ไทยชนะลาว 2-1 มีอะไรมากกว่าที่เห็น

ไทยชนะลาว 2-1 มีอะไรมากกว่าที่เห็น

ไทยชนะลาว 2-1 มีอะไรมากกว่าที่เห็น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผ่านพ้นไปเรียบร้อยสำหรับศึกนัดอุ่นเครื่องที่มีความหมายมากกว่าแค่คำว่า "กระชับมิตร" สำหรับการดวลแข้งระหว่าง ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติลาว

ก่อนเกมหลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมทีมชาติไทยถึงหาทีมดีๆ มาอุ่นเครื่องด้วยไม่ได้? แต่ผมขอบอกว่า ชั่วโมงนี้ ทีมชาติลาว คือทีม "ดีๆ" ที่ท่านถามถึง

บางคนยังติดภาพเก่าๆ ที่มองว่า ทีมชาติลาว คือสมันน้อยของอาเซียน ที่มักจะโดนทีมอื่นรุมยำเป็นประจำ

แต่จากสายตาของผม 3-4 ปีที่ผ่านมา ทีมชาติลาว กลายร่างจากสมันน้อยเป็น "ราชสีห์" ตัวหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว

ดังนั้นการจะบอกว่า ทีมชาติลาว ไม่ใช่ทีมดีๆ คงต้องบอกว่า "ไปคิดดูใหม่"

จาก 90 นาทีที่ผ่านพ้นไปในช่วงหัวค่ำของวันพุธที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา แฟนลูกหนังชาวไทย คงได้เปิดโลกกว้าง และยอมรับความจริงว่า วินาทีนี้ ทีมชาติไทย แทบจะไม่ได้ดีไปกว่า ทีมชาติลาว แม้แต่น้อย

แม้บนสกอร์บอร์ดจะแสดงออกมาว่า ทีมชาติไทย เอาชนะ ทีมชาติลาว 2-1 แต่ในความเป็นจริง หากใครได้ดูรูปเกม ต้องยอมรับว่า ผลเสมอ น่าจะยุติธรรมสำหรับทั้ง 2 ทีมมากกว่า

ไม่ใช่ผมจะบอกว่า ทีมชาติไทย ไม่สมควรเป็นผู้ชนะ หรือจุดโทษซึ่งนำมาสู่ประตูชัยของทีมชาติไทยไม่สมควรได้ เพียงแต่อยากบอกว่า เสียดายแทนทีมชาติลาว ที่ต้องแพ้กลับไปเท่านั้นเอง

เพราะเท่าที่ได้นั่งติดขอบสนามตั้งแต่ต้น ผมรู้สึกประทับใจลีลาและสไตล์การเล่นของ ทีมชาติลาว ที่สามารถทำให้ "อดีตพี่เบิ้ม" ของอาเซียนอย่าง ทีมชาติไทย ต้องวิ่งไล่บอลกันหัวซุกหัวซุน

ต้องขอชมทางด้าน "โคกิชิ คิมูระ" กุนซือชาวญี่ปุ่นของทีมชาติลาวที่สร้างทีมได้อย่างยอดเยี่ยม และยังมีการวางแผนการเล่นไปแบบแยบยล โดยพวกเขาวางแท็กติกแบบ "รู้จักตนเอง" นั่นคือ รู้ว่าความแข็งแกร่งเรื่องร่างกายสู้ไทยไม่ได้ ก็เน้นเกมรับให้แน่น และรอจังหวะสวนกลับเล่นงาน

ที่สำคัญแนวรุกแต่ละคนของ ทีมชาติลาว ต่างเต็มไปด้วย "ทักษะ" และ "ความสามารถเฉพาะตัว" ที่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะ 3 ประสานในแดนหน้าอย่าง คำแพง สายวุฒิ, กัลยา สายสมหวัง และโสภา ผู้ยิงประตูเบิกร่องให้ลาว

หันกลับมาดูทีมชาติไทย แม้เกมนี้จะเอาตัวรอดไปด้วยชัยชนะแบบหวุดหวิด 2-1 จากจุดโทษที่ ชัยยะ มหาปราบ มอบให้ในช่วงท้ายเกม แต่ต้องยอมรับว่าเกมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเรายังเล่นไม่ดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะ "ครึ่งแรก" ที่ดูแล้วเราเล่นเหมือนทีมระดับหางแถวของอาเซียน

ไม่ว่าจะเป็นจังหวะจ่ายบอลที่ผิดพลาดบ่อยครั้ง หรือการเข้าปะทะ ที่มักจะถูกผู้เล่นลาวหลอกกินฟาวล์อยู่อย่างต่อเนื่องๆ

จิรวัฒน์ มัครมย์ คือนักเตะที่จ่ายบอลเสียบ่อยที่สุด และเล่นแย่ที่สุดตามสายตาของผมใน 45 นาทีแรก ส่วน ธนา ชะนะบุตร ก็เป็นผู้เล่นที่มีบทบาทน้อยที่สุดของไทย แถมโอกาสทองที่เขาได้ ก็ยิงทิ้งขว้างแบบไม่เห็นค่า จนทำให้ วินฟรีด เชเฟอร์ ทนไม่ไหวถึงขั้นเปลี่ยนตัวออกมาทั้งที่ยังไม่จบครึ่งแรก

ในช่วงพักครึ่งผมไม่รู้ว่า "วินนี่" ไปพูดกระตุ้นอะไรนักเตะไทย ครึ่งหลังถึงได้ทำผลงานออกมาแบบ "หน้ามือเป็นหลังมือ"

เพราะตลอด 45 นาทีหลัง ทีมชาติไทย ไล่บี้ ทีมชาติลาว จนแทบไปไม่เป็น และมายิง 2 ประตูพลิกแซงชนะในที่สุด

ประตูจากจุดโทษผมไม่ขอพูดถึง เพราะตามสายตาของผม แม้ สุรชาติ สารีพิมพ์ จะถูกนักเตะลาวดึงเสื้อจริง(ภาพมันฟ้อง) แต่ในความคิดของผมเห็นว่า ชัยยะ มหาปราบ เป่าให้จุดโทษง่ายไปหน่อย

เพราะตามธรรมชาติของจังหวะเตะมุม มันต้องมีการดึงเสื้อหรือดึงแขนผู้เล่นฝ่ายตรงข้างอยู่แล้ว (ไม่เชื่อไปจับตาดูได้ทุกเกมในโลกใบนี้) ดังนั้นหากกรรมการทั่วโลกเป็นแบบ ชัยยะ มหาปราบ ทุกเกมในโลกใบนี้จะต้องมีจุดโทษไม่ต่ำกว่า 5-6 ครั้งในแต่ละเกม

แต่ก็นั่นแหละ มันอยู่ที่ "ดุลยพินิจ" ของผู้ตัดสิน ที่ผมไม่อาจจะไปก้าวก่ายได้ คงต้องแล้วแต่ทุกท่านจะพิจารณากันเอาเอง

ส่วนประตูตีเสมอที่ ทีมชาติไทย ทำได้ ต้องขอชมความขยันของ สุรชาติ สารีพิมพ์ ที่วิ่งพล่านตลอดเวลาที่ได้ลงสนาม (เป็นตัวสำรอง) ซึ่งผมดูแล้ว แม้ความ "เฉียบคม" ยังต้องพัฒนาอีกมาก (ยิงจ่อๆ 2-3 ครั้งไม่เข้า) แต่อย่างน้อยกองหน้าสไตล์นี้ ทีมชาติไทย "ควรมี"

จากการขยันวิ่งหาตำแหน่งของ สุรชาติ สารีพิมพ์ นี่เอง ที่ทำให้ พิชิตพงษ์ เฉยฉิว จ่ายทะลุช่องไปให้ยิงประตูตีเสมอได้ ซึ่งหากจังหวะนั้นกองหน้าทีมชาติไทยยังเป็น กีรติ เขียวสมบัติ ผมมองว่า เราก็คงยังไม่ได้ประตูตีเสมอ

ผมไม่ได้จะบอกว่า สุรชาติ สารีพิมพ์ เก่งกว่า กีรติ เขียวสมบัติ เพียงแต่อยากจะบอกว่า สุรชาติ สารีพิมพ์ ดูจะมีประโยชน์มากกว่า กีรติ เขียวสมบัติ ในเกมกับทีมชาติลาว

สำหรับผู้เล่นคนอื่นๆ ที่ต้องขอชื่นชมในเกมนี้คงเป็น ธีราทร บุญมาทัน, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว และปิยพล บรรเทา ที่สร้างความปั่นป่วนให้กับเกมรับของ ทีมชาติลาว ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าบางจังหวะ ปิยพล บรรเทา จะทำเสียแบบไม่น่าเสียก็ตาม

อย่างไรก็ดี อย่างน้อยจากชัยชนะในแมตช์นี้ คงทำให้เก้าอี้ของ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี แข็งแรงขึ้นมาอีกหน่อย เพราะก่อนหน้านี้ท่านนายกสมาคมฟุตบอล เจอมรสุมหนักเหลือเกิน (ทั้งเรื่อง บ.แดอัน 21, สนามฟุตซอลหนองจอก, กมธ.กีฬา, สิทธิประโยชน์ไทยลีก)

ส่วนหลังเกม "โคกิชิ คิมูระ" กุนซือชาวญี่ปุ่นของทีมชาติลาว ได้กล่าวสั้นๆ แต่ชาญฉลาดว่า "ทีมลาวฟอร์มตกในเกมนี้ และยังเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่" (นี่ขนาดเล่นไม่ดียังบุกมาแพ้ไทยแบบหวุดหวิด แสดงว่าหากเล่นดีคงจะชนะไทย)

นอกจกานั้น มร.คิมูระ ยังได้กล่าวชื่นชม ชัยยะ มหาปราบ ผู้ตัดสินชาวไทยในเกมนั้นว่า "สวดยวด" (ไม่รู้ประชดรึเปล่า)

ทางฝั่ง วินฟรีด เชเฟอร์ เฮดโค้ชทีมชาติไทย กล่าวว่า "ครึ่งแรกทีมไทยเล่นไม่ดี แต่ครึ่งหลังเล่นดีขึ้นจนสามารถแซงชนะได้ ซึ่งจากเกมแมตช์นี้ตนพอเห็นเค้าลางแล้วว่า ใครเหมาะสมที่จะติดทีมชาติไปลุย ซูซูกิ คัพ"

จากที่ร่ายมาทั้งหมด เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน(ย้ำ...ความคิดเห็นส่วนตัว) ผมไม่ได้ต้องการจะตอกย้ำหรื่อซ้ำเติมทีมชาติไทย เพียงแต่อยากจะติเพื่อก่อ เนื่องจากผมอยากเห็นฟุตบอลไทยพัฒนาไปข้างหน้าให้ทัดเทียมระดับ เกาหลี, ญี่ปุ่น

เพราะในอดีต เราเคยเอาชนะ เกาหลี, ญี่ปุ่น มาแบบสบายเท้า แต่ทุกวันนี้โดนพวกเขาถล่มแบบเรียบวุธ

ดังนั้นผมไม่อยากเห็น ทีมชาติไทย ที่เคยถล่มเอาชนะ ลาว, กัมพูชา, พม่า, ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ในอาเซียน ต้องมาโดนทีมเหล่านั้นเอาชนะในอนาคต...

เรื่องโดย "nutnaldo"

ฟุตบอลนัดอุ่นเครื่อง ไทย 2- 1 ลาว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook