ควรค่าแก่การติดตาม...???

ควรค่าแก่การติดตาม...???

ควรค่าแก่การติดตาม...???
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สเปน,โปรตุเกส,เยอรมันและอิตาลี เป็น 4 ทีมที่ลุยตัดเชือกกันเพื่อแย่งสิทธิ์เข้าไปชิงชนะเลิศยูโร 2012 ดูจากชื่อชั้นแล้วต้องบอกว่าสนุกสนานอย่างไม่ต้องสงสัย

นับมาถึงรอบตัดเชือกยูโรครั้งนี้ส่องประตูกันไปแล้ว 69 ประตู ไม่มีนักเตะออกมาโอดครวญเรื่องของลูกฟุตบอล ไม่มีใครโอครวญเรื่องของผู้ตัดสิน ในขณะที่มีใบแดงแจ้งโทษแค่ 3 ใบเท่านั้น และมี 2 จุดโทษเกิดขึ้นในเกมการแข่งขัน 1 ในนั้นผู้รักษาประตูสำรองลงมาเซฟได้ด้วย

นัดที่ลุยกันแล้วไม่มีสกอร์ให้เห็นมีเพียงนัดเดียวที่อิตาลีเจอกับอังกฤษ และเราทราบกันดีอยู่แล้วว่าหลังจากนัดนั้นทีมไหนเก็บเสื้อผ้ากลับบ้าน

ไม่มีทีมชาติอังกฤษให้ติดตามผลงานกัน ความสนุกสนานและตื่นเต้นของยูโร 2012 ยังคงเต็มเปี่ยมในการดวลกันของสเปนกับโปรตุเกสและเยอรมันห้ำหั่นกับอิตาลี ในรอบรองชนะเลิศ

แต่ละทีมที่ผ่านเข้ามานั้นคงไม่ใช่เรื่องฟลุ้ค ไม่ใช่เรื่องของโชคลาภวาสนา ทว่าเป็นเรื่องของความสามารถล้วนๆ และแต่ละทีมต่างมีเป้าหมายที่ไม่แตกต่างกันนั่นคือคือไปให้ถึงแชมป์

สำหรับสเปน ทัวร์นาเมนต์นี้กำลังลุ้นความสำเร็จที่ไม่เคยมีทีมไหนทำได้มาก่อน คือความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์หลัก 3 ครั้งติดต่อกัน หลังจากเป็นแชมป์ยูโร 2008 และแชมป์โลก 2010 ยูโรครั้งนี้สเปนกำลังจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นมา ลุ้นกันหน่อยว่าจะทำได้หรือไม่

เยอรมันก็เช่นกัน ผ่านความสำเร็จมาเยอะ แต่ลพทัวร์นาเมนต์เป็นทีมเต็งประจำ ยูโร 2008บดบังรัศมีในยูโร 2008กับฟุตบอลโลก 2012 ยูโรครั้งนี้เยอรมันจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะส่องประกายให้ชัดเจนช่วงชิงความสำเร็จกลับมาให้ได้อีกครั้งหนึ่ง

หลังจากพ่ายสเปนในรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2010 โยอัคคิม เลิฟ เดินเข้าไปแสดงความดีใจกับนักเตะสเปนในห้องแต่งตัว และเป็นการประกาศไปพร้อมๆกันว่า ยูโรครั้งนี้เยอรมันจะคัมแบ็กกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ รอเจอกันได้เลย

ดูเหมือนว่าวันเวลาอาจจะมาตามที่เลิฟเอ่ยปากเอาไว้ ถ้าไม่ใช่ก็ใกล้เคียง อยู่ที่ว่าจะผ่านรอบรองชนะเลิศไปได้หรือเปล่า นาทีนี้บอกได้เลยว่าทั้ง 2 ทีมนั้นใกล้เคียงกันมากๆ

สเปนดวลกับโปรตุเกส ในระดับชาตินั้นผ่านศึกที่ต้องต่อสู้กันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1921 เป็นจำนวน 34 นัดและสเปนสามารถเอาชนะได้ 16 นัดด้วยกัน

ในขณะเดียวกันเยอรมันกับอิตาลี คู่นี้ก็ใช่ย่อย เกมที่ยอดเยี่ยมในฟุตบอลโลกปี 2006 ทั้งคู่เจอกันนีรอบรองชนะเลิศ อิตาลีเป็นฝ่ายดีใจ และไม่ว่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์ไหนหรือฟุตบอลโลกครั้งไหน อิตาลีตอกย้ำความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับเยอรมันได้ทุกครา

ทว่าไม่ใช่สถิติใดจะอยู่ยั้งยืนยง ย่อมมีช่วงเวลาที่สถิติเหล่านั้นต้องเสียความศักดิ์สิทธิ์ไป อย่างสเปนก็แทบจะไม่เคยเอาชนะฝรั่งเศสได้เลยในทัวร์นามเนต์หลัก แต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายที่เพิ่งผ่านไปจัดการลงได้เรียบร้อยแล้ว

เพราะฉะนั้นไม่ว่าสถิติของใครจะเป็นอย่างไร พร้อมที่จะหยุดเอาไว้ในรอบตัดเชือกยูโร 2012 ครั้งนี้ เพราะค่อนข้างที่จะคู่คี่สูสีกันมาก

เป็นที่น่าสังเกตว่า 4 ทีมที่หลุดเข้ามาตัดเชือกมาจาก 2 กลุ่มในรอบแรก บางทีการอยู่กรุ๊ป ออฟ เดธ และออกสตาร์ตแพ้นัดแรกไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่ต้องกังวลก็ได้ เพราะโปรตุเกสสามารถผ่านมาได้ทั้งที่แพ้เยอรมันในนัดแรก ในขณะที่สเปนกับอิตาลีก็อยู่กลุ่มเดียวกัน กินกันไม่ลงในรอบแรก

เป็นไปได้เช่นกันที่คู่ชิงชนะเลิศยูโร ครั้งนี้จะเป็นทีมที่เคยอยู่กลุ่มเดียวกันในรอบแรก ไม่ใช่เรื่องราวที่น่าแปลกใจอะไร ที่ผ่านมาเคยเกิดขึ้นหลายครั้ง ฮอลแลนด์กับรัสเซียในปี 1988 หรือเช็กกับเยอรมัน ในปี 1996 แม้กระทั่งโปรตุเกสกับกรีซในปี 2004

เพราะฉะนั้นการอยู่ร่วมกลุ่มกับทีมใหญ่ ทีมเต็งทั้งหลายในรอบแรกนั้น บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ต้องกังวลอะไรมากก็ได้ คิดในทางที่ดีเอาไว้สุดท้ายไปวัดกันในนัดชิงชนะเลิศอีกครั้ง โอกาสเป็นไปได้มันมีอยู่เป็นประจำ

สเปน,โปรตุเกส,เยอรมันและอิตาลี คือ 4 ทีมที่สุดยอดในยูโรครั้งนี้ และถ้าดูย้อนกลับไปในอดีตฟุตบอลยูโร 5-6 ครั้งที่ผ่านมา ทีมที่เป็นแชมป์หรือเล่นในรอบรองชนะเลิศล้วนเป็นทีมเหล่านี้แทบทั้งสิ้น

เป็นรอบรองชนะเลิศที่มีทีมซึ่งอันดับในแรงค์กิ้งนั้นอยู่หัวแถวโน่นเลย และ 3 ใน 4 ทีมยิงประตูคู่แข่งมากที่สุด แค่คริสติอาโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมโปรตุเกสคนเดียว มีโอกาสส่องประตูคู่แข่งมากกว่าทีมชาติอังกฤษในทัวร์นาเมนต์นี้เลยทีเดียว

ถึงนาทีนี้โรนัลโด้ กับมาริโอ โกเมซ กองหน้าของเยอรมัน ยิงประตูได้เท่ากันที่ 3 ประตู และดูเหมือนว่าการตัดสินดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์เกิดขึ้น ณ จุดนี้ โกเมซ ลงเล่นในบาเยิร์น มิวนิค 52 นัดยิงไป 41 ประตู ในขณะที่คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ลงเล่นให้เรอัล มาดริด 55 นัดยิงไป 60 ประตู ยิงกันเป็นล่ำเป็นสันทีเดียว

สำหรับโรนัลโด้ เวทีนี้อาจจะเป็นเวทีที่กู้ชื่อเสียงเดิมๆกลับมาก็ได้ หลังจากในปี 2004 โด้ยิงประตูฮอลแลนด์และกรีซได้ ทว่าหลังจากนั้นในทัวร์นาเมนต์หลักๆปี 2006,2008,และ2010 รวมกันโรนัลโด้ยิงได้แค่ประตูเดียวเท่านั้นเอง

นาทีนี้ต้องดวลกับสเปนแชมป์เก่า ที่มีเพื่อนร่วมทีมเรอัล มาดริด อยู่หลายคนไม่ว่าจะเป็นอิเคร์ คาซิญาส,เซร์คิโอ รามอส,อัลวาโร่ อาเบลัวและชาบี้ อลอนโซ่ ในขณะเดียวกันโปรตุเกสเองก็มีนักเตะราชันชุดขาวถึง 3 คนคือโรนัลโด้,โคเอนเทราและเปเป้

ล่อไป 7 คนสำหรับนักเตะชุดขาวกับรอบรองชนะเลิศที่สเปนเจอกับโปรตุเกส ก่อนหน้านี้สื่อมวลชนในมาดริด ต่างชูโรนัลโด้คือฮีโร่ของตัวเอง นาทีนี้คงต้องเปลี่ยนทิศทางกันใหม่เพราะกลายเป็นคู่แข่งกันไปแล้ว

ในขณะเดียวกันทั้งเยอรมันและอิตาลี ก็มีเรื่องราวมีนักเตะที่ต้องติดตามกันอีกหลายต่อหลายคน เรียกว่าตามกันทั้งทีมเลยน่าจะเข้าท่ากว่า อันเดรีย ปีร์โล่ โดนมิลานเขี่ยทิ้ง แต่ไปคว้าแชมป์กัลโช่กับยูเวนตุส และกำลังปั้นเกมอย่างสนุกสนานให้กับทีมชาติอิตาลีในตอนนี้

อันโตนิโอ คาสซาโน่ กำลังมีความสุขกับการเล่น ในขณะที่มาริโอ บาโลเตลลี่ ยังคงไว้ซึ่งปริศนา อย่าไปเดาใจอะไรแกเลยผิดเปล่าๆ

เมซุต โอซิลกับซามี่ เคห์ดิร่า 2 แข้งเยอรมันจากราชันชุดขาว กำลังพิสูจน์ตัวเองกับการเป็นแกนหลักสำคัญของทีมชาติเยอรมัน เรื่องราวเหล่านี้ของทั้ง 4 ทีม สามารถเรียกความสนใจจากแฟนบอลทั้งโลกได้อย่างสบายและยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่สามารถตามดูกันได้ในเกมการแข่งขัน

แต่ละทีมต่างพยายามที่จะครองบอลให้ได้มากที่สุด แต่ละทีมพยายามที่จะควบคุมเกมเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าตัวเองเพื่อเข้าโจมตีคู่แข่ง เป็นทิศทางของทีมที่ลงตัดเชือกกันในยูโรครั้งนี้

ส่วนใครจะไปถึงฝันนั้นอีกเพียง 2 ก้าวก็ทราบกันแล้ว

เรื่องโดย "ดามัน"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook