7 แข้งดัง "สายลับสองหน้า"

7 แข้งดัง "สายลับสองหน้า"

7 แข้งดัง "สายลับสองหน้า"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความภักดีต่อสโมสรเป็นอะไรที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน ในขณะที่นักเตะอย่าง เปาโล มัลดินี, เจมี คาร์ราเกอร์ หรือ ไรอัน กิ๊กส์ เลือกรับใช้เพียงสโมสรเดียวตลอดอาชีพค้าแข้งของพวกเขา

แต่ในโลกของฟุตบอล ณ ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ทำให้นักเตะจำนวนมากเลือกย้ายไปอยู่กับทีมที่ให้เงินมากกว่าโดยไม่สนว่าพวกเขาจะได้ลงเล่นหรือไม่

ยิ่งไปกว่านั้น บางคนเลือกที่จะย้ายไปอยู่กับทีมคู่ปรับร่วมลีกที่แฟนบอลเกลียดนักเกลียดหนาซะด้วย

และ ทั้ง 7 แข้ง ที่คุณกำลังจะได้เห็นต่อไปนี้นี่แหละ ที่เรากล้าเรียกได้เต็มปากว่าเป็น "สายลับ 2 หน้า"

AS Roma v AC Milan - Serie APaolo Bruno/GettyImages

 1. ลีโอนาร์โด โบนุชชี

แฟน ๆ ยูเวนตุส และทีมชาติอิตาลีไม่มีใครไม่รู้จัก ลีโอนาร์โด โบนุชชี เขาแข็งแกร่ง เด็ดขาด และจัดการกับกองหน้าระดับโลกมาหลายรายแล้ว แถมได้ลงเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องในระบบ 3 กองหลังของ ยูเวนตุส ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ใครล่ะจะคิดว่าเขาจะย้ายออกจากถิ่นตูรินไปยัง เอซี มิลาน สโมสรยักษ์ใหญ่คู่ปรับร่วมลีกอิตาลี

ด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโร โบนุชชี ผู้กลายมาเป็นกัปตันคนใหม่ของ 'ปีศาจแดงดำ' ทันทีที่มาถึง ถูกคาดการณ์ให้เป็นกำลังหลักที่จะพา เอซี มิลาน กลับไปโลดแล่นในบอลยุโรปถ้วยใหญ่อีกครั้ง แต่ทว่าความเป็นจริงช่างโหดร้ายนัก

เพราะในขณะที่ ยูเวนตุส รั้งตำแหน่งจ่าฝูงลีกอีกครั้งหนึ่ง สโมสรใหม่ของ โบนุชชี กลับทำได้แค่ต้องไปลุ้นเล่นยูโรป้าลีกในฤดูกาลหน้าเท่านั้น หลังมีแต้มตามอันดับ 3 อย่าง โรมา ถึง 9 คะแนนเลยทีเดียว

Borussia Dortmund v FC Bayern Muenchen - BundesligaSascha Steinbach/GettyImages

 2. มาริโอ เกิทเซ

ฮีโร่ทีมชาติเยอรมันชุดคว้าแชมป์โลก 2014 คืออนาคตอันสุกสว่างของ 'เสือเหลือง' โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อครั้งที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังเป็นบรมกุนซืออยู่ที่ถิ่น ซิกนัล อิดูนา พาร์ค แต่ข่าวร้ายก็มาเยือนแฟน ๆ ดอร์ทมุนด์จนได้ว่า เกิทเซ ในวัย 20 ปี ณ ขณะนั้น ตกลงย้ายไปอยู่กับคู่ปรับร่วมลีกอย่าง 'เสือใต้' บาเยิร์น มิวนิค 

แฟนบอล 'เสือเหลือง' โกรธแค้นมากทีเดียวกับดีลครั้งนี้ เพราะการพรากอนาคตของพวกเขาไป มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่จะยอมรับกันง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม เกิทเซ ในวัย 25 ปีตัดสินใจย้ายกลับมายัง ดอร์ทมุนด์ อีกครั้งในฤดูกาลที่แล้ว หลังไม่สามารถสอดแทรกยึดตัวจริงจากทีมได้เลย แถมฟอร์มที่เคยดีสมัยยังเป็นดาวรุ่งก็แทบจะไม่เหลือให้แฟนบอล 'เสือเหลือง' ได้ตื่นเต้นอีกแล้วในปัจจุบัน

FBL-ENG-PR-MAN UTD-ARSENALANDREW YATES/GettyImages

 3. โรบิน ฟาน เพอร์ซี 

นับตั้งแต่ได้แชมป์ลีกครั้งสุดท้ายเมื่อฤดูกาล 2003-04 อาร์เซนอล ไม่เคยขยับเข้าใกล้คำว่า แชมป์ลีกสูงสุดเกาะอังกฤษอีกเลย ไอ้ปืนใหญ่นับวันมีแต่เตี้ยลง ๆ จนกลายเป็นทีมอันดับ 4 ไปเสียดื้อ ๆ และปล่อยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี ลุ้นแชมป์กันอยู่แค่ 3 ทีม

ในที่สุด RVP ซึ่งจบฤดูกาล 2011-12 ด้วยการเป็นดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับคู่ปรับร่วมลีกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ ในฤดูกาลถัดมา

ตลอด 3 ปีกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฟาน เฟอร์ซี คว้าแชมป์ไป 2 รายการ ก่อนย้ายทีมหนีปัญหาอันวุ่นวายที่ถิ่น โอลด์แท็ฟฟอร์ด ไปยังลีกตุรกี

ส่วนในปีล่าสุด เขาเพิ่งจะย้ายกลับไปร่วมทีมที่ปั้นเขามาตั้งแต่วัยรุ่นอย่าง เฟเยนอร์ด ร็อทเทอร์ดัม และกำลังมีส่วนร่วมช่วยให้ทีมแดนกังหันลม กำลังจะผงาดคว้าแชมป์ลีกเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน


Manchester United v Manchester City - Premier LeagueAlex Livesey/GettyImages
4. คาร์ลอส เตเบซ

ปัญหาอื้อฉาวกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทำให้สโมสรต้องปล่อยศูนย์หน้าร่างเตี้ยอย่าง คาร์ลอส เตเบซ ไปให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเจ้าตัวก็ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมีส่วนช่วยให้ทีมของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คว้าแชมป์ลีก 2 สมัยซ้อน ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย และลีกคัพ 1 สมัย

แต่ฟอร์มการเล่นของ เตเบซ กลับไม่ช่วยให้เขาได้ต่อสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบถาวร เขาจึงตัดสินใจย้ายไปอยู่กับอริร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นมหาอำนาจแห่งลีกในทศวรรษต่อมา ประตูชัยของเขาในฤดูกาล 2011-12 ในเกมลีกนัดสุดท้ายกับ ควีนส์ พาร์ค เรนเจอร์ ช่วยให้ 'เรือใบสีฟ้า' คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นสมัยแรกได้สำเร็จ พร้อม ๆ กับการเข้ามาเป็น Top 5 แห่งพรีเมียร์ลีกอย่างเต็มภาคภูมิ และที่สำคัญ พวกเขาคว้าแชมป์นั้นโดยการมีแต้มเท่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกด้วย

ปัจจุบัน เตเบซ เพิ่งจะย้ายกลับไปเล่นกับ โบคา จูเนียร์ รอบที่ 3 หลังไปกอบโกยเงินค่าตัวจำนวนมากกับ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว มา 1 ฤดูกาลเต็ม พร้อมกับข้อครหาว่า เล่นไม่คุ้มค่าตัว

Tottenham Hotspur v Arsenal - Premier LeagueShaun Botterill/GettyImages

 5. โซล แคมพ์เบลล์

การเล่นอย่างแข็งแกร่งในเกมรับของเขาทำให้ 'บิ๊กโซล' กลายเป็นขวัญใจของท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส ได้อย่างไม่ยากเย็น แต่การย้ายไปร่วมทีมกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง อาร์เซนอล ก็ทำให้เขาถูกเกลียดแบบเข้าไส้สุด ๆ เหมือนกัน

แคมพ์เบลล์ ปล่อยให้สัญญาของเขาหมดลงกับ 'ไก่เดือยทอง' และมันคงเป็นการจากลาด้วยดี หากเขาย้ายไปเล่นให้ทีมอื่นที่ไม่ใช่ อาร์เซนอล และนั่นเองที่ทำให้เขาได้ฉายาว่า 'จูดาส' จนจบอาชีพการค้าแข้งของเขาเลยทีเดียว

Portuguese Real Madrid's Luis Figo (C) vies betwenJAVIER SORIANO/GettyImages

 6. หลุยส์ ฟิโก้

สมัยที่ ฟลอเรนติโน เปเรซ รณรงค์หาเสียงเพื่อเข้ามาเป็นประธานสโมสร เรอัล มาดริด ในปี 2000 เขาได้ใช้ไม้เด็ดสำคัญในการเอาใจแฟนบอล 'ราชันชุดขาว' อย่างการคว้าตัว หลุยส์ ฟิโก้ ปีกคนสำคัญของอริตลอดการอย่าง บาร์เซโลนา เข้ารัง ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว และแม้คู่แข่งอย่าง ลอเรนโซ ซานส์ ประธานสโมสรในขณะนั้นจะพา มาดริด เป็นแชม์บอลยุโรปได้ แต่ เปเรซ กลับเอาชนะคู่แข่งของเขาขึ้นเป็นประธานได้ในที่สุด พร้อม ๆ กับการคว้าตัว ฟิโก้ มาอย่างที่เขาคุยโม้เอาไว้

หลุยส์ ฟิโก้ คือ จุดเริ่มต้นของยุค 'กาแลคติกอส' และเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้ 'เอล กลาสสิโก้' ดุเดือดในช่วงต้นทศวรรษ 2000 แฟนบาร์เซโลนาตั้งฉายาให้เขาว่า 'คนทรยศ' และครั้งหนึ่งถึงกับเคยโยนหัวหมูใส่เขาด้วยในขณะที่ ฟิโก้ กำลังเปิดเตะมุมฝั่งอัฒจันทร์ของบาร์เซโลนา Roberto BaggioClaudio Villa/ Grazia Neri/GettyImages
7. โรแบร์โต้ บาจโจ้

การย้ายตัวด้วยค่าตัว 8 ล้านปอนด์ในตอนนั้นทำให้เกิดการจลาจลในเมืองฟลอเรนซ์เลยทีเดียว ชายหนุ่ม

ผู้ได้รับสมญานามว่า 'เปียทองคำ' ย้ายจาก ฟิออเรนตินา ไปเล่นให้กับคู่ปรับร่วมซีเรียอาอย่าง ยูเวนตุส และแม้ว่าเขาจะยิงไปถึง 27 ประตูให้กับต้นสังกัดใหม่ได้ในฤดูกาลแรก เจ้าตัวกลับไม่ได้รับการยินยอมจากแฟนบอลเท่าไหร่นัก

ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการที่เข้าปฏิเสธยิงลูกจุดโทษใส่อดีตทีมรักอย่าง ฟิออเรนตินา ในฤดูกาลแรกของเขากับทีมใหม่ และเมื่อเขาถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม เขายังหยิบผ้าพันคอของ 'ม่วงมหากาฬ' ที่ที่ถูกปาใส่ขึ้นมาด้วย ซึ่งการกระทำดังกล่าวราวกับจะประกาศว่า เขายังรักทีมเก่าอยู่นั่นเอง แถมสุดท้ายยูเวนตุสก็แพ้ให้ ฟิออเรนตินา อีกในเกมนั้น

"ลึก ๆ แล้ว หัวใจของผมยังเป็นสีม่วงเสมอ" บาจโจ้กล่าว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook