ศึกชิงเก้าอี้นายกบอล ‘ไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร'

ศึกชิงเก้าอี้นายกบอล ‘ไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร'

ศึกชิงเก้าอี้นายกบอล ‘ไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร'
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้งสำหรับ การแย่งชิงบัลลังก์ประมุขลูกหนังไทย เมื่อ ขั้วอำนาจเก่า, ขั้วอำนาจใหม่ และ คลื่นลูกใหม่ เริ่มมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นเป็นระลอก หลังจากเก้าอี้ทองคำตัวนั้นกำลังจะหมดวาระของ นายวรวีร์ มะกูดี ที่นั่งครองมานานถึง 3 สมัย (6 ปี) ติดต่อกัน

แม้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ว่า บทสรุปสุดท้าย ใคร? จะได้บัลลังก์ประมุขลูกหนังไทยไปครอบครอง เพราะจนถึงขณะนี้มีเพียงแค่ นายพินิจ งามพริ้ง ประธานกลุ่ม "เชียร์ไทย พาวเวอร์" ที่ออกมาประกาศตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมชูแผน 10 ปี ในการพัฒนาบอลไทยอย่างจริงจังเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

นายพินิจ งามพริ้ง

ขณะที่ "ขั้วอำนาจเก่า" ของ "บังยี" นายวรวีร์ มะกูดี ยังคงเก็บตัวเงียบ ไม่มีการเปิดเผยความเคลื่อนไหวใดๆ แม้กระทั่งวันและเวลาในการเลือกตั้ง มีแต่คาดกันว่าน่าจะมีขึ้นหลังเดือนมีนาคมถึงต้นเมษายน ทั้งนี้ คงต้องรอการยืนยันจากที่ประชุมสภากรรมการของ สมาคมฟุตบอลฯ หลังจบจากศึกชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 42 ระหว่างวันที่ 23-26 ม.ค.นี้

ส่วนทางฝั่ง "ขั้วอำนาจใหม่" อย่าง บุรีรัมย์ และ ชลบุรี 2 แกนหลักที่ประกาศตัวพร้อมปักธงรบกับขั้วอำนาจเก่าในครั้งนี้ ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ออกมาเช่นกัน มีเพียงกระแสข่าวออกมาแค่ว่า นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ให้อำนาจการตัดสินใจในการคัดสรร "แคนดิเดต" ผู้ที่จะลงสมัครเลือกตั้งเป็นของฝั่ง ชลบุรี

นายอรรณพ สิงห์โตทอง

ซึ่งเรื่องนี้ นายอรรณพ สิงห์โตทอง หัวเรือใหญ่ฝั่งชลบุรี ก็ยังไม่ได้มีการประกาศตัวออกมาชัดเจนว่าจะส่งใครเป็นผู้ท้าชิงในครั้งนี้ พร้อมกับการสยบข่าวลือที่ออกมาว่าจะส่ง "บิ๊กป๋อม" อดิศักดิ์ เบญจศิริวรรณ อดีตผู้จัดการฟุตซอลทีมชาติไทย และประธานพัฒนาฟุตซอล นั้น ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด

นั่นเองทำให้สถานการณ์ในตอนนี้เปรียบเสมือน "สงครามเย็น" ที่ทุกฝ่ายต่างใช้กลยุทธ์ความนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถหยั่งรู้ได้เลยว่า คู่ต่อสู้นั้นจะมาไม้ไหน และรูปแบบใด

แน่นอนว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ละฝ่ายคงต้องเตรียมการออกมาให้แนบเนียนที่สุดเพื่อให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้ หลังจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วต้องบอกว่าทางฝั่งของ ชลบุรี และ บุรีรัมย์ นั้นพลาดท่าเสียทีให้กับขั้วอำนาจเก่าของ "บังยี" อย่างเจ็บแสบ

นายเนวิน ชิดชอบ

ในครั้งนั้น ขั้วอำนาจใหม่ค่อนข้างมั่นใจในฐานเสียง เมื่อกล้าเปิดเผยตัวผู้ท้าชิงอย่าง "บิ๊กก๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ออกมาท้าดวลกับ "บังยี" แต่สุดท้ายขั้วอำนาจเก่ายังอาศัยความเก๋าเกมที่มีมากกว่าก่อนจะเพลี่ยงพล้ำ เมื่อให้เหตุผลว่า มีสโมสรสมาชิกจากจำนวนทั้งหมด 154 เสียง ลงคะแนนซ้ำซ้อนเกินกว่า 1 เสียง ทำให้ต้องเลื่อนการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยออกไปอย่างไม่มีกำหนด ก่อนจะกลับมาเลือกตั้งกันใหม่อีกครั้ง

และคราวนั้น ผลการเลือกตั้งก็เป็นไปตามคาด เมื่อ นายวรวีร์ ได้คะแนนโหวตท่วมท้นถึง 123 เสียง ขณะที่ นายวิรัช ได้ไปเพียง 44 เสียง ทำให้เก้าอี้นายกสมาคมลูกหนังยังตกอยู่กับ นายวรวีร์ เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน

จากเหตุการณ์ครั้งนั้น หลายคนทราบกันดีว่าตัวแปรสำคัญที่ทำให้ "ขั้วอำนาจเก่า" พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ นายเนวิน กลับมาเทคะแนนเสียงให้กับ นายวรวีร์ นั่นเอง

ทว่า "ไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร" ตลอดการบริหารงานสมัยที่ 3 ของ นายวรวีร์ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับ นายเนวิน ในหลายๆ เรื่อง เริ่มจากการที่ นายเนวิน และทีมงาน ประกาศถอนตัวออกจากการทำทีมเยาวชน 16 ปี ทีมชาติไทย ทั้งๆ ที่เพิ่งไปคว้าแชมป์ อาเซียน คัพ ที่ สปป.ลาว มาหมาดๆ หลังจากถูก สมาคมฟุตบอลฯ ริบสิทธิในการเป็นเจ้าภาพจัดศึกชิงแชมป์เอเชียที่สนาม ไอ โมบาย สเตเดี้ยม อย่างกะทันหัน

หลังจากนั้นเป็นต้นมา "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" จึงอุบัติขึ้น จนทำให้มีประเด็นต่างๆ ที่ทั้ง 2 ฝ่าย งัดออกมาฟาดฟันกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการออกมาทวงถามเรื่องการดูแลสิทธิประโยชน์ ฟุตบอลไทยลีกของ นายเนวิน พร้อมกับการตั้งข้อสงสัยว่า เงิน 200 ล้าน ในการสนับสนุนทีมไทยลีกหายไปไหน? รวมถึงการหักหน้า "บังยี" ของ นายเนวิน ที่ไม่ไปรับถ้วยแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ที่เชียงราย และเรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย

จึงทำให้เชื่อได้ว่า การเลือกตั้งประมุขลูกหนังไทย ในครั้งนี้ จะไม่มี "หนังม้วนเก่า" กลับมาฉายซ้ำอีกรอบหนึ่งอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม "เมื่อสงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร" การเลือกตั้งครั้งนี้ยังคงต้องฟาดฟันกันจนถึงวินาทีสุดท้าย เมื่อฝ่ายหนึ่งประกาศออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า ต้องการจะนั่งเก้าอี้ตัวเดิมต่ออีกสมัย ขณะที่อีกฝ่ายก็ต้องการจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงและสังคายนาสมาคมฟุตบอลไทยใหม่

คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ไพ่ใบสุดท้ายของทั้งคู่ ใครจะเหนือกว่ากัน?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook