ฟุตบอล : "สวรรค์" นัด 7 ของ "บิ๊กโฟร์" พรีเมียร์ลีก 2012/13

ฟุตบอล : ขออนุญาต "เก็บตก" พรีเมียร์ลีกอีกสักวันก่อนที่พรุ่งนี้จะ "โหมโรง" แคมเปญทีมชาติอังกฤษสู้ศึกบอลโลก 2014 นัดที่ 2 และ 3 ของตัวเองนะครับ

แบ็คกราวนด์ คือ ศึกพรีเมียร์ลีก นัดสวรรค์ชั้นที่ 7 เริ่มต้น "เปิดหัว" ที่เกมแมนฯซิตี้ "เปิดซิง" ซันเดอร์แลนด์ ได้สำเร็จ 3 - 0, ตามด้วยเชลซี ถล่มนอริช 4 - 1, อาร์เซนอล บุกไปชนะในดาร์บี้แมตช์กับเวสต์แฮม 3 - 1และแมนฯยูฯ โชว์ฟอร์มสุดสวยปราบ นิวคาสเซิล 3 - 0 ถึงถิ่น

ทั้งหมด คือ "ตัวเต็ง" ในส่วนหัวตารางที่ต่างเก็บชัยชนะได้รวด และทำผลงานได้ดีมากพร้อมรับคำ "ชมเชย" มากมายจากทุกเกจิ

รีวิวเริ่มที่ "แชมป์เก่า" ซิตี้ เกมนี้เหลือเชื่อครับว่า เป็นเกมแรกในฤดูกาลนี้ที่ลูกทีมของโรแบร์โต้ มันชินี่ เก็บ "คลีนชีต" ไม่เสียประตูโดย อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ดาวเตะเซอร์เบีย ทำผลงานได้ "ประทับใจ" ผมมากที่สุดในทีมที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์อยู่แล้ว

หลังเกม ไมคาห์ ริชาร์ดส ที่เพิ่งจะคัมแบ็กกลับมายังถึงกับคุยฟุ้งว่า ทีมเรือใบสีฟ้า "เข้าฟอร์ม" แล้วซึ่งก็ดูมีเค้าโครงความจริงให้เห็นหลังจากเล่นไม่ค่อย "เข้าตา" ตั้งแต่เปิดฤดูกาล

ส่วนตัวเป็นห่วงแค่สถานการณ์ของ มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าอิตาเลี่ยนที่โดนเปลี่ยนออกแล้วทำ "เสียมารยาท" ด้วยการเดินเข้าอุโมงค์ออกไปเลยแทนที่จะมานั่งข้างสนาม

จาก "ภาพรีเพลย์" ใครที่เห็นอาจไม่สังเกต แต่ผมมองว่า "ผิดปกติ" ที่มันชินี่ ทำไมถึงนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้โดยไม่ "ชายตา" แลลูกทีมจอมรั้นคนนี้แม้แต่น้อย

ขณะที่รายงานยังแจ้งว่า บาโลเตลลี่ จองตั๋วเครื่องบินกลับอิตาลีทันทีเช่นกันในคืนนั้นในแมตช์ที่หลังถูกเปลี่ยนตัวเดี๋ยวเดียว กุน อเกวโร่ ที่ลงไปแทนก็ซัลโวประตู 2 - 0 ได้

ทุกอย่างจึงดูเหมือน บาโลเตลลี่ เป็น "ผู้แพ้" เต็มตัว และสถานการณ์ระหว่างหัวหอก why always me กับทีมจึงน่าเป็นห่วงต่อไปเฉพาะอย่างยิ่งในวันหนึ่งวันใดข้างหน้า มันชินี่ต้องใช้บริการ "ซูเปอร์มาริโอ" แน่นอน ทว่ามันชินี่กลับ "แมเนจ" นักเตะรายนี้ได้ไม่เนียนเท่าที่ควร

ถัดมาที่แสตมฟอร์ม บริดจ์ ของเชลซีทีมที่เล่นได้ "ตื่นเต้น" ตั้งแต่แมตช์แรก และโชว์ผลงานได้แทบจะไร้ที่ติก่อนจะถล่มนอริชซึ่งเกมรับยังเละเป็นโจ๊กไป 4-1 ตามหลังแมตช์ที่เพิ่งแพ้ลิเวอร์พูล 5-2

รวม ๆ แล้ว เชลซีซึ่งปราบอาร์เซนอลมาแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงยกเว้นประเด็นตอร์เรสที่ผมพูดเสมอว่า หมอนี่ดูแปลก ๆ แม้จะยิงไปได้ถึง 6 ประตูแล้ว แต่นั่นเป็นแค่ "ตัวเลข"

เพราะหากวิเคราะห์โอกาสที่ตกมาหา หรือการพาตัวไปหาโอกาสของหัวหอกสเปนที่ "พลาดเยอะ" มาก แล้วเปลี่ยนตอร์เรสเป็น แกรนต์ โฮลต์ (นอริช) หรือสตีเฟน เฟลตเชอร์ ของซันเดอร์แลนด์ ผมเชื่อว่า ตัวเลขน่าอยู่ที่ประมาณ 8 ถึง 12 ประตู

งานนี้ "อากู๋" โรมันต้องกล้า และหากควักซื้อฟัลเกามาตอนตลาดเปิดรอบ 2 ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก รับรองว่า ไม่ไปไหนครับ

ขยับมาที่อาร์เซนอลซึ่งแน่นอนว่า ชิรูด์ยิงได้แล้วด้วยสถิติเท่ากับเบิร์กแคมป์ (7 นัด) และดีกว่าอองรี (11 นัด) แต่ "ไฮไลต์" กลับเป็นฟอร์มอันยอดเยี่ยมของดาวเตะสเปน ซานติ กาซอร์ล่า ที่ไม่มีใครแม้กระทั่งอาร์เซน เวนเกอร์ ทราบว่า ดาวเตะรายนี้ถนัดเท้าไหน!?

ธีโอ วัลคอตต์ ก็ยิงได้อีกครั้งท่ามกลางข่าวลือเยอะแยะเกี่ยวกับสัญญาฉบับใหม่ในเกมที่อัพตัน ปาร์ค ซึ่งเป็นอีกครั้งที่คอบอลทั่วโลกได้เห็นผลงานที่แท้จริงของ แอนดี้ คาร์โรลล์ ที่พูดได้คำเดียวว่า "สุโค่ย"

เห็นคาร์โรลล์ซึ่งเพิ่งคัมแบ็กกลับมาโชว์ฟอร์มแล้ว แฟนหงส์เช่นผม และคุณ ๆ คงงงว่า แบรนแดน ร็อดเจอร์ส ปล่อยมาได้อย่างไร? หรือทำไมตอนอยู่ลิเวอร์พูลถึงเล่นได้ไม่ดี

แต่โดยรวมก็ถือว่า เวนเกอร์ และปืนใหญ่ ทำได้ดีมากที่บุกมาเอาชนะขุนค้อนของ แซม อัลลาไดซ์ ที่สไตล์การเล่นเป็นไม้เบื่อไม้เมากับกุนซือเวนเกอร์มาตลอดได้สำเร็จ

สุดท้ายคือ แมตช์ที่ สปอร์ต ไดเร็กต์ อารีน่า ที่ซีซั่นหน้าจะเปลี่ยนชื่อกลับไปเป็น เซนต์ เจมส์ ปาร์ค เพราะบริษัทเงินกู้ Wonga สปอนเซอร์รายใหม่ "ใจดี" ไม่ขอรับเงื่อนไขสปอนเซอร์ชิพดังกล่าว

แมตช์นี้ แมนฯยูฯ เล่นได้ดีมากเช่นกันในระบบที่ใช้ เวนย์ รูนีย์ อยู่ "หน้าต่ำ" หรือจะเรียกว่า หัวไดมอนด์ของมิดฟิลด์ก็ได้โดยมี เคลฟเวอร์รี อยู่ซ้าย, คางาวะอยู่ขวา และคาร์ริค เป็นฐานไดมอนด์ อยู่หน้าเฟอร์ดินานด์ และอีแวน (หรือทั้งหมดรวมทั้งเวลเบ็ค จะ "สลับตำแหน่ง" กันอย่างน่าดูชมตลอดเวลา)

ระบบนี้ทำท่าจะเวิร์ก และ "ปลดปล่อย" ทั้งรูนีย์ และฟาน เปอร์ซีย์ ขณะที่เคลฟเวอร์รีก็ดูแฮปปี้แถมยังทำให้แผงมิดฟิลด์ของทีมปิศาจแดงแน่นขึ้นด้วย

อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคู่แข่ง นิวคาสเซิลใช้กองหน้า 2 ตัว: เดมบา บา และปาปิส ซิสเซ่ ที่จะทำให้กลาง 4 คนเป็นรองทันทีเหมือนที่กาลาตาซารายเจอมาแล้ว และดูเหมือนจะเข้าทางทีมท่านเซอร์ไม่นับประตูที่ซิสเซ่โหม่งเข้าไปแล้วในครึ่งหลังแต่กรรมการมองไม่ทันซึ่งอาจ "เปลี่ยนเกม" ได้

ครับ นี่คือสถานการณ์ ณ ปัจจุบันที่ทำท่าจะเข้าที่เข้าทางระดับขึ้นสวรรค์หลังนัดที่ 7 ได้อยู่แล้วของบรรดา "บิ๊กทีม" แต่ก็ดันมาโดน International Break 2 สัปดาห์มาคั่น

คราวนี้นักเตะทีมชาติจะกลับมาในสภาพใด และ "โมเมนตัม" ทีมใดจะสูญหายหรือไม่ อีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าเราคงได้รู้กันครับ

เรื่องโดย "Kai Mook Dum"