ความผิดซ้ำซากของหงส์

ความผิดซ้ำซากของหงส์

ความผิดซ้ำซากของหงส์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นอีกครั้ง ที่ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นถึงแนวทางการเล่นอันยอดเยี่ยมจนสมควรเป็นผู้คว้า 3 แต้มมาครอง

แต่ถึงกระนั้น นี่ก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขาทำหมูหกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากความผิดพลาดของคนโน้นที คนนี้ที...โดยครั้งนี้ โฆเซ่ เรน่า คือคนที่ต้องรับเคราะห์ไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สถิติระบุชัดแบบเหลือเชื่อว่า ลิเวอร์พูล ยังคงไม่สามารถชนะทีมในกลุ่ม 10 อันดับแรกได้เลย ในการแข่งขันซีซั่นนี้
 
2 เกมที่เจอกับ แมนฯ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้....ลิเวอร์พูล ทำได้แค่เสมอแบบน่าชนะทั้ง 2 เกม หลายๆ คนน่าจะยังจำได้กับช็อตจ่ายบอลคืนหลังของ มาร์ติน สเคอร์เทล ที่ถวายพานให้กับ คาร์ลอส เตเวซ หลุดเข้าไปล่อเป้าแบบดื้อๆ ได้ในเกมที่ แอนฟิลด์ ก่อนที่ เรน่า จะมาซ้ำรอยเดิมอีกรอบเมื่อวันอาทิตย์


 
ขุนพล "หงส์แดง" เกือบจะยัดเยียดความปราชัยให้กับ ซิตี้ คาบ้านได้เป็นทีมแรก นับตั้งแต่พ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค.

แต่สุดท้ายแล้วก็สวรรค์ล่ม หลายๆ คนตั้งแง่ว่าอันที่จริงแล้ว ลิเวอร์พูล ไม่ได้เล่นดีขนาดนั้น เพราะทั้ง 2 ประตูที่ได้มา ก็เกิดขึ้นจากการยิงนอกกรอบทั้งหมด
 
แต่เราคงต้องไม่ลืมเช่นเดียวกันว่า ลิเวอร์พูล คือเจ้าของสถิติกระซวกประตูจากนอกกรอบเขตโทษได้มากที่สุดในซีซั่นนี้!

เจอร์ราร์ด อุตส่าห์คืนฟอร์มการยิงไกลอันหนักหน่วงและแม่นยำ แต่...


 
มันคือพื้นที่ทำการของ "หงส์แดง" ในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เหมือนกับที่ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และสตีเว่น เจอร์ราร์ด แสดงให้เห็นในเกมล่าสุด ฉะนั้น ถ้าจะบอกว่าฟลุ๊ค! บางทีนั่นอาจเป็นการตัดสินที่โหดร้ายเกินไป
 
ลิเวอร์พูล มีจังหวะเข้าทำและการครองบอลที่ไม่ได้เป็นรอง "เรือใบสีฟ้า" เลยแม้แต่น้อย เกมรุกของพวกเขาดูมีสมดุลและหลากหลายขึ้นอย่างชัดเจน ภายหลังจากที่ครึ่งซีซั่นแรก หลุยส์ ซัวเรซ คือคนแบกทุกอย่างอยู่เพียงผู้เดียว แต่ตอนนี้ เขาไม่ต้องทำงานหนักขนาดนั้นอีกแล้ว
 
เป็นฟอร์มที่ต้องบอกว่าไม่เสียดายที่ คาร์โรลล์ ย้ายไปสักนิด
 
สเตอร์ริดจ์ ยิง 4 ประตู จาก 6 นัด, สตีวี่ จี เค้นฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมา ขณะที่ 2 แข้งที่เคยเป็นเพียงส่วนเกินและเกือบจะถูกขายทิ้งอยู่รอมร่ออย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และสจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ก็กลับมาเล่นได้ดีขึ้น โดยถึงแม้จะไม่ถึงขั้นสุดยอด แต่ก็ไม่ได้บู่เหมือนช่วงแรกๆ อีกต่อไป
 
นั่นแสดงให้เห็นว่า ร็อดเจอร์ส ค่อนข้างจะให้ความยุติธรรมกับนักเตะทุกคนอยู่เหมือนกัน ทั้งๆ ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยพูดชัดเจนว่าจะปล่อย เฮนโด้ และดาวนิ่ง ออกจากทีมแน่ในช่วงเดือนม.ค.   
 
สเตอร์ริดจ์ ถูกคว้าตัวมาพร้อมกับกระแสจากผู้คนรอบข้างที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ แฟนๆ ของ เชลซี แทบจะจับเขาผูกโบว์ใส่กล่องของขวัญให้กับ "หงส์แดง" ไม่ไหวแล้ว ขณะที่เหล่าสาวก "เดอะ ค็อป" ก็สวดภาวนาบอกว่าอย่ามาเลย


 
เสียงลือเสียงเล่าขานเรื่องความเป็นพ่อเลี้ยง, เห็นแก่ตัว, ไม่รู้จักทีมเวิร์ค และอื่นๆ อีกบลา บลา บลา..... ถาโถมเข้าใส่ สเตอร์ริดจ์ แต่ในท้ายที่สุดแล้วจนถึงวันนี้เขายังจะดูไม่บ้าเลี้ยงเท่าไหร่นัก ขณะที่การประสานงานร่วมกับเพื่อนร่วมทีมก็เป็นไปด้วยดี โดยเฉพาะกับ "คิง หลุยส์"
 
รายงานหลังจบเกมที่ อิติฮัด ระบุว่า สเตอร์ริดจ์ มีอาการบาดเจ็บตั้งแต่ในครึ่งแรก แต่เขาก็ยังโชว์สปิริตฝืนเล่นต่อในอีก 45 นาทีหลัง       

ทุกๆ คน รวมไปถึง "บีร็อด" รู้ดีว่าจุดอ่อนของ ลิเวอร์พูล ชุดนี้คือเรื่องของเกมรับ ที่ยังมองหาความสม่ำเสมอไม่ได้, แบ็ก 2 ข้าง ถ้าไม่นับตัวจริงอย่าง โฆเซ่ เอ็นริเก้ และเกล็น จอห์นสัน พวกขุมกำลังสำรองก็ยังทดแทนได้ไม่ดีพอ

ขณะที่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟยิ่งไม่ต่างกัน เพราะมีหมุนหลักๆ อยู่แค่ 3 คน นั่นก็คือ สเคอร์เทล, แอ็กเกอร์ และคาร์ร่า
 
รู้ถึงปัญหา, เข้าแทรกซึมแก้ไข แต่จะได้ผลดังหวังหรือไม่ บางทีคำตอบอาจจะยังไม่เกิดขึ้นในซีซั่นนี้

พวกเราก็ได้แต่หวังว่า ร็อดเจอร์ส จะได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองต่อไปด้วยเวลาที่นานพอที่เราจะได้เห็นผลลัพธ์


"ยอดขวัญ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook