มัจจุราชหน้าโง่!

มัจจุราชหน้าโง่!

มัจจุราชหน้าโง่!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"มัจจุราช"เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับชายที่หัวจิตหัวใจแข็งแกร่งดั่งภูผาหินนามว่า "ฟาบริซ มูอัมบ้า"

ในที่สุดก็ไม่สามารถต้านทานเสียงเรียกร้องของร่างกายไหว แม้คำว่า "หัวใจ" ของบุรุษนามว่า "ฟาบริซ มูอัมบ้า" จะมี 2 ด้านที่ทำให้เราได้พูดถึงกัน ด้านหนึ่งหัวใจของหมอนี่มีเลือดนักสู้อยู่เต็มเปี่ยม ความกระหายในการกลับมาวิ่งโทงๆไล่หวดลูกหนังยังมีอยู่อย่างล้นทะลัก

แต่ทว่าในอีกด้านหนึ่ง ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของชายผู้นี้มันเคยหยุดทำงานมาแล้ว ซึ่งเหมือนกับการส่งสัญญาณเตือนอะไรบางอย่างให้อดีตดาวเตะ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ ฉุกคิดว่าควรหาอะไรอย่างอื่นทำมากกว่าการเล่นฟุตบอลซึ่งอาจทำให้หัวใจของเขาหยุดแบบที่เรียกได้ว่า Stop หาใช่ Pause เหมือนครั้งก่อน

ยื้อชีวิตกับ "มัจจุราช" อยู่พักใหญ่และ "ตาย" ไปถึง 78 นาที ในเกม เอฟเอ คัพ กับ "ไก่เดือยทอง"

ในเกม เอฟเอ คัพ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา "เดอะ ทร็อตเตอร์" บุกมาเยือนสนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน รังเหย้าของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เกมนี้เล่นกันไปได้แค่เพียง 41 นาทีเท่านั้น ในขณะที่ทั้งคู่เสมอกันอยู่ 1-1 เกมก็ต้องมีอันยกเลิกกลางคัน เนื่องจากเกือบจะมีโศกนาฏกรรมลูกหนังเกิดขึ้นในกรุงลอนดอน

เมื่อ ฟาบริซ มูอัมบ้า นักเตะอังกฤษเชื้อสายคองโก เกิดอาการ "วูบ" ร่วงลงไปนอนกับฟลอร์หญ้าสีเขียว แบบไม่เหมือนกับนักเตะที่เจ็บ ขา แข้ง เข่า แขน แต่ร่างของชายวัย 24 ปีรายนี้ออกอาการผิดปกติคล้ายๆกับการชัก ซึ่งในทีแรกเราๆท่านๆที่ได้นั่งชมการถ่ายทอดสดก็ไม่ได้เอะใจอะไรมาก

แต่หลังจากที่ได้สังเกตจากสีหน้าแววตาของนักเตะทั้ง 2 ทีมในสนามแล้ว ภาพของ มาร์ค วิเวียน โฟเอ้ อดีตแข้งทีมชาติแคเมอรูนที่หัวใจวายคาสนามนอนตาเหลือกลงเปลมันแวบเข้ามาในหัวทันที ซึ่งภาพนั้นต้องบอกว่ามันเป็นภาพสะเทือนใจอย่างมาก ซึ่งถ้าหากจำไม่ผิดตอนนั้นผมคงอยู่ประมาณ ม.4-ม.5 เท่านั้นเอง

แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรังของ "ไก่เดือยทอง" มันเริ่มจะเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆเมื่อดูจากอากัปกิริยาของทุกคนในสนามที่ออกอาการลุกลี้ลุกลนผิดปกติ แถมยังมีเพื่อนร่วมอาชีพบางรายเอามือกุมไปที่ใบหน้าเหมือนรู้เป็นนัยๆว่า ปีศาจร้ายนามว่า "มัจจุราช" กำลังเดินทางมาชวน มูอัมบ้า ไปอยู่ด้วยก่อนถึงเวลาอันควร

สีหน้าแววตาของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ในวันที่ มูอัมบ้า เกือบจะลาโลก ก่อนที่ มัจจุราช จะเหม็นขี้หน้า

เหตุการณ์ในสนามวันนั้นค่อนข้างอลม่านพอสมควร หลังจากที่หลายๆคนในสนามเริ่มจะพอเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับกระทาชายผิวสีรายนี้ โดยทั้งผู้เล่นและทีมงานของทั้ง 2 ทีม รวมไปถึงทุกคนที่อยู่ในสนามทั้ง เจ้าหน้าที่ ,หน่วยพยาบาล และคนที่ชมการถ่ายทอดสดอยู่ ณ เวลานี้ ต่างภาวนากันว่าเรื่องร้ายๆคงไม่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา

และทันทีที่ร่างอันไร้สติของ มูอัมบ้า ถูกหามลงเปลพยาบาล เสียงปรบมือกึกก้องกัมปนาทในสนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน ทันที และหลังจากนั้น ฮาเวิร์ด เว็บบ์ ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าวก็เรียก โอเว่น คอยล์ ผู้จัดการทีม โบลตัน และ แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ ผู้จัดการ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ มาพูดคุย ก่อนที่จะตัดสินใจยกเลิกเกมดังกล่าวในที่สุด

ภาพช็อคโลกที่ทุกคนไม่อยากเห็นอีก "มาร์ค วิเวียน โฟเอ้ ดาวเตะแคเมอรูนที่หัวใจวายคาสนาม"

โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่นำตัว มูอัมบ้า ไปรักษาตัวในห้องไอซียู โรงพยาบาลทรวงอกในกรุงลอนดอน มีทั้ง โอเว่น คอยล์ และ เควิน เดวี่ส์ กัปตันทีม ได้ไปในรถฉุกเฉินคนนั้นด้วย และหลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่แพทย์ก็ออกมาแถลงข่าวถึงอาการของดาวเตะรายนี้ว่า

อาการของ มูอัมบ้า ยังอยู่ในขั้นโคม่า แถมแพทย์ยังระบุด้วยว่า ดาวเตะรายนี้หยุดหายใจไปแล้วถึง 78 นาที นั่นหมายความว่า มูอัมบ้า ลาโลกนี้ไปแล้ว (ตาย) เป็นเวลาถึงชั่วโมงกว่าๆเลยทีเดียว ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ระทึกขวัญครั้งนี้เกิดขึ้น ก็มีกำลังใจจากทั่วทุกสารทิศส่งมายังสโมสร โบลตัน ทั้งดอกไม้ คำอวยพร

ในขณะเดียวกันทีมแพทย์กำลังพยายามอย่างหนักในการต่อสู้เพื่อนำวิญญาณของดาวเตะรายนี้กลับมาสู่ร่างท่ามกลางความหวังของคนจำนวนมหาศาลที่ใฝ่ฝันจะได้เห็นมิดฟิลด์รายนี้ลืมตาขึ้นมาดูโลกอีกครั้ง และไม่จำเป็นต้องกลับมาไล่หวดอีก ขอแค่หายใจได้เองก็บุญโขแล้ว

หลังจากเกือบหายเป็นปกติก็กลับมาเช็คเรตติ้งกับแฟนๆอีกครั้ง พร้อมกับเสียงปรบมือล้นหลาม

อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านไป 1 สัปดาห์ก็ดูเหมือนว่า "มัจจุราช" จะไม่ค่อยชอบขี้หน้า มูอัมบ้า เท่าไหร่นัก เมื่อลมหายใจของดาวเตะรายนี้ค่อยๆเข้าๆออกๆจากปอดเจ้าตัวมากขึ้นเรื่อยๆ และมีสัญญาณที่ดีขึ้นตามที่ทุกคนหวังไว้นั่นก็คือการลืมตา อ้าปาก กระดุกดระดิกได้

ซึ่งก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับแฟนลูกหนังทั่วโลกเลยก็ว่าได้ แถมอาการของดาวเตะรายนี้ก็กลับคืนสู่ภาวะปกติมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถกลับมายิ้มแฉ่งถ่ายรูปลงหนังสือพิมพ์ได้ในที่สุดในเวลาต่อมา และในเมื่อ มูอัมบ้า ใกล้จะหายเป็นปกติมากขึ้นเท่าไหร่ ความหวังในการกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งของเจ้าตัวก็มากขึ้นเท่านั้น

แถมยังเข้าไปชมเกมที่ต้นสังกัดเปิดสนาม รีบอค สเตเดียม รับมือ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ในวันพุธที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมาด้วย เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าตัวเกือบได้กระทบไหล่กับ "มัจจุราช" ในครั้งนั้น และได้รับแรงใจจากเสียงปรบมือที่กึกก้องทั้งสนามในวันนั้น แบบที่เรียกว่าดังกว่าพวกบ้าดาราที่คอยกริ๊ดกร๊าดกระตู้วู้แบบเทียบไม่ติดฝุ่น

กำลังใจจากแฟนบอลทั่วโลกส่งตรงมายังหน้าสนาม รีบ็อค สเตเดี้ยม จน มูอัมบ้า มีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป

นอกจากนี้เจ้าตัวยังเปิดใจให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกทั้งน้ำตา เผยถึงสาเหตุที่รอดชีวิตมาแบบปาฏิหาริย์ คงเพราะพระเจ้าช่วยชีวิตเอาไว้ แถมห้องเครื่องผิวสียังออกมาโชว์ลีลาเตะฟุตบอลให้เห็นอีกครั้งที่กรุงดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ เมื่อเมษายนที่ผ่านมา

ซึ่งกระผมได้นำบทสัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์เฉียดตายของดาวเตะรายนี้มาฝากกันด้วยตามนี้เลยครับ "มันมหัศจรรย์มากเลยทีเดียวที่ผมได้เตะฟุตบอลอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกเลยเลยก็ว่าได้หลังจากที่หมดสติไป ทุกอย่างดูเหมือนง่ายนิดเดียวแต่นั้นคงเป็นเพราะผมยังคงหลงรักเกมฟุตบอลอยู่"

ภาพแรกที่เห็นรอยยิ้ม มูอัมบ้า หลังจากเกือบได้ไปกระทบไหล่ มัจจุราช

อย่างไรก็ตาม ความหวังในการกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งของแข้งรายนี้มีอันต้องดับวูบลงเมื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจที่ประเทศเบลเยี่ยมได้แนะนำทางเลือกที่ดีที่สุดของ มูอัมบ้า ว่าให้หันหลังให้กับเกมลูกหนังซะ หากไม่เจอกับเกลอเก่านามว่า "มัจจุราช" อีก

ซึ่งเจ้าตัวก็ทำใจยอมรับแต่โดยดี พร้อมกับกล่าวว่า "มันเป็นเรื่องน่าเสียใจที่ต้องแจ้งข่าวร้าย แต่ว่าผมเองก็ต้องขอบคุณทุก ๆ ฝ่ายเช่นกัน ผมอยากขอบคุณพระเจ้า ที่ยังให้ผมมีชีวิตอยู่ และมีโอกาสได้บอกลากับทีมแพทย์ของสโมสร ที่ไม่เคยยอมแพ้ในการรักษาอาการป่วยของผม

นอกจากนี้ผมอยากขอบคุณทุก ๆ คนที่ให้การสนับสนุนผมเป็นอย่างดีตลอดอาชีพของผม และแฟน ๆ ของโบลตัน ที่เป็นที่สุดสำหรับผม ขอขอบคุณครอบครัวและเพื่อน ๆ ทุกคนของผม ที่ยังคงให้การสนับสนุนผม ให้กำลังใจผมไม่ว่าสถานการณ์จะเป็น

อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลคือชีวิตของผม มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผมตั้งแต่ยังเด็ก ๆ เพราะฟุตบอล ทำให้ผมมีวันนี้ ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้ลงเล่นในระดับสูงอย่างที่ตัวเองฝัน

แต่จากคำแนะนำของแพทย์ จึงเป็นการดีที่สุดสำหรับตัวผม ที่จะประกาศอำลาการเป็นนักเตะอาชีพอย่างเป็นทางการ "

ซึ่งหลังจากที่ดาวเตะ "เดอะ ทร็อตเตอร์" ประกาศเลิกเล่นได้ไม่นาน ต้นสังกัดของเจ้าตัวก็ออกมาเปิดเผยว่าเตรียมที่จะมอบรางวัลความอึดให้กับเจ้าหมอนี่ด้วยการหาตำแหน่งงานในทีม

ซึ่งมีแนวโน้มว่า อาจเป็นตำแหน่งโค้ช หรือ ทูตของสโมสร หรือตำแหน่งใดก็ตามที่มูอัมบ้า ต้องการด้วย

ย่องไปโชว์ลีลาการเดาะบอลให้หายอยากที่ กรุงดูไบ เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา

และหากจะว่าไปแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นอุทาหรณ์สอนใจสำหรับใครก็ได้ที่ใช้ร่างกายทำงานอย่างหนัก ถึงแม้ว่าจะแข็งแรงปาน "คิงคอง" ก็เถอะ

แต่ปีศาจร้ายนามว่า "มัจจุราช" มันโง่จะตายครับ มันไม่รู้เรื่องหรอกว่าใครดีใครชั่ว ใครแข็งแรงหรืออ่อนแอ มันขอแค่ได้ตามรังควานมนุษย์ที่ดวงถึงฆาตเท่านั้น และมันก็เพียงแค่ทำหน้าที่ของมัน แต่ในกรณีที่เกิดขึ้นดังที่กล่าวมานั้น

ถือว่า "มัจจุราช" มันพลาดแบบไม่น่าให้อภัยครับเพราะมันเล่นกับใครไม่เล่น ดันมาเล่นกับชายที่หัวจิตหัวใจแข็งแกร่งดั่งภูผาหินนามว่า "ฟาบริซ มูอัมบ้า"

เรื่องโดย "ต้นหิน"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook