ได้โปรด "ปิศาจแดง" คว้าแชมป์ UCL 2013 (จบ)

ได้โปรด "ปิศาจแดง" คว้าแชมป์ UCL 2013 (จบ)

ได้โปรด "ปิศาจแดง" คว้าแชมป์ UCL 2013 (จบ)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ต่อจากเมื่อวานนะครับ...

ศึก "ราชันชุดขาว vs ปิศาจแดง" ถึงชั่วโมงนี้น่าจะการันตีความฮอตในระดับที่ โจเซ่ มูรินโญ่ ได้ให้สัมภาษณ์ไว้หลังเกม "ผี - ทอฟฟี่" ว่าเป็นเกมมหาชนได้อย่างแน่นอน

โดยในแมตช์ "ซูเปอร์ซันเดย์" ที่ทีมของท่านเซอร์ปราบเอฟเวอร์ตันได้นิ่ม ๆ 2-0 มูรินโญ่ก็เข้ามาเป็นสักขีพยานชมเกมการแข่งขันนัดนี้ด้วยตนเอง

เขียนถึงตรงนี้ก็นึกถึง เชลซีที่ "เดลี่ เมล์" อีกแล้วครับท่านนำ Dossier หรือข้อมูลเฉพาะที่เชลซีเตรียมไว้ก่อนแมตช์ปะทะวีแกนมาเปิดเผย

ครับ ผมกำลังพูดว่า "ระดับอาชีพ" ที่เป็นระดับโลก เช่น พรีเมียร์ลีก หรือลีกสูงสุดยุโรป "ท็อป 5 ลีก" จะต้องมีหัวหน้าแมวมอง หรือทีมงานเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐาน จุดแข็ง และจุดอ่อนของคู่แข่งขันอยู่แล้ว(ก็ต้อง "ชื่นชม" น้ามู นะครับ ที่อุตส่าห์มาทำการบ้านเพิ่มเติมด้วยตนเอง)

เช่น ระบบการเล่น, นักเตะสำคัญ และวิธีการเล่น, การรับมือลูกตั้งเตะ, วิธีการเข้าทำประตูอันประกอบด้วย ยิงไกล/เจาะตรงกลาง/เจาะโดยเน้นครอสส์จากริมเส้น/หรือมีนักเตะที่สามารถลากหลบ-มีความเร็วที่สร้างความแตกต่างได้ด้วยตนเอง

ตัวอย่างเช่น ท่านเซอร์ได้ "เรียนรู้" อดีตพอประมาณ และแฟนทีมปิศาจแดงคงต้องยอมรับนะครับว่า ปัจจุบันนี้แมนฯยูฯเล่นฟุตบอลโดยคำนึง "คู่แข่ง" ก่อนปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับมากกว่าสมัยก่อนมาก

ล่าสุด การใช้ ฟิล โจนส์ เสมือนเป็นเงาตามตัว มารูยาน เฟลไลนี นักเตะเอกของเอฟเวอร์ตันจนไปไม่เป็น หงุดหงิด งุ้นง้าน แต่ก็ต้องชมไอ้หัวฟูเบลเยียมในมุมที่ "ไม่หลุด" จนอารมณ์เสีย และอาจจะโดนใบแดง

ทั้งนี้ ในแมตช์แรกของฤดูกาล หรือการเจอเอฟเวอร์ตันช่วงหลัง ทีมปิศาจแดงเจอพิษสงเฟลไลนีที่ถือว่าสร้างความ "แตกต่าง" ได้อย่างมาก

เฟลไลนี่จะมี "ประสิทธิภาพ" สูงสุดใน "final third" หรือส่วนสุดท้ายของสนาม ดังนั้นหน้าที่ของโจนส์คือ "จำกัด" อาณาบริเวณ และทำให้เฟลไลนี่รู้ว่า มี someone คอยตามรังควานอยู่

ก่อนหน้านี้ เฟอร์กี้ก็เคยใช้ โจนส์ อดีตกองหลังแบล็คเบิร์น "จับตาย" แกเร็ธ เบล มาแล้ว และก็ค่อนข้างได้ผลอันแสดงให้เห็นชัดเจนครับว่า ท่านเซอร์ "ปรับตัว" ตามเกมคู่แข่งขนาดไหนในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน

คือ ผมกำลังจะพูดว่า วันเวลาที่ "เฟอร์กี้" หรือใครก็ตาม (อาจจะยกเว้นบาร์เซโลน่า และทีมชาติสเปน ซึ่งล่าสุดก็ใส่นักเตะบาร์ซ่า 9 คนปราบอุรุกวัย) จะสั่งให้ลูกทีมลงสนามแล้วหวังลุ้นให้นักเตะทั้ง 11 คนเล่นเกม "ตามธรรมชาติ" และชนะคู่แข่งขันนั้นหมดลงแล้ว

ครั้งล่าสุดที่เฟอร์กี้ทำเช่นนั้นใน "บิ๊กแมตช์" น่าจะเป็นเกมนัดไฟนอล UCL 2010/11 ที่พลพรรครักเอย แมนฯยูไนเต็ด โดนทีมต่างดาว บาร์เซโลน่า สอนเชิงเยิน 3-1

อย่างไรก็ดี และวกมาที่ "หน้าที่" ของ ฟิล โจนส์ ที่แม้แต่เสียงของผู้สันทัดกรณีก็แตกออกไปว่าจะ Man to man "โด้จิ๋ว" คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ดีหรือไม่? หรืออย่างไร!?

ทั้งนี้ โรนัลโด้ จะเคลื่อนที่ไปทั่วมากกว่า เฟลไลนี และความสามารถเฉพาะตัวโดยรวม "คนละชั้น" กับนักเตะเบลเยียม

ดังนั้น การจำกัดพื้นที่ เช่น บีบโดยนักเตะที่อยู่ใกล้ (ก็โจนส์เป็นหลักนั่นแหละ) ให้ออกไปริมเส้น หรือใครใกล้ก็เอาทีละ 2-3 คน "ซ้อนกัน" น่าจะเป็นแท็คติกสำคัญในการ "ป้องกัน" อาวุธอันตรายที่สุดของทีมชุดขาว

มากกว่านั้น เราน่าจะ "คาดหวัง" เวนย์ รูนีย์ ยืน "หน้าต่ำ" แต่จะไม่ต่ำเฉย ๆ ทว่าคงจะจัดการกับตัวคุมจังหวะอย่าง ซาบี้ อลองโซ่ ด้วยเช่นกัน

ไมเคิล คาร์ริค ที่มีทั้งคนรัก และคนเกลียด เพราะความ "ธรรมด๊า ธรรมดา" ก็อาจมีประโยชน์ในแมตช์แบบนี้ดังที่ถูก "เก็บตัว" ไว้ข้างสนามเหมือน ริโอ เฟอร์ดินานด์ ในแมตช์ล่าสุด

ทั้งนี้ คาร์ริค คือ คนที่ไว้ใจได้สำหรับทีม โดยเฉพาะการ "เก็บบอล" และเสียบอลยากอันเป็น "จุดเด่น" ที่แม้ไม่หวือหวาแต่ก็จำเป็นสำหรับเกมเยือนสนามอันร้อนระอุ เช่น เบอร์บาบิว

หลัก ๆ น่าจะเป็น 3 แท็คติกที่ "เฟอร์กี้" เตรียมใช้ในแมตช์นี้โดย "อิงคู่แข่ง" หาใช่ปล่อยนักเตะลงไปเล่นเกมตัวเองซึ่งทำไม่ได้ในเกมระดับ UCL

สุดท้าย และเป็นดัง "เฮดไลน์" ของผมครับนั่นคือ หลังจบเกมกับทอฟฟี่ที่ทำให้แมนฯยูฯทิ้งขาด 12 แต้มแชมป์เก่า แมนฯซิตี้ โทรฟีพรีเมียร์ลีก สมัย 13 ไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ ในกอไผ่ หรือเป็น "ตามเป้า"

ขณะที่ถ้วยเกียรติยศอีก 1 ใบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แม้จะเจอ "งานหิน" แต่ก็คงไม่ได้เกินความสามารถใด ๆ และผมในฐานะ "แฟนหงส์" รวมถึงตัวแทน "ทีมอื่น ๆ" ของพรีเมียร์ลีก ขออนุญาตเอาใจช่วยจากใจจริง (แฮ่ม!)

เพราะด้วยวัย 71 ปี หาก "เฟอร์กี้" ซิว UCL สมัย 3 ได้สำเร็จพร้อม ๆ กับแชมป์ PL สมัย 13 เมื่อนั้นคงไม่มีเวลาใดเหมาะสมที่สุดกับการ "รีไทร์" อย่างยิ่งใหญ่

อันเสมือนเปิดโอกาสให้ "ชาวบ้าน" ได้ลุ้นแชมป์ PL มากขึ้น และเป็นเหตุผลหลักที่ผมต้องเชียร์แมนฯยูฯสู่แชมป์ UCL ปีนี้ครับ

เรื่องโดย "Kai Muk Dum"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook