เมสซี่ที่เปลี่ยนไป?

เมสซี่ที่เปลี่ยนไป?

เมสซี่ที่เปลี่ยนไป?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : แต่ใช่ว่า "เอล พูลกา" จะขี้เกียจวิ่งหรือฟิตไม่พอที่จะวิ่ง ข้อเท็จจริงที่หลายคนไม่สังเกตคือเวลานี้ บาร์เซโลน่า "พึ่งพา" เขาน้อยลงจากเดิมมาก

มีนักฟุตบอลไม่กี่คนครับที่จะทำให้ผมตัดสินใจที่จะไม่ยอมนอนเพื่อรอดูเขาเล่นทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าด้วยสังขารที่เปลี่ยนแปลง นาฬิกาชีวิตที่เปลี่ยนไป การอดนอนดูฟุตบอลจนใกล้รุ่งเช้าสร้างภาระให้กับร่างกายมากขนาดไหน

ลิโอเนล เมสซี่ เป็นหนึ่งในนั้น หนึ่งในคนที่ผมพร้อมจะเฝ้าดูไม่ว่าจะดึกดื่นเพียงไหนก็ตาม

โดยเฉพาะในยามนี้ ห้วงเวลาที่อาจกล่าวได้ว่าเป็น "ขาลง" มากที่สุดของราชาลูกหนังผู้แทบไม่เคยได้สัมผัสกับความรู้สึกหน่วงหนักที่หัวใจแบบนี้มาเป็นระยะเวลานาน

นัยน์ตาและภาษากายของเขาบอกให้เรารู้ว่า ราชาลูกหนังกำลังเป็นทุกข์อย่างมาก

ลิโอเนล เมสซี่

ความทุกข์ของเมสซี่ ไม่เพียงแค่เขาที่ไม่คุ้นชิน แต่เหล่าทวยราษฎร์ที่ติดตามเอาใจช่วยมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นสาวกของเหล่า "บลาอูกรานา" บาร์เซโลน่า, "เบียงคิเชเลสเต้" อาร์เจนติน่า หรือสาวกของทีมอื่นแต่พลีหัวใจถวายให้ราชันลูกหนังยุคนี้ เราต่างรู้สึกประหลาดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในยามนี้

เมสซี่ กำลังเปลี่ยนไป?

ด้วยความที่เรื่องเกิดกับนักฟุตบอลที่ขึ้นชื่อว่าเก่งกาจที่สุดแห่งยุค เสียงลือเสียงเล่าอ้างจึงดังขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่คนพูดกันมีเรื่องราว เหตุผลต่างๆเชื่อมโยงมากมาย

แม้กระทั่งเรื่องที่เมสซี่ "อาเจียน" คาสนามในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติโรมาเนีย ก็กลายเป็นปริศนาระดับโลกลูกหนังเลยทีเดียว

มันชวนให้คิดถึงปริศนาดำมืดในเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1998 ระหว่างบราซิลกับฝรั่งเศส เมื่อมาริโอ ซัลกาโด้ ต้องยอมเสี่ยงส่งโรนัลโด้ ลงสนามทั้งที่สภาพร่างกายและจิตใจไม่พร้อม ท่ามกลางข่าวว่าโรนัลโด้ เป็น "ลมบ้าหมู" ชักก่อนเกม

หรือนี่คือการแสดงออกทางร่างกายที่แบกรับความเครียดอันเกิดจากความกดดันที่สั่งสมมาอย่างยาวนานของเมสซี่ ราชาลูกหนังผู้ไม่นิยมจะปริปากหรือแสดงออกใดๆ?

ลิโอเนล เมสซี่

ต่อเรื่องนี้ข้อเท็จจริงแล้วอาการอาเจียนของเมสซี่ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็น "ปกติ" สำหรับตัวเขา แม้จะไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับคนอื่นก็ตาม โดยกิลเญม บาลาเก้ นักเขียนฟุตบอลชาวสเปน ซึ่งเป็นผู้สัมภาษณ์เพื่อเขียนหนังสือชีวประวัติในหนังสือที่ชื่อ Messi เผยว่าเจ้าตัวยอมรับกับเขาเองว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ โดยไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน

ขณะที่มีผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการอาเจียนในนักกีฬาอาชีพไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด และไม่ใช่เรื่องที่มีผลร้ายแรง

หากมีการยืนยันเช่นนั้น อะไรคือสิ่งที่ทำให้เมสซี่ เปลี่ยนไป? ทำไมเล่นไม่เหมือนเดิม?

เรื่องนี้หากจะหาคำตอบผ่านการวิเคราะห์อย่างจริงจัง มีข้อมูลชุดที่น่าสนใจว่าแท้จริงแล้ว เมสซี่ ก็ไม่ได้เล่นตกลงไปจากเดิมมากนัก

ตามสถิติการผ่านบอลของเขาเวลานี้อยู่ที่ 83.1 เปอร์เซ็นต์ น้อยกว่าค่าเฉลี่ย 4 ปีที่ผ่านมาที่ 85.1 เปอร์เซ็นต์ไม่มาก ขณะที่จำนวนการยิงประตูเฉลี่ยต่อเกมอยู่ที่ 3.47 ครั้ง น้อยกว่า 4 ปีที่ผ่านมาที่ 3.67 ครั้งไม่มากเช่นกัน

กระทั่งการระเบิดพลังความเร็วเข้าสู่เขตโทษ อยู่ที่เฉลี่ย 5 ครั้งต่อเกม พอๆกับที่ผ่านมา

เมื่อเทียบกับคริสติอาโน่ โรนัลโด้ คู่ปรับหมายเลข 1 แล้ว โรนัลโด้ทำได้ 24 ประตูในลีกจากโอกาสจำนวน 173 ครั้ง ส่วนเมสซี่ ทำได้ 15 ประตูจากโอกาส 101 ครั้ง เรียกว่าประสิทธิภาพเองก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่เลย

อะไรที่เปลี่ยนไป?

คำตอบที่มีการค้นพบคือเมสซี่ "วิ่ง" น้อยลงกว่าที่ผ่านมาถึง 2 กิโลเมตรต่อเกม ซึ่งสำหรับนักฟุตบอลอาชีพคนหนึ่ง การที่วิ่งน้อยลงขนาดนี้มีนัยสำคัญมาก

แต่ใช่ว่า "เอล พูลกา" จะขี้เกียจวิ่งหรือฟิตไม่พอที่จะวิ่ง ข้อเท็จจริงที่หลายคนอาจไม่ทันสังเกตคือเวลานี้ บาร์เซโลน่า "พึ่งพา" เขาน้อยลงจากเดิมมาก

ในแต่ละนัดเมสซี่ได้บอลน้อยลงจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเข้าทำจากเดิมที่เน้นการเจาะตรงกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เมสซี่ รวมถึงอิเนียสต้า และชาบี้ ถนัดที่สุด มาเจาะเกมทางริมเส้นโดยอาศัยอเล็กซิส ซานเชซ, เปโดร โรดริเกวซ รวมถึงแบ็กอย่าง ดาเนี่ยล อัลเวส เป็นหลักมากกว่า

ไม่มีการวิ่งทำทางเป็นเส้นทแยงมุมเพื่อเปิดพื้นที่กลางสนามให้ เมสซี่ ได้ใช้ความสามารถที่มีในตัวอย่างเต็มที่

เมื่อบอลมาไม่ถึง จะให้เมสซี่ทำอะไร?

ในขณะที่เหตุผลอีกสิ่งนึงที่มีผลกระทบชัดเจนคือเรื่องของสภาพจิตใจที่บอบช้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในสนามกับอาการบาดเจ็บซ้ำซ้อนที่ตามรังควาญต่อเนื่อง และเรื่องอื้อฉาวนอกสนามจากคดีหลบเลี่ยงภาษี

หลายสิ่งหลายอย่างกำลังรบกวนจิตใจของเขา และเวลานี้เริ่มมีการพูดกันว่า เมสซี่ เองก็เริ่มคิดถึงชีวิตหลังบาร์เซโลน่าแล้วเช่นกัน

ลิโอเนล เมสซี่

อย่างไรก็ดีในเรื่องราวทั้งหมดหากไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว การฟอร์มตกของเมสซี่ หรือบาร์ซ่า เป็นเรื่องที่ธรรมดาที่สุดในโลก ไม่มีนักฟุตบอลคนไหนที่ไม่เคยฟอร์มตก และไม่มีนักฟุตบอลคนไหนที่ไม่เคยเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่างๆมากมาย

ในเกมพิชิตแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมสซี่ แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขายังพยายามและไม่ท้อที่จะเรียกทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาอีกครั้ง ทำให้เราได้เห็นการกระชากลากเลื้อยฉีกแนวรับเป็นชิ้นๆ การจ่ายบอลที่เหนือชั้น และประตูที่เป็นเอกลักษณ์สไตล์ของเขา

และเมสซี่ ทำในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำมานานจนเรียกเสียงปรบมือได้ทั่วคัมป์ นู คือการลงมาช่วยวิ่งไล่บอลตัดเกมในจังหวะสำคัญด้วย

นั่นคือสัญญาณว่า "ราชาลูกหนัง" ยังพยายามจะทวงทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมา

อยู่ที่บาร์ซ่า จะยังศรัทธาเขาเหมือนเดิมหรือไม่เท่านั้น

ลูกแม่กิ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook