ดาวยิงฟ้าประทานคืนชีพ

นับตั้งแต่อำลา ลิเวอร์พูล มาเล่นให้กับ เชลซี เมื่อช่วงปีใหม่ของปี 2011 เฟร์นานโด ตอร์เรส ก็กลายสภาพจาก ดาวยิงฟ้าประทาน ที่น่าครั่นคร้ามกลายมาเป็นตัวตลกราคา 50 ล้านปอนด์ ทันตา

ตอร์เรส เจอความกดดันเล่นงานจนไปไม่เป็น ต้องรอเกือบพันนาที กว่าจะยิงประตูแรกในนาม "สิงโตน้ำเงินคราม" ได้ ก็ต้องลุ้นแทบใจหายใจคว่ำ ในเกมกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่เขาเลี้ยงบอลท่ามกลางสนามที่เจิ่งนอง เข้าไปในกรอบเขตโทษ บอลเจ้ากรรมดันติดน้ำ ช่วยให้กองหลังเวสต์แฮม 3 คน ถลำไป

ก่อนที่จะเป็น ตอร์เรส ทีหันมาเจอบอลก่อน และยิงเข้าไป แม้ว่าแฟนเชลซี จะแหกปากดีใจด้วยความตื่นเต้นขนาดไหน กับ ประตูนั้นของ เอล นินโญ่ แต่มันก็ปิดความจริงไม่ได้ว่า แค่ประตูนั้นคงไม่สามารถตอบแทนค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ที่ โรมัน อบราโมวิช ทุ่มทุนคว้าตัวเขามาจากอ้อมอก "หงส์แดง" เป็นแน่

เมื่อซีซั่นที่แล้ว เป็นฤดูกาลแบบเต็มตัว ของ ตอร์เรส แต่ว่า ก็ต้องมาเจอกับช่วงที่่น่าผิดหวังภายใต้การคุมทัพของ อังเดร วิลลาส โบอาส ที่อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจให้กับ เอล นินโญ่ เอาซะเลย

เขาอุตส่าห์ซัดประตูแรกของ ซีซั่น ได้ในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยลูดดีดสุดสวยสวนตัว ดาบิด เด เคอา เข้าไป วันนั้นทุกคนคิดว่า นี่แหละ ตอร์เรส คนเดิม ได้กลับมาแล้ว แต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้น เพราะว่าประตูที่เขาทำได้ในเกมดังกล่าว ถูกลืมไปหมด จากลูกหลุดเดี่ยวไร้คนเฝ้าเสาประตูที่เขายิงออกไปแบบเหลือเชื่อ

เกมต่อมา ตอร์เรส ก็เริ่มแสดงสัญญาณให้เห็นว่าเขากำลังจะกลับมา หลังยิงประตู สวอนซี ได้ แต่สุดท้าย ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ประตูของเขา ต้องถูกแลกด้วยอะไรบางสิ่งบางอย่าง

คราวที่แล้ว ประตูสุดสวยของ ตอร์เรส ถูกลืมด้วยการพลาดแบบหมูหก ส่วนคราวนี้ก็เป็นใบแดง จากฟอร์มที่กำลังจะมาก็เลยกลายเป็นไม่มาซะอย่างนั้น แถมทีนี้หายยาวอีกต่างหาก เพราะว่า ตอร์เรส ยิงไม่ได้ติดต่อกันนานถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งมันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก ๆ สำหรับตอร์เรส

พอชายคนนี้ไป ก็เป็นการเปิดทางให้ ตอร์เรส ฉายแสงอีกครั้ง

ไม่ว่าเขาจะยิงจ่อขนาดไหน, หลุดเดี่ยวยังไง โอกาสงามขนาดไหน เล่นดีให้ตายยังไงเขาก็ยังประตูไม่ได้อยู่ดี เหมือนกับคำสาปที่แฟนลิเวอร์พูล ลงมนต์ดำไว้ จนกระทั่ง อังเดร วิลลาส โบอาส โดนปลดออกจากตำแหน่ง

การจากไปของ โบอาส และการเข้ามาของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ถือเป็นการพลิกชีวิต ของ ตอร์เรส ในรั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ เลยก็ว่าได้ เพราะนับตั้งแต่นั้นเขาเริ่มกลับมายิงประตูได้บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าสถานะของเขาเป็นเพียงแค่ตัวสำรองของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ดาวยิงจอมพลังของทีมเท่านั้น

ขนาดทีมได้แชมป์ยุโรป แต่ในรอยยิ้มของ ตอร์เรส ก็มีความคาใจอยู่ เพราะว่า มีการเปิดเผยว่าในเกมรอบชิงชนะเลิศ ที่ปราบ บาเยิร์น มิวนิค นั้นเขาถูกเพื่อนกีดกันไม่ให้ยิงลูกโทษ ซึ่งสาเหตุก็คงมาจากความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ ที่ปีนั้นตอร์เรส ทำอะไรก็ดูเหมือนจะไม่มีโชคเข้าข้าง

ในตอนนั้น ตอร์เรส ถึงขั้นน้อยใจ ขอถกอนาคตกับ โรมัน อบราโมวิช เลยทีเดียว เพราะว่าทางด้านของ ตอร์เรส รู้สึกว่าเหมือนโดนผิดสัญญา จากทีม "สิงโตน้ำเงินคราม"

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันที่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ประกาศอำลา เดอะ บริดจ์ ไป หลายสิ่งหลายอย่างสำหรับ ตอร์เรส ก็เริ่มจะดีขึ้น เขาคว้าแชมป์ยูโร 2012 กับทีมชาติสเปน แถมยังได้ คว้ารองเท้าทองคำในฐานะดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนท์ อีกต่างหาก

มีอาซาร์ เข้ามาทำให้ งานของ ตอร์เรส ง่ายขึ้นเป็นกอง

หลังจากนั้น ความมั่นใจของ ตอร์เรส ก็ดูดีขึ้นทุกขณะ จังหวะเก่าๆ เหมือนเมื่อสมัยที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล ที่ยิงเป้าเข้าเริ่มกลับมา อย่างในจังหวะที่ซัลโว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในคอมมูนิตี้ชิลด์ ที่แม้ว่า ทีมจะแพ้ แต่ตอร์เรส ก็เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม

อีกหนึ่งที่ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับ ตอร์เรส ก็คือเขาเริ่มจะมีดวงเข้ามาช่วยบ้าง อย่างลูกยิงในเกมกับ เร้ดดิ้ง ที่ล้ำหน้าชัดเจน แต่ว่าผู้ตัดสินมองไม่ทัน ซึ่งถ้าเป็นปีก่อน เชื่อว่าธงล้ำหน้าจะต้องถูกยกขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย

และลูกยิงสุดงามในเกมกับ นิวคาสเซิ่ล ก็คงต้องบอกว่า ความมั่นใจของ ตอร์เรส กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ที่สำคัญการที่ตัวเปิดป้อนชั้นยอดอย่าง เอแด็น อาซาร์ และฆวน มานูเอล มาต้า ที่ไม่มีคำว่าหวงบอลแม้แต่น้อย

ทำให้โอกาสของตอร์เรส มากขึ้นตามลำดับ และด้วยความมั่นใจที่เขามีอยู่ในตอนนี้ ดูแล้วสิ่งเดียวที่จะมาหยุดความร้อนแรงของ เขาได้คงจะมีเพียงแค่ อาการบาดเจ็บเท่านั้น

นับจากนี้ เชื่อเหลือเกินว่า ปรากฏการณ์เอลนินโญ่ที่หายไปนานนับปี จะกลับมาป่วนวงการฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง เพราะว่าดาวยิงฟ้าประทานคนเดิมที่เรารู้จักกันดีเขาได้กลับมาแล้ว

แต่คราวนี้แค่เปลี่ยนสีเสื้อจากสีแดง มาเป็น สีน้ำเงิน เท่านั้น

เรื่องโดย "The Nut"