังว่าปาฏิหาริย์จะมีจริงสำหรับสาวกสีส้ม 100% ครับ

เรื่องโดย "station talk"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook