บอลเสมอแต่ท่านเซอร์ชนะคะแนน

บอลเสมอแต่ท่านเซอร์ชนะคะแนน

บอลเสมอแต่ท่านเซอร์ชนะคะแนน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : สุดยอดไหมครับ? คุ้มค่าการ "ถ่างตา" และรอคอยชม "เกมมหาชน" เรอัล มาดริด - แมนฯยูไนเต็ด หรือไม่?

เป็นคำถามที่ไม่ยากจะตอบเลยครับ เพราะหากใครมีโอกาสได้เป็นสักขีพยานนั่งดูเกมคู่นี้ แม้จะแค่ชมผ่านหน้าจอโทรทัศน์ในยามวิกาล ตี 2.45 น.ก่อนจะไปจบตอนใกล้ ตี 5 ผมเชื่อว่า ไม่มีใคร "เผลอหลับ" คาจอทีวีแน่นอน เพราะเกมสนุก ดูมัน ตื่นเต้น และเต็มไปด้วยแข้งนักเตะระดับโลก

ส่วนตัวผมเอง ตื่นมา ตี 3.50 น.และได้ดูครึ่งหลังนิดหน่อยก่อนจะขับรถบึ่งไปตึก "ทิปโก้" พระราม 6 ซึ่งเป็นที่ตั้งสตูดิโอ ออกอากาศของ "ทรู วิชั่นส์" ช่อง TNN24 เพื่อออกอากาศสดรายการ "ทันเกมส์@TNN24" เวลาตี 5 - ตี 5 ครึ่ง

แต่ตัวเองก็มาดูภายหลังตอนบ่าย ๆ เพราะตั้งอัดผ่านเครื่อง "ทรู วิชั่นส์ พีวีอาร์" เอาไว้ ซึ่งต้องบอกอีกครั้งว่า "สะดวก" ครับสำหรับคนทำงานไม่เป็นเวลา หรือไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่มี "รายการโปรด" ต้องดู

ครับ เกมชิงไหว ชิงพริบ ทุกวินาทีแบบนี้ กุนซือทำหน้าที่ได้เพียง "วางแผน" และกำหนด "แท็คติก" การเล่นซึ่งท่านเซอร์ "เซอร์ไพรส์" คอบอลทั่วโลกมากกว่า "น้ามู" ด้วยการส่ง แดนนี่ เวลเบ็ค ลงเป็นตัวจริง

และก็เป็นเวลเบ็ค หัวหอกทีมชาติอังกฤษครับที่หนีการประกบของ แซร์โจ้ รามอส ก่อนกระโจนเขกประตูแรกให้ทีมปิศาจแดงได้ away goal อย่างเร็วตั้งแต่นาทีที่ 20

ประตูดังกล่าวเป็นเพียงประตูที่ 2 ใน 28 นัดหลังของเวลเบ็คเท่านั้นนะครับ แต่ดูเหมือนจะมีความสำคัญมาก ๆ แม้ว่าอีกเพียง 10 นาทีถัดมา คริสติอาโน่ โรนัลโด้ จะโหม่งประตูตีเสมอ 1-1 ได้ทันควันก็ตาม

พูดถึงการทำประตูจาก "การโหม่ง" ผมเชื่อว่า มูรินโญ่ ต้องผิดหวังอย่างแรงที่เสีย away goal จากลูกคอร์เนอร์ซึ่งเป็นลูก "ตั้งเตะ"

ส่วนตัวผมยังมอง "แอบงง" ว่า ทำไมซีซั่นนี้ ทีมปิศาจแดงถึงทำประตูจาก "ลูกโหม่ง" หรือเกมกลางอากาศได้เยอะกว่าปกติ!?

คุณมาร์ติน ไทเลอร์ ผู้บรรยายของ "สกาย ทีวี" อังกฤษ ระบุว่า นี่คือประตูที่ 17 จากลูกโหม่งของทีมปิศาจแดงในฤดูกาลนี้

ด้วยเหตุนี้ "น้ามู" ยิ่งควรต้องผิดหวังที่ไม่สามารถป้องกันความเสียหายได้กับทีมที่จริง ๆ แล้วถนัดการ "เข้าทำ" หลากหลายหาใช่ "ไดเร็กต์ เพลย์" เช่น ลูกกลางอากาศ

ขณะที่ ลูกเขกของโรนัลโด้ ก็ควรพูดถึงในแง่ที่สามารถ "แขวนตัว" อยู่กลางอากาศได้นานชนิด ปาทริซ เอฟร่า ทำได้แค่ "อ้าปาก" ยืนมองการครอสส์จาก อังเคล ดิ มาเรีย มาที่ศีรษะโรนัลโด้ ทางเสาสอง

ครับ นี่คือความ "พิเศษ" ของฟุตบอลระดับโลกที่ 2 ยอดทีมยุโรปซึ่งเน้นเกมบนพื้นดินกลับได้ประตูจากลูกกลางอากาศ

ขณะเดียวกัน "ภาพรวม" เกมนี้ ผมมองว่า ความหวือหวา วูบวาบ และโอกาสทั้ง Half chance หรือไม่โอกาสแบบจะจะ ทว่าสามารถเกิดประตูได้ในวันเป็นใจ ทีมชุดขาวสร้างสรรค์ได้มากกว่า

ทว่าเมื่อ ดาวิด เด เกอา ไม่พลาดเลย เช่น ไม่รับกระฉอก แถมยังยืนถูกที่ถูกเวลาเหมือนมี "ผีบอก" ทีมชุดขาวจึงต้องทำใจครับ

ขณะเดียวกัน แมนฯยูฯมีความดุดัน หรือหมัด "น็อคเอาท์" ดีกว่า ยิ่งแท็คติกที่ใช้ ไมเคิล คาร์ริค + ฟิล โจนส์ ยืนคุมหน้าเซนเตอร์ฮาล์ฟ และ "คอยซ้อน" ฟูลแบ็คได้ผล

การโต้กลับโดยมีหัวหอกคม ๆ นำโดย โรบิน ฟาน เปอร์ซี หรือตัวจี๊ดอย่าง เวลเบ็ค จึงพร้อมจะสร้างสรรประตูได้ตลอดเวลาเช่นกัน

โดยหลังเสมอกัน 1-1 ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก ผมไม่เชื่อเลยว่า เกมจะจบด้วยสกอร์นั้น แต่มันก็เป็นไปแล้ว และทำให้แมตช์ เลก 2 วันที่ 5 มี.ค.ดูมี "คุณค่า" น่าติดตาม และจะยิ่งเรียก "น้ำย่อย" ให้น่ารับประทานได้มากขึ้น

เพราะขนาดเกมนี้ยังมี "build up" หรือพรีวิวก่อนเกมมากมาย และหลากหลายแง่มุมซึ่งล้วนดีมานด์ "ทักษะ" สื่อมวลชนในการสร้างกลยุทธ์ทำข่าวมาแข่งขันกัน

ดังนั้นเกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด จึง "การันตี" ประตู และความมันส์ เกรด "5 ดาว" อย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างไรก็ดี หากจะหาผู้ชนะคะแนนในเลกแรกที่ "ไฟนอล สกอร์" เท่ากันผมคิดว่า ท่านเซอร์ กับแท็คติกการใช้เวลเบ็ค และคาร์ริค + โจนส์ เฉือนชนะน้ามู

ยิ่งตอน มูรินโญ่ เปลี่ยนดาวเตะอาร์เจนไตน์ ดิ มาเรีย แล้วใส่ ลูก้า โมดริช ลงมาแทนผมแทบ "ช็อค" เป็นลมไปเลย เพราะดิ มาเรีย คือ นักเตะที่อันตรายที่สุดของทีมชุดขาวในแมตช์นี้

ฟาบิโอ โคเอเทรา กับตำแหน่งแบ็คขวาที่เล่นราวกับ "ปีกขวา" คือ อีกผู้เล่นน่าประทับใจที่หากมีโชคสักเล็กน้อยตั้งแต่ต้นเกมที่ซัดแล้วถูกปัดชนเสา รวมถึงสไลด์ตัวยิงครึ่งหลังแล้วถูกเซฟที่เส้นเช่นกัน ผลลัพธ์สุดท้ายอาจไม่เป็นเช่นนี้

ครับ ฟุตบอลจบ 1-1 เลกแรก แต่จบแบบนี้เรียกว่า จบแบบ "ไม่จบ" และยิ่งทำให้ "ภาค 2" ยิ่งน่าติดตามอย่างยิ่ง

เรื่องโดย "Kai Muk Dum"

คลิกที่ภาพเพื่อชมภาพเกมการแข่งขันทั้งหมด

เรอัล มาดริด 1-1 แมนฯ ยูไนเต็ด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook