ถ้าคุณเป็น “ซัวเรซ” ในโลกเหรียญ 2 ด้าน

ถ้าคุณเป็น “ซัวเรซ” ในโลกเหรียญ 2 ด้าน

ถ้าคุณเป็น “ซัวเรซ” ในโลกเหรียญ 2 ด้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ผมมองว่า "โชคดี" ที่มีเกมนานาชาติมาเบรกฟุตบอลลีก 2 สัปดาห์ เพื่อให้แต่ละสโมสรได้ "ประเมิน" ผลงาน และสถานการณ์ของตัวเองทั้งในแง่ดี และไม่ดี

บางครั้งบางคราวนะครับ เราต้องการ "เวลา" เพื่อจะได้เขยิบจากสิ่งที่ทำอยู่ประจำไปมองหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับตัวเรา และนำมาปรับปรุงแก้ไข

ผมเขียนแบบนี้ก็เพราะตัวเอง "เอือม" เต็มทนแล้วกับเฮดไลน์ "ซัวเรซ พุ่งล้ม!" ที่เกิดขึ้นแทบจะทุกสัปดาห์จนทุกคนแทบจะลืมความสามารถที่แท้จริงของหัวหอกอุรุกวัยรายนี้กันไปแล้ว

จากแบ็กกราวนด์ของเรื่อง เราคง "ปฏิเสธ" ความจริงไม่ได้ว่า หลุยส์ ซัวเรซ มี "ฉายา" และได้รับมรดกตกทอดเป็นชื่อเสียงเสียๆ ในฐานะ "ผู้นำ" ของผู้เล่นต่างชาติในพรีเมียร์ลีก ยุคปัจจุบันที่ "พุ่งล้ม" เอาจุดโทษมากที่สุด

การพยายาม "ตบตา" กรรมการด้วยการแกล้งล้มเพื่อจะเอาฟาวล์ไม่ว่าจุดใดของสนามอันอาจมีผลให้ทีมตัวเอง "ได้เปรียบ" เช่น ได้จุดโทษ หรือคู่ต่อสู้โดนใบเหลือง ใบแดง คือเรื่องน่าละอาย และถือว่า "ขี้โกง" (Cheat) สำหรับเกมกีฬาที่ควรแข่งขันด้วยใจบริสุทธิ์ตามเกม และมีน้ำใจนักกีฬา

ความจริงข้างต้นนี้ไม่มีใครเถียง ทุกคนเห็นด้วย 100%

แต่ก็มีความจริงอีกด้านเหมือนกันว่า ซัวเรซ ถูก "ตัดสิน" อย่างไม่เป็นธรรมจากการเป็นซัวเรซ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสนาม

เช่นเกมล่าสุดกับสโต๊ค ที่ยังทำให้ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล รักษาสถิติชนะในบ้านได้เพียง 2 นัดในปี 2012 ได้ต่อไป ที่เราได้เห็น ซัวเรซ โดน "กระทำ" หลายเหตุการณ์ อาทิ โรเบิร์ต ฮูธ ย่ำเข้าที่หน้าอกตอนล้มต้นเกม แต่กรรมการไม่เห็น หรือฮูธ หยุดซัวเรซที่กำลังหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษ แต่โดนแค่เหลือง

หรือที่โดนตอดนิดตอดหน่อยตลอดเกม โดย "ภาพรวม" หอกวัย 25 ปีก็ "รับมือ" ได้ดี กระทั่งมาพลาด "ครั้งเดียว" ปล่อยนิสัยเดิมขาอ่อนแล้วพุ่งล้มในกรอบเขตโทษ นาทีที่ 74 จนเป็น "ภาพข่าว" โด่งดังไปทั่วโลก

ประเด็นคือ สถานการณ์ของซัวเรซกำลังเข้าตำรา ความดีไม่ปรากฏ แต่หาก "ชั่ว" ครั้งเดียวจะโดนยำเละตุ้มเป๊ะทันที ดังที่ โทนี่ พูลิส ให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวหลังเกมว่า สิ่งที่ซัวเรซกระทำจังหวะนั้น Embarrassment หรือเป็นสิ่งที่น่าละอาย


"เอฟเอ" ควรจะลงโทษแบน 3 นัดฐาน "พุ่งล้ม" เพื่อให้เป็นตัวอย่าง และให้ซัวเรซหยุดกระทำนิสัยแบบนี้ พร้อมทั้งอารัมภบทอีกเยอะแยะจนดาวเตะยอดเยี่ยมทวีปอเมริกาใต้เละเป็นโจ๊ก

แต่สิ่งที่พูลิสไม่ได้พูด หรือพูด "ไม่ครบ" คือ เอฟเอควรจะลงโทษ โรเบิร์ต ฮูธ ที่ย่ำ "เต็มทีน" ลงบนหน้าอกคู่แข่งที่ล้มลงอยู่ที่พื้นเขตโทษฐาน Gentleman Misconduct หรือไม่มีน้ำใจเป็นนักกีฬาหรือไม่?

กล่าว คือ หากจะพูด ควรพูดทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกทีมตัวเอง และคู่แข่งให้หมด หรือไม่พูดเลย เพราะหากพูดวิจารณ์ทีมอื่นโดยไม่ดูทีมตัวเอง ผมว่า "ไม่ยุติธรรม"

กรณีนี้คล้ายกับที่ อลัน พาร์ดิว มาเรียกร้องให้ "เอฟเอ" ลงโทษย้อนหลัง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จากการที่วิ่งแล้วยกศอกเหวี่ยงใส่หน้า โยฮัน กาบาย มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสของนิวคาสเซิล

"เอฟเอ" ยกฟ้อง แต่สิ่งที่พาร์ดิวควร "ยอมรับ" และพูดถึงด้วยก็คือ วิธีการเล่นฟุตบอลที่ "สกปรก" ของ ชีค ติโอเต้ กองกลางของตัวเองที่ "ย่ำคู่แข่ง" ไม่รู้กี่ครั้ง

เปรียบประเด็นพูลิส และพาร์ดิว ก็คือ การจะพูดจะพิจารณาใดๆ ต้องมองให้ครบ "หน้าเหรียญ" ทั้ง 2 ด้าน ไม่ใช่แค่มองด้านเดียว

ส่วนกรณีซัวเรซ ผมดูแล้วไม่ "แตกต่าง" นักจากสมัย เจอร์เก้น คลินส์มันน์ ย้ายจากโมนาโกมาเล่นให้สเปอร์ส ฤดูกาล 1994/95 ที่มาพร้อมฉายา "จอมพุ่ง" ตั้งแต่เท้ายังไม่แตะพื้นสนามบินฮีทโธรว์

"คลิ้นส์ซี่" แสดงอารมณ์ขัน แต่ "เสียดสี" อย่างแยบยลด้วยการพุ่งสไลด์ตัวลงไปกับสนามราวกระโดดน้ำหลังทำประตูแรกของตัวเองได้ในแมตช์กับ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์

แฟนบอล "ชอบใจ" ครับ และสื่อมวลชนอาจจะฮาบ้าง ไม่ฮาบ้างในระยะแรก แต่สุดท้ายหลังซัลโวประตูรวมได้ 29 ประตูในฤดูกาล 1994/95 ดาวเตะเยอรมันสามารถซิวรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีจากสมาคมผู้สื่อข่าว ฟุตบอลอังกฤษได้สำเร็จ

ผมเองอยากเห็นซัวเรซก้มหน้าก้มตาเล่นแต่ฟุตบอลด้วยวิธีการที่ถูกต้อง หาใช่สไตล์ "ล้มง่าย" หรือมีแท็กติกประมาณเลี้ยงเข้าเขตโทษแล้ว "รอโดน" ซึ่งจะไม่มีทางทำให้สถานการณ์ของตัวเขาเองดีขึ้น

ซัวเรซควรปรับทัศนคติ เลิกมองว่า โลกทั้งโลก และกรรมการทุกคน "ต่อต้าน" เขา และหันมามุ่งมั่นใช้ฝีเกือกฟุตบอลพูดแทนคำพูดเหมือนคลินส์มันน์ และ "ชนะใจ" ผู้คนให้ได้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา

แต่ผมมั่นใจว่า "คอบอล" ตัวจริงทุกคนพร้อมจะให้กำลังใจ และรอคอยซัวเรซโฉมใหม่ได้ครับ...

เรื่องโดย "Kai Mook Dum"

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ ถ้าคุณเป็น “ซัวเรซ” ในโลกเหรียญ 2 ด้าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook